โจ–ชินวัตร ชีมูล เด็กหนุ่มจากสกลนคร เขาเป็นอีกหนึ่งคนที่เกิดในพื้นที่ห่างไกลจากเมืองหลวง…แต่กลับพยายามพาตัวเองเข้าไปอยู่ใกล้ความฝัน…ให้เป็นจริงมากที่สุด ตั้งแต่วัย 7 ขวบ ด้วยความมุ่งมั่นตั้งใจสู่ฝัน ‘นักฟุตบอลอาชีพ’ ในสักวัน
วันนี้ชื่อของ ‘โจ ชินวัตร’ เป็นที่รู้จักมากขึ้น เมื่อผ่านการคัดเลือกให้เป็นหนึ่งในนักฟุตบอลเยาวชนโครงการ FOX HUNT รุ่น 3 ถือเป็น “สะพาน” ชั้นยอดที่จะทอดไปสู่เส้นทาง แห่งความสำเร็จขั้นต่อไปของชีวิต
ทุกวันนี้หลังจากโอกาสฝึกกับสโมสรระดับอินเตอร์ที่เมืองเลสเตอร์ซิตีที่อังกฤษ เมื่อกลับมาโจยังได้รับโอกาสเป็นนักเตะอาชีพที่ค้าแข้งอยู่กับทีม สยาม เอฟซี โดยทำผลงานได้ดีอีกด้วย
ย้อนภาพกลับไปวัยเด็ก เขาถูกเลี้ยงดูปลูกฝังอย่างเรียบง่าย พร้อมกับเติบโตในบ้านไม้ ใต้ถุนสูง กับบรรยากาศนั่งล้อมวงกินข้าวตามประสาวิถีคนชนบท แคร่ไม้ไผ่คือโต๊ะกินข้าวสุดเท่ กับข้าวง่ายๆ เพียงไม่กี่อย่าง ข้าวเหนียวร้อนๆ พร้อมปั้นเข้าปากเป็นคำ
นั่นคือภาพไออุ่น ครอบครัวเล็กๆ หล่อหลอมความสุขด้วยเสียงหัวเราะหยอกล้อพูดคุยกับ ‘แม่ และ ป้า’ สองสตรีผู้อยู่เคียงข้างโจมาตั้งแต่เล็กจนโต
“ฟุตบอลพาให้ผมมาสู่ความสำเร็จ เป็นความรู้สึกข้างในว่าเราทำได้แล้ว ผมไม่เคยคิดว่าจะมาถึงจุดนี้ ฟุตบอลพาผมไปในทุกๆ ด้าน โดยเฉพาะที่ทำให้ผมได้เจอพ่อที่ไม่เคยเจอกันมาเลยตั้งแต่เด็ก…” โจ–ชินวัตร ชีมูล
Suggestion
‘แม่-ป้า’ สองไอดอลสตรีแข้งเหล็ก
โจเกริ่นด้วยความภาคภูมิใจว่า “ผมมีไอดอลเป็นศูนย์หน้าที่มีความเร็วและยิงประตูได้เฉียบขาดนั่นคือคือแม่ (ผกามาศ นารถชมสา) และป้า (พรทิพย์ ชีด้าม)” สองสตรีผู้แข็งแกร่งที่เป็นทั้งแรงบันดาลใจและแรงกำลังใจให้นำพาเข้าสู่เส้นทางฝันของการเป็นนักฟุตบอลมืออาชีพ
โดยผู้เป็นแม่เล่าว่า เธอเองชอบเล่นฟุตบอลมาตั้งแต่เด็ก และทำประตูมาแล้วนับไม่ถ้วน ดูจากลีลาการเลี้ยงบอล และฝีเท้าน้ำหนักการการเตะ เรียกว่าแรงไม่แพ้ผู้ชายสำหรับความเก่งจากทั้งแม่และป้าเลยทีเดียว
“เมื่อไรที่มีการแข่งขัน ถ้ามีแม่กับป้าลงสนาม แมตช์นั้นรับประกันได้ว่า ส่วนใหญ่มักจะได้แชมป์เสมอ” โจถ่ายทอดความสามารถของสองไอดอล ที่เป็นครูฝึกซ้อมให้เขามาตั้งแต่เด็ก
การได้เห็นทั้งป้าและแม่ ลงสนามฟุตบอลเป็นกองหน้าจนชินตา ทำให้โจเองพลอยกระหายในการยิงประตูไปด้วย
“ผมเล่นเป็นตำแหน่งศูนย์หน้ามาตลอด…เพราะอยากยิงประตูครับ” น้ำเสียงเข้มเอ่ยถึงความตั้งใจในการเข้าไปยืนหนึ่งกองหน้าของทีมเพื่อทำประตูนับไม่ถ้วนเหมือนไอดอล
ภายใต้ความมุ่งมั่น เขามีความทะเยอทะยาน มีวินัย ขยันอดทน รับชอบต่อ ‘ความฝัน’ ฝึกฝนอย่างหนักเพื่อไปให้ถึงเป้าหมาย
Suggestion
ลิขิตแห่งฟ้า หรือจะสู้มานะแห่งตน
สำหรับโจเองสัมผัสถึงความสุขโดยไม่ได้รู้สึกขาด… ทว่าผู้เป็นแม่กลับเอ่ยสงสารลูกชายด้วยเสียงสั่นเครือน้ำตาคลอว่า
“น้องโจ อาภัพตรงไม่มีพ่อ…เขาแยกจากไปตั้งแต่โจยังเด็ก …และโจเองก็ไม่เคยเจอหน้าพ่อเลย” ซึ่งแม้โจจะขาดพ่อ แต่ส่วนตัวโจกลับไม่เคยรู้สึกท้อ ทุกวันกลับมีพลังใจมองไปยังฝันที่ต้องเอื้อมไขว่คว้าให้ได้
ฝาหลังบ้านไม้ พื้นที่แห่งแรงขับเคลื่อนถูกแขวนประดับด้วยเหรียญ และถ้วยแชมป์ต่างๆ กับลูกฟุตบอลลูกเก่าผ่านการใช้งานอย่างหนัก ถูกจับวางคู่รูปถ่ายบนชั้นไม้ ส่วนรอยยิ้มในภาพถ่ายที่บันทึกไว้ บ่งบอกถึงครอบครัวที่มีใจรักในกีฬาฟุตบอลโดยสายเลือด อย่างแท้จริง
ป้าพรทิพย์ เล่าว่า “น้องโจ โตมากับฟุตบอล เวลาเล่นบอล ก็จะหอบหิ้วหลานชายไปด้วย” ซึ่งคุณป้าเองจัดเป็นโค้ชฝึกสอนคนสำคัญให้โจมาตั้งแต่เด็ก
“ผมมีความฝันอยากเป็นนักฟุตบอลทีมชาติไทย อยากตอบแทนแม่กับป้า ที่เลี้ยงดูและสั่งสอนผมมาตลอด แม่มีอาชีพเป็นผู้ช่วยพยาบาล ส่วนป้าเป็นเกษตรกร”
ทุกๆ วัน ของโจ คือ การตื่นแต่เช้าตรู่ออกวิ่งพร้อมรองเท้ากีฬาคู่เก่งที่มีรอยคราบเปื้อนฝุ่นดิน เขาวิ่งจากบ้านออกไปสู่ถนนหน้าตลาด ผ่านหมู่บ้าน ลัดเลาะเข้าสู่สองข้างทางธรรมชาติ ที่เป็นคันนายาว ก่อนลงสนามฝึกซ้อมบอลชั้นเยี่ยมไม่เหมือนใคร แปลงนายามแล้ง กับฟางข้าวแห้งๆ รองพื้นเป็นหญ้าสนามฟุตบอลอย่างดี ก่อนจะไปใช้พื้นที่สนามหญ้าโล่งๆ
ภายในโรงเรียนใกล้บ้านเพื่อฝึกซ้อมฝีเท้ายิงประตู เพื่อนคู่ซ้อมเตะนอกจากแม่และป้า ยังมีญาติผู้พี่กับน้องชายที่เล่นฟุตบอลมาด้วยกันตั้งแต่เด็ก
นอกจากการฝึกซ้อมฟุตบอลประจำวันของโจที่เริ่มตั้งแต่เช้า จนพลบค่ำตะวันคล้อยตกดิน…เป็นเช่นนี้ทุกวัน ส่วนในช่วงเวลากลางวัน โจยังอาสาเป็นแรงงานช่วยป้าติดสอยห้อยตาม เวลาออกไปทำไร่ทำสวนด้วย “โจยังมาช่วยป้าทำเกษตร ขุดมัน ทำสวน… เขามุ่งมั่น ขยันดี ป้าจะบอกว่าถ้าทำเสร็จให้กลับเลย เขาก็จะเร่งทำให้เสร็จเพื่อไปซ้อมบอล… โจเล่นบอลเก่ง” ป้าเอ่ยชมหลานชายอย่างชื่นใจ
“บางทีผมก็ออกไปหาของป่ากับป้า ช่วยเก็บเห็ด ผักหวาน เอารายได้มาเลี้ยงครอบครัว” โจเล่าวิธีหารายได้ซึ่งเป็นวิถีของเด็กต่างจังหวัดที่พอจะทำได้ในตอนนั้น
Suggestion
…Fox Hunt จุดเปลี่ยนชีวิต…
ช่วงวัยรุ่นเขาเริ่มตั้งต้นขวนขวายไปสู่เส้นทางฝัน จากบ้านเกิดมุ่งหน้าสู่เมืองหลวง ขยับพาตนเองไปใกล้ ‘โอกาส’ โดยการสอบคัดเลือกตัวเพื่อเข้าไปอยู่โรงเรียนกีฬากรุงเทพมหานคร ได้สำเร็จ
และที่โรงเรียนแห่งนี้เอง เป็นการจุดไฟพลังในตัวให้โชติช่วง เมื่อโรงเรียนส่งเขาเข้าประกวดคัดเลือกในโครงการ FOX HUNT รุ่น 3 จากการสนับสนุนโครงการของ คิง เพาเวอร์ เวทีแห่งนี้ได้ฉายประกายเยาวชนหนุ่ม นักเตะศูนย์หน้าที่แข็งแกร่งและดุดันให้เป็นที่รู้จัก
วันประกาศผล ‘10 สุดยอด เยาวชน Fox Hunt รุ่น 3’ ปรากฎชื่อของ ‘โจ ชินวัตร ชีมูล’ ผ่านเข้ารอบ เสียงความในใจจากป้า เมื่อทราบผลแว้บแรกบอกว่า “คิดว่าเราเป็นคนบ้านนอก คงไปไม่ถึงจุดนั้น…”
ส่วนคุณแม่ของโจบอกว่าจำความรู้สึกวันนั้นไม่ลืม “ความรู้สึกคือ ตื้นตันใจมาก น้ำตาไหล…ภูมิใจมาก ไม่รู้จะพูดอะไร พูดไม่ออกเลย” สองสตรีไอดอลของโจร่วมกันถ่ายทอดอารมณ์ความรู้สึกในวันสำคัญที่ถือเป็นจุดเปลี่ยนชีวิตของ ‘โจ’
สำหรับเหตุการณ์วันสำคัญครั้งนั้น ยังเป็นการพบหน้า ‘พ่อ’ เป็นครั้งแรกของโจอีกด้วย แม่ผกามาศ เล่าว่า “วันนั้นเดินเข้าไปหาคุณพ่อแล้วก็พากันกอดกัน ร้องไห้…ส่วนคุณยาย ไม่ทานข้าวเลย เพราะดีใจมาก” นับเป็นห้วงบรรยากาศของการชื่นชมยินดี และตื้นตันใจของครอบครัว ‘ชีมุล’ ถ้วนหน้าทุกคน
ส่วนบนเวทีวันนั้นใบหน้าของ ‘โจ ชินวัตร’ เปื้อนยิ้มเบาๆ บ่งบอกบางสิ่งในใจ ถ่ายทอดออกมาเป็นคำพูดได้ว่า “เป็นความรู้สึกข้างในครับ ว่าเราทำได้แล้ว ผมไม่เคยคิดว่าจะมา ถึงจุดนี้ ฟุตบอลพาให้ผมมาสู่ความสำเร็จ”
“ขอบคุณโอกาสที่ทำให้ “เด็กบ้านนอก” อย่างที่โจเรียกตัวเอง ป้าไอดอลหญิงแกร่งของโจ กล่าวความรู้สึกขอบคุณโครงการดีๆ ที่ให้เด็กหนุ่ม…ซึ่งมีฝันอยากเป็นนักฟุตบอลอาชีพ ได้มีโอกาสไปเรียนฟุตบอล ถึงประเทศอังกฤษ”
Suggestion
‘ฟุตบอล’ นำพาไปทุกที่…
“ฟุตบอลพาผมไปในทุกๆ ด้าน โดยเฉพาะทำให้ผมได้เจอพ่อ…ที่ไม่เคยเจอกันมาเลยตั้งแต่เด็ก” วันแห่งความสำเร็จของ ‘โจ ชินวัตร’ เขาถือโอกาสถ่ายภาพ คู่กับพ่อ พร้อมกับโพสต์ลงใน Facebok เป็นครั้งแรก หลังจากร่วมส่งกำลังใจให้ลูกชาย อยู่ข้างเวที
“เจอกันครั้งแรก ผมไม่ได้พูดอะไรกับพ่อ แต่มันรู้สึกดีใจ ภูมิใจว่ามีพ่อ…อีกครั้ง” เขาเล่าถึงคำอวยพรของพ่อที่ให้ไว้ว่า “ขอให้ตั้งใจ ถึงแม้…พ่อไม่ได้อยู่ด้วย ไม่ได้เลี้ยงมาตั้งแต่เด็ก แต่พ่อดีใจที่มีลูกเก่ง พ่อก็ภูมิใจครับ” ลูกชายถ่ายทอดคำพูดของพ่ออย่างแม่นยำ
ส่วนแม่ยังคงตื้นตันใจน้ำเสียงดีใจอยู่ลึกๆ “เป็นเพราะฟุตบอลลูกกลมๆ ทำให้โจได้เห็นหน้าพ่อเป็นครั้งแรก”
สำหรับ โจ ชินวัตร เขายอมรับว่าฟุตบอลพาเขาไปทุกที่… “ไม่ว่าจะไปหาเพื่อน ไปหาพ่อ ไปหาฝัน การได้ไปเรียนประเทศอังกฤษ อยู่ที่เมืองเลสเตอร์ ที่สำคัญผมอยากใช้ฟุตบอลหารายได้มาเลี้ยงครอบครัวในวันข้างหน้า”
ย้อนไปในวันที่โจต้องร่ำลาพี่ ป้า น้า อา ตา ยาย เพื่อจะบินไปเรียนฟุตบอลประเทศอังกฤษ 1 ปี…ซึ่งอยู่ในความทรงจำสำคัญของเขาไม่มีวันลืม…ทุกคนต่างส่งเสียงให้กำลังใจล้นหลาม
“สู้ๆ ตั้งใจนะลูกเอ้ย”…
“กลับมาขอให้ได้ดิบได้ดี”…
“ให้ได้เป็นนักเตะทีมชาติไทย”…
“ขอให้โชคดีมีชัย”…
น้ำตาแห่งความปลาบปลื้มภูมิใจ นำมาสู่รอยยิ้มของสมาชิกในครอบครัว ช่วงบันทึกภาพถ่ายร่วมกัน อนาคตของวันนั้นสำหรับเขาในวันนี้ เราจึงได้เห็นศูนย์หน้าดาวเด่นชื่อ ‘โจ ชินวัตร ชีมุล’ นักเตะหนุ่มจากสกลนคร ได้โลดแล่นอยู่ในวงการลูกหนัง ในฐานะ ‘นักฟุตบอลอาชีพ’ ดั่งที่เขาฝันไว้…เป็นที่เรียบร้อยแล้ว
ผลงานฟุตบอลของโจ ชินวัตร ชีมุล
ปี 2021/22 สยาม เอฟซี (T3)
ปี 2018-2020
สยาม เอฟซี (T3) ไทยลีก
– ลงสนาม 12 นัด
– มีรายชื่อตัวจริง 3 นัด
– สำรอง 16 นัด
รวมเวลา 361 นาที
ช้างเอฟเอ คัพ
– ลงสนาม 1 นัด
รวมเวลา 14 นาที
การแข่งขันทีม FOX HUNT ณ เมืองเลสเตอร์ ประเทศอังกฤษ
ฤดูกาล 2018/19 คิดเป็น 54%
– แข่ง 61 นัด
– ลงเล่น 33 นัด
– ยิงประตู 7
– แอสซิสต์ 3
ฤดูกาล 2019/20 คิดเป็น 98%
– แข่ง 31 นัด
– ลงเล่น 30 นัด
– ยิงประตู 9
– แอสซิสต์ 1