การคอลแล็บหรือการร่วมงานกันของคนดนตรี ไม่ว่าจะต่างสไตล์ ต่างค่าย หรือต่างภาษา เปรียบเหมือน “พื้นที่พิเศษ” ที่เปิดกว้างให้พวกเขาได้สนุกกับการทดลองและสร้างสรรค์ผลงานเพลงที่แตกต่างจากที่เคย และยังเป็นพื้นที่แห่งความตื่นตาตื่นใจที่คนฟังรอคอยด้วยความตื่นเต้นอยู่เสมอ
บีน–นภสร ชัยพรเรืองเดช หรือที่เรียกกันอย่างคุ้นเคยกว่าว่า BEAN NAPASON (บีน นภสร) เจ้าของเพลงรักเศร้าสะเทือนใจอย่าง ‘เธอรักเขาตอนเรารักกัน’ และ ‘ไม่อยากเป็นเพื่อนกับแฟนเก่า’ ตัดริบบิ้นเปิดพื้นที่พิเศษพร้อมส่งคำเชิญไปชวน โด้–ธนากร อังสนันท์ (นักร้องนำ) ปิ่น–ปิ่นมนัส เลิศสินอุดม (กีตาร์) และ อาร์ม–ฤทธิไกร ถันชมนาง (คีย์บอร์ด/แซกโซโฟน) 3 หนุ่มสุดกวนแห่งวง SLAPKISS มารวมพลังสร้างสรรค์เพลงรักที่เป็นตัวแทนของกำลังใจ พร้อมจับมือทุกคนให้ก้าวผ่านวันเลวร้ายไปด้วยกัน ‘ถ้าเธอไม่ไหว’ (Tomorrow will be Better) เพลงเพราะเป็นพิเศษ และยังเป็นเพลงพิเศษสำหรับโครงการดนตรีน่าตื่นเต้นของปีนี้อย่างการประกวด “THE POWER BAND 2022” การประกวดวงดนตรีสากลประจำปี 2565 ที่จะมาชวนทุกคนที่มีฝัน ให้กล้าฝัน! กล้าทำ! กันอีกด้วย
เราได้เวลาพิเศษ คุยกับสองศิลปินแบบพิเศษๆ เพราะหาโอกาสได้ไม่ง่ายเลย ที่ทั้งคู่จะมานั่งคุยด้วยกันแบบนี้
นี่คือการร่วมงานกับศิลปินอื่นเป็นครั้งแรกของทั้ง BEAN และ SLAPKISS คำว่าตื่นเต้น เลยนำมาใช้ในคำถามแรกที่คุยกัน เมื่อเราถามพวกเขาถึงการทำงานในเพลงสุดพิเศษนี้
บีน : พอรู้ว่าจะได้ร่วมงานกับ SLAPKISS ก็ตื่นเต้นมาก เพราะเราไม่มีเพลงที่คอลแล็บกับศิลปินอื่นเลย พอจะได้ทำ ศิลปินแรกก็เป็น SLAPKISS เลย ดีใจที่ได้ร่วมงานกันค่ะ ระหว่างทำงานก็สนุกมากๆ เพราะว่ามีมุกมากมายที่เกิดขึ้นระหว่างการทำงาน มีแต่เสียงหัวเราะ มีรอยยิ้มจากพี่ๆ ทุกคน ตอนที่ทำเพลงสนุกมากเลย
ปิ่น SK : การได้ร่วมงานกับศิลปินคนอื่นก็เป็นสิ่งที่เราอยากทำ ด้วยความที่ว่าจะมีใครอยากร่วมงานกับเราไหม จะมีใครอยากมาเล่นกับเราไหม ก็พยายามหาเพื่อนๆ ในวงการมาช่วยกันสร้างผลงาน พอมีโปรเจกต์นี้มาก็รู้สึกว่า มาแล้วก็แปลกใหม่ดี ตอนแรกก็คิดว่าบีนเรียบร้อย ซึ่งจริงๆ ก็เรียบร้อยจริงๆ
โด้ SK : ด้วยตัวเพลงที่มาหรือไดเรกชั่นของเพลงที่บีนส่งมา ทำให้เฟิร์สอิมเพรสชั่นของผมที่มีต่อบีน คือเขาน่าจะเป็นคนดาร์กๆ เป็นผู้หญิงเฟียสๆ เหวี่ยงได้เหวี่ยง น่าจะเป็นคนมั่นใจ เป็นแบบจะออกไปทางแรงๆ แต่พอเจอแล้ว ไม่ใช่แบบนั้นครับ คือเป็นคนน่ารักเลย
อาร์ม SK : ด้วยความเป็นกันเอง และเราก็อายุไล่ๆ กัน ก็เลยทำงานง่าย และคุยกันง่ายขึ้นด้วย
Suggestion
ออกสตาร์ตขลุกขลักนิดหน่อยเพราะโควิดเป็นเหตุ แต่พอเครื่องติดความสนุกก็แล่นฉิวตามมาติดๆ เมื่อทั้ง 1 สาว และ 3 หนุ่ม ได้แลกเปลี่ยนความคิด ความรู้สึก และอีกหลากหลายเรื่องราว เพื่อช่วยกันก่อร่างสร้างเพลง
บีน : ตอนแรกเป็นช่วงที่เราต้องส่งเพลงให้กันแบบออนไลน์ บีนก็ทำเพลง ขึ้นโครงเพลงมาก่อน พอขึ้นโครงเพลงเสร็จก็ส่งให้ SLAPKISS คิดต่อในส่วนของเนื้อเพลงแล้วก็เติมสิ่งต่างๆ ที่เป็น SLAPKISS ลงไปในเพลง ให้มันละมุนมากขึ้น เป็นการทำงานร่วมกันแบบร่วมคิดร่วมแชร์ไอเดียด้วย
โด้ SK : ตอนแรกจะเป็นแบบออนไลน์กัน ส่งกันไปมา แต่ช่วงที่เป็นอัดร้องถึงไปอัดในสตูดิโอเดียวกัน ก็จะเป็นการทำงานในอีกรูปแบบหนึ่ง
บีน : เหมือนพวกเขาเป็นวงที่ซนๆ เป็นสามหนุ่มที่ถ้าเป็นเพื่อนในห้องก็จะเป็นคนที่อยู่ได้กับทุกกลุ่ม ไปได้ทั้งแก๊งเด็กเรียน แก๊งเด็กหลังห้อง แล้วก็อยู่ด้วยกันเอง แต่เป็นแก๊งที่สนุก อยู่ด้วยแล้วมีความสุข ทำงานด้วยกันเหมือนยิงมุกทุก 10 วินาที มันเร็วมากทุกอย่าง แล้วบีนเป็นคนที่ช้ามาก บางทีก็ตามไม่ทัน ตั้งแต่วันแรกที่เจอโด้ เจอพี่ปิ่น เจอพี่อาร์ม ทุกคนก็เล่นมุกกัน ตอนแรกยังเคอะเขินอยู่ ยังไม่กล้าพูด ไม่กล้ามองหน้า ก็เลยพูดแบบเบาๆ แต่พอเจอกัน 2-3 ครั้งก็เริ่มต่อมุกได้แล้ว เริ่มเซียนแล้ว
SLAPKISS : ไม่เน้นคุยงาน เราเน้นต่อมุก
Suggestion
การรวมพลังได้ผลลัพธ์เป็นเพลง ‘ถ้าเธอไม่ไหว’ (Tomorrow will be Better) เพลงที่เปิดประตูให้พวกเขาได้ลองทำดู ในสิ่งที่ไม่เคยทำ
บีน : ตอนแรกที่ได้รับโจทย์มา เหมือนเป็นงานหินสำหรับพวกเรานิดหน่อย เพราะตัวเองเป็นคนที่ไปได้กับเพลงเศร้า เพลงอกหัก แต่พอบอกว่าอยากได้เพลงที่สามารถให้กำลังใจ ให้พลังกับคนได้ คงต้องเป็นเพลงบวกแน่นอน เราก็มาคิดมาคุยกับพี่ๆ ทีมงาน ว่ามันควรจะเป็นเพลงที่ให้กำลังใจคนที่ท้ออยู่ในช่วงนี้ ซึ่งเป็นช่วงโควิดที่หลายคนน่าจะเจอสถานการณ์ที่แย่มากๆ เราอยากเป็นเพื่อนคนหนึ่งของเขา ที่อยู่ข้างๆ เขาในวันที่เขาอ่อนแอที่สุด แล้วก็ร้องเพลงนี้ให้เขาฟัง เราต้องการสื่อแค่ว่า ไม่เป็นไรนะ เราจะจับมือไว้แล้วก็อยู่ข้างๆ คุณ มีอะไรก็แค่พูดออกมา เราคอยรับฟังอยู่ข้างๆ ก็เลยกลายเป็นเพลงนี้ออกมา
โด้ SK : ใช่ครับ อย่างตอนที่เขียนเนื้อเพลงท่อนเวิร์สที่สอง เป็นแบบกึ่งๆ แร็ป ผมหยิบเอาคำที่เคยได้ยินมาใช้ ที่ว่าบางคนแค่ออกจากบ้านก็กลายเป็น bad day แล้ว เช่น ออกจากบ้านมา เดินๆ อยู่ฝนตกอะไรแบบนี้ กลายเป็นว่าทุกอย่างมันซึมไปหมด ก็เลยรู้สึกว่าเราอยากใช้คำนี้อยู่ในเพลงนะ ก็เริ่มเขียนๆ ให้มันสอดคล้องกับความหมายของธีมหลัก เป็นความรู้สึกเหมือนให้กำลังใจ บอกว่าแม้ว่าวันนี้สิ่งที่เจอมันไม่ค่อยดีเท่าไร แต่วันหนึ่งมันจะต้องเป็น good day ของคุณแน่นอน ก็เลยเติมสิ่งนี้เข้าไป
บีน : เพลงที่ออกมา ถ้าถามบีนถึงความพอใจ ของบีนคะแนนเต็มเท่าไรก็ระดับนั้นเลย
ปิ่น SK : ดีครับ ดีมากๆ ตอนแรกที่ได้เพลงมาในรูปแบบที่มีดนตรีแล้วก็มีเสียงน้องบีนแล้ว ก็เว้นช่องว่างไว้ให้เรา โด้ก็แต่งภายในวันนั้นวันเดียว แป๊บเดียวครับ ด้วยความที่โครงมันค่อนข้างสำเร็จรูปแล้ว ปรุงแต่งนิดหน่อย เติมเนื้ออีกนิดหน่อย วงเราก็เคยทำเพลงที่ให้กำลังใจอยู่แล้ว อย่างเพลงสู้ๆ นะเธอ มันก็เป็นไปในทางเดียวกัน เรียกได้ว่าเคยพูดในสิ่งนี้อยู่แล้ว ไม่ยาก
Suggestion
ที่พิเศษกว่านั้นเพลงนี้ยังเป็นเพลงประจำการแข่งขัน THE POWER BAND SEASON 2 การประกวดวงดนตรีประจำปี 2565 เวทีประกวดดนตรีสุดยิ่งใหญ่แห่งปี ที่ คิง เพาเวอร์ ไทย เพาเวอร์ พลังคนไทย จับมือกับ วิทยาลัยดุริยางคศิลป์ มหาวิทยาลัยมหิดล จัดการประกวดเพื่อหาตัวแทนจากทั่วประเทศ เพื่อเฟ้นหาคนดนตรีที่กล้าฝันและกล้าทำให้ฝันเป็นจริง ในฐานะเจ้าของเพลง มีอะไรอยากแนะนำผู้เข้าประกวดกันบ้าง
ปิ่น SK : สำหรับน้องที่เข้าประกวด ก็สู้ๆ ครับ เป็นตัวของตัวเอง อยากโชว์อะไรจัดมาเลย อย่ากังวลว่าจะดีหรือไม่ดี เอาที่ทำแล้วมีความสุขที่สุด อยู่บนเวทีแล้วเป็นตัวเองที่สุด นั่นคือสิ่งที่จะชนะใจกรรมการด้วยความแตกต่างไม่เหมือนใคร ไม่ต้องคิดเอาแต่สกิลไปสู้ เล่นเสียงสูงสู้เล่นเสียงต่ำ โซโลกีตาร์สู้ เอาที่ตัวเองมีความสุขแล้วทำออกมา สีหน้า ออร่าคุณออกมาจากการมีความสุข ก็น่าจะชนะใจกรรมการได้
บีน : ตอนที่เราซ้อม เราซ้อมให้เต็มที่ จำให้แม่นเราจะได้ไม่พลาด ซ้อมขยี้เยอะๆ ตอนที่ประกวด ตอนที่อยู่บนเวทีแล้วสนุกกับเพื่อนๆ ที่อยู่รอบตัวก่อน สนุกกับตัวเอง แล้วพลังมันจะส่งไปถึงคนดูและกรรมการ ทำให้เต็มที่แล้วก็สนุกที่สุด
อาร์ม SK : เตรียมตัวให้พร้อมครับ ยุคสมัยนี้ด้วยยิ่งต้องดูแลสุขภาพตัวเองเยอะๆ
โด้ SK : อยากจะบอกว่าเต็มที่ครับ เพราะว่าเราวัยรุ่นแค่ครั้งเดียว เรามีโอกาสแค่ไม่กี่ครั้ง มาเสียดายทีหลังมันไม่ได้ เต็มที่ครับ ความพยายามอยู่ที่คน แต่ผลอยู่ที่ฟ้า
เชื่อว่าหลายคนอยากถามต่อว่า มือโปรแบบ BEAN หรือแบบ SLAPKISS เขารับมือกับความตื่นเต้นยังไง แน่นอนว่าพวกเขาพร้อมแชร์ประสบการณ์ที่ผ่านมาเช่นกัน
โด้ SK : แต่ละช่วงจะไม่เหมือนกัน แรกๆ เราก็เครียด กดดัน เรียกว่าตื่นเต้นมากกว่า ไม่ได้มีความรู้สึกลบๆ เลย มันเป็นเรื่องของจำนวนเวทีด้วย คือทุกคนต้องตื่นเต้น ถ้าเรายังสนุกกับอาชีพนี้ คือเราต้องตื่นเต้น ถ้าไม่ตื่นเต้นแปลว่าจิตวิญญาณน่าจะหลุดไปแล้ว
ปิ่น SK : สำหรับผม ผมมองว่า เราควบคุมความตื่นเต้นให้มันไม่มาลดทอนความสามารถก็พอแล้ว นักร้องและนักดนตรีใหม่ๆ ที่เล่นเจอคนเยอะๆ ตอนซ้อมเล่นอย่างดีเลย พอขึ้นไปเจอความตื่นเต้นเล่นไม่ได้เลย อันนี้คือความตื่นเต้นทำให้ความสามารถเราลดลง เราต้องลบตรงนี้ออกให้หมด แค่นั้นพอ ที่เหลือตื่นเต้นแล้วทำให้มันเกิดธรรมชาติใหม่ๆ บนเวที อันนี้ไม่เป็นไร แค่ทำให้เหมือนกับว่าไม่มาลดทอนความสามารถเราจะเกินไป แค่นั้น
เล่นมาพอสมควรแล้วก็ไม่ค่อยตื่นเต้นแล้ว ถ้าอยู่ในจุดที่ตื่นเต้นก็จะมีระบบเตือนตัวเอง เช่น เล่นๆ อยู่ ตื่นเต้นก็จะเตือนตัวเอง ขาอย่านิ่งๆ ให้ระเบิดพลังออกมา
โด้ SK : ถ้าบนเวทีรู้สึกว่าตัวเองนิ่งเกินไปก็ขยับหน่อย แต่มายด์เซ็ตที่โด้จะตั้งก่อนขึ้นเวทีเสมอ คือวันนี้เรามอบความสุขให้กับคนดูนะ ต่อให้มีเรื่องอะไรก็ตาม ไม่สบายใจแค่ไหน เอาโด้อีกคนไว้ข้างล่างเวทีก่อน แล้วเอาโด้คนที่สนุกกับมันขึ้นมาทำงาน ลงเวทีค่อยเอาคนเก่ามาสวมก็ได้
อาร์ม SK : เตรียมความพร้อมอุปกรณ์เซ็ตของให้เรียบร้อย ถ้ามีโอกาสก็แวะไปดูเวทีที่ตัวเองจะเล่น ไปดูบรรยากาศคน ให้มันได้เตรียมใจอันนี้ก็น่าจะเป็นวิธีการจัดการให้หายตื่นเต้นได้ บางทีเราไม่ได้ลงไปหน้าเวทีก็อาจจะตื่นเต้น ประหม่าได้ แต่ก็อยู่ที่ประสบการณ์ด้วย ถ้ายิ่งเล่นบ่อยๆ ก็จะจัดการอารมณ์ตรงนั้นได้
บีน : เวลาเราขึ้นเวทีแล้วตื่นเต้นมันจะลืมทุกอย่างเลย ลืมแม้กระทั่งเนื้อเพลง ดังนั้นคือก่อนที่จะเล่นเพลงอะไรคือต้องซ้อมให้ดีมากๆ ต้องวอร์มเสียงก่อนไม่ให้มันปลิ้น เพราะเราเป็นนักร้อง ดังนั้นเสียงเราคือห้ามพลาดเลย มันปลดปล่อยพลังตรงนั้นแล้วเสียงเราต้องพร้อม ดังนั้นการซ้อม วอร์มเสียงคือสำคัญมาก และบีนอาจจะออกกำลังกายหนักหน่อย
ช่วงที่ก่อนจะไปโชว์ และก็เรื่องของการเพอร์ฟอร์มต้องทำตัวเองให้ใหญ่ เราก็จะอ้าแขนออกมา กางมันออก ให้เราดูยิ่งใหญ่ที่สุด เวลาที่เราอยู่บนเวที เราต้องไปข้างหน้า เราก็จะต้องตัวใหญ่ขึ้นมาทันที ซึ่งอันนี้เป็นข้อเตือนใจที่ดีเวลาขึ้นเวที เราต้องสนุกกับคนดู เราก็ต้องทำเต็มที่
ที่เราซ้อมมาทั้งหมดคือสิ่งที่เราต้องปล่อยตรงนี้ กว่าจะทำได้แบบนี้ก็นานมาก อย่างที่ SLAPKISS บอก มันต้องใช้เวลา ใช้เวทีในการแลกมาเหมือนกัน เพื่อที่จะแลกประสบการณ์ หลายปีเหมือนกันกว่าที่บีนจะเข้าใจกว่าจะพยายามตัวใหญ่ได้ เพราะจริงๆ แล้วบีนเป็นคนขี้อายมาก พอเราต้องไปอยู่บนเวที เราต้องเป็นอีกแบบหนึ่งเลย เราต้องไม่ขี้อาย เราจะไม่มีความเขิน ต้องค่อยๆ ปรับมายด์เซ็ตของตัวเองไปเรื่อยๆ เหมือนเราคิดว่าเราต้องให้อะไรสักอย่างกับคนดูนะ แต่ถ้าเรายังเก้ๆ กังๆ หรือมีความกังวลใจ หรือขี้อายอยู่มันก็ไม่ได้ทำสักที เดี๋ยวมันจะมีวันหนึ่งที่จะปลดล็อกเองว่า วันนั้นคุณจะต้องตัวใหญ่แล้วนะ ไม่มีเวลาให้มารีรออีกแล้ว
อ่านจบครบแล้ว อยากชวนทุกคนไปสนุกกันต่อกับพื้นที่สุดพิเศษในมิวสิกวิดีโอเพลง ‘ถ้าเธอไม่ไหว’ ที่พวกเขาได้สนุกไปอีกขั้นกับการย้อนวันเวลาไปสวมบทบาทเป็นนักเรียนอีกครั้ง และไปร่วมกันรับพลังบวกแบบคูณ 4 ที่ BEAN NAPASON x SLAPKISS ส่งมาให้ทะลุจอ กันเลยที่
ถ้าเธอไม่ไหว (Tomorrow will be Better) – BEAN NAPASON x SLAPKISS[ Official MV ]
Suggestion
ยังมีเบื้องหลังความสนุก
• มิวสิกวิดีโอเพลง ‘ถ้าเธอไม่ไหว’ ถ่ายทำกันที่ วิทยาลัยดุริยางคศิลป์ มหาวิทยาลัยมหิดล ใช่แล้ว! เป็นเวทีที่ใช้แข่งขัน THE POWER BAND ด้วยนั่นเอง
• ขอเสียงกรี๊ดให้ เติร์ด Tilly Birds ผู้กำกับมิวสิกวิดีโอเพลงนี้กันหน่อย
• นอกจาก ‘ถ้าเธอไม่ไหว’ พวกเขาสนุกกันต่อด้วยการยังแลกเพลงกันร้องใน Live Session อีกด้วย ตามไปสนุกกันได้ที่
ถ้าเธอไม่ไหว – BEAN NAPASON x SLAPKISS [Live Session]
ทำความรู้จัก 1 สาว vs 3 หนุ่ม
• BEAN NAPASON
บีน – นภสร ชัยพรเรืองเดช จากค่าย Boxx Music เริ่มเป็นที่รู้จักจากการประกวด The Voice ซีซั่น 2 ก่อนที่จะกลายมาเป็นศิลปินเดี่ยวที่ส่งผ่านความรู้สึกเศร้าๆ ของคนอกหัก ช้ำรักได้โดนใจ จนกลายเป็นลายเซ็นประจำตัว
• SLAPKISS
วงหน้าใหม่ของค่าย LOVEiS Entertainment ที่ประกอบไปด้วย 3 หนุ่ม 3 สไตล์ คือ โด้ ปิ่น และอาร์ม แต่ผสมกันได้อย่างลงตัว เป็นเพลงแนว Power Pop ที่โดดเด่นกว่าใครด้วยเสน่ห์ของแซกโซโฟนที่เราแทบไม่เคยเห็นในดนตรีสายป็อป