มนุษย์เมื่อรู้สึกว่าตนเองด้อยค่าก็คล้ายแก้วอันบอบบาง ที่พร้อมจะแตกกระจายได้ทุกเมื่อ แต่การสร้างคุณค่าให้ตนเองนั้น ก็ใช่ว่าทำได้ง่ายดายและทันใจ
“งานเป่าแก้วมันก็เหมือนกับการใช้ชีวิต เวลาเราเป่าแก้วเร็วไป เอาแก้วเข้าไปเร็วไป แก้วมันจะร้าวแล้วก็แตก” ภพต์ เทภาสิต เอ่ยจากประสบการณ์การสู้ชีวิตบนรถเข็นมานาน…นานกว่าช่วงเวลาที่เดินบนเท้าของตัวเองเสียอีก
…แก้วที่แตกกระจาย…
“ผมหยุดหายใจไปแล้ว เขาก็เลยเอาผมไปทิ้งไว้ที่หน้าห้องดับจิต” ภพต์ เทภาสิต ประธานสหกรณ์บริการผลิตภัณฑ์คนพิการไทย พูดถึงความหลังครั้งอายุเบญจเพส
“ตอนนั้นผมเป็นผู้ชายวัยรุ่นอายุ 25 ปี เรียนหนังสือด้วยแล้วก็ทำงานไปด้วย วันนั้นมีงานวันเกิดเพื่อนที่บริษัท ผมก็ขี่มอเตอร์ไซค์ไปร่วมงานวันเกิดเพื่อน” วันนั้นเกิดอุบัติเหตุมีคนเมาขับรถชนมอเตอร์ไซค์ของเขา สภาพเสมือนคนตายไปแล้ว ถึงขั้นเตรียมส่งเข้าห้องดับจิต แต่โชคยังดี…เขารอด
“ผมจำความอะไรไม่ได้เลยนะ สลบไปประมาณ 3 เดือน วินาทีแรกที่ตื่นขึ้นมาก็คือว่ามีเครื่องช่วยชีวิตเยอะแยะไปหมดเลย แล้วหมอก็เอาเหล็กแหลมมาแทงที่ปลายเท้า ถามว่ารู้สึกไหม ก็บอกว่าไม่รู้สึก ไม่รู้สึก”
เหมือนแก้วที่บอบบางหล่นแตกกระจาย เขาเป็นอัมพาตครึ่งท่อนไม่รู้สึกเลยตั้งแต่หน้าอกลงมาถึงปลายเท้า กลายเป็นผู้พิการที่ช่วยเหลือตัวเองไม่ได้ ต้องมีคนคอยป้อนข้าวป้อนน้ำ “ขับถ่ายยังต้องมีคนมาล้วงให้ เหม็นจนคนที่เตียงข้างๆเขาลุกออกไปหมดเลย ซึ่งทำให้ตัวเองรู้สึกไม่อยากอยู่เลยนะครับ ไม่อยากอยู่”
✓ อย่าใจร้อนหรือด่วนตัดสินด้อยค่าชีวิตตัวเอง
Suggestion
…หลอมรวมแก้วใหม่…
ชีวิตคนหนุ่มที่กำลังรุ่งโรจน์ หน้าที่การงาน เงินเดือน รายได้พิเศษ…หมดสิ้นไป เรียกว่าเป็นคนพิการหมดอนาคตก็ไม่ผิดนัก ภพต์เริ่มเก็บตัวเงียบไม่สุงสิงกับสังคมรอบข้าง เริ่มรู้สึกว่าตนเองด้อยค่า ไร้ความสามารถ
“หลังจากที่ตัวเองคิดท้อไม่อยากอยู่แล้ว แต่ถูกคุณหมอบังคับให้ไปทำกายภาพบำบัด ผมได้เจอคุณยายแก่ๆ มารอทำกายภาพเหมือนกัน ยายร้องไห้ก็บอกว่าลูกหลานเอามาทิ้ง พอเราได้คุยด้วย ได้จับมือแก แกก็เริ่มหยุดร้องไห้แล้วก็มีรอยยิ้มกับเรา ผมเริ่มมีความรู้สึกที่เริ่มมองนอกเหนือจากตัวเอง โดยไปคุยกับคุณยายเพื่อให้คุณยายมีความสุข”
คุณยายท่านนั้นทำให้เขามีแรงเก็บแก้วที่แตกเกลื่อนเข้ามาต่อกันทีละชิ้นๆ เริ่มเปลี่ยนความคิด แทนที่จะจมอยู่ในวังวนทุกข์ของตน กลับไปคิดถึงคนอื่นๆ บ้าง
✓ เมื่อไหร่ที่ท้อ ลองหันมองชีวิตที่อยู่เพื่อคนอื่นดูบ้าง เพื่อเป็นกำลังใจให้ตัวเอง
ภพต์ได้เข้าอบรมฝึกอาชีพคนพิการ ลองปั้นแป้ง ทำยาหม่อง ยาดม ไข่เค็ม กล้วยทอด เทียนเจล… สารพัดที่จะสร้างรายได้ขึ้นมาได้ เข้าสู่กลุ่มอาชีพอิสระคนพิการ จังหวัดนนทบุรี อย่างเต็มตัว
Suggestion
…ทำไปเพื่อใคร ทำไปขายใคร…
“ได้ไปเรียนรู้เรื่องอาชีพต่างๆ ประมาณ 30 กว่าอาชีพนะครับ ก็เริ่มรู้ว่าอาชีพไหนที่มันทำยาก อาชีพไหนที่ต้องใช้เวลาเยอะ เราก็จะมีคู่แข่งน้อย เลยเลือกการเป่าแก้วเป็นหลัก” ภพต์สร้างสรรค์งาน ‘ประดิษฐ์’ แก้วตามไอเดียที่คิดขึ้นเอง ปรากฏว่าได้รับความสนใจเป็นอย่างมาก จึงเริ่มรวมตัวคนเป่าแก้วเข้ามาเป็นสหกรณ์ช่วยกันผลิตชิ้นงานขาย แล้วขยับตัวเองขึ้นเป็นอาจารย์สอนเป่าแก้ว ให้คนพิการและคนทั่วไปสามารถนำไปเป็นอาชีพได้ ตามที่เขาตั้งใจไว้เมื่อครั้งพบกับคุณยายว่า “อยากเป็นผู้ให้บ้าง”
✓ จงค้นหาคุณค่าเล็กๆ ในตัวเอง…คุณค่าแม้เพียงเล็กๆ ก็มีความหมายได้
ผู้พิการที่เข้ามาเรียนบางคนก็ขายลอตเตอรี่มาก่อนแต่รายได้ไม่คุ้มค่าใช้จ่ายในครอบครัว บางคนก็มาเรียนรู้ไว้เป็นอาชีพเสริมเพิ่มเติมรายได้ให้มากขึ้น เกิดช่างเป่าแก้วคนพิการขึ้นอีกมากมาย
แต่ก็มีคำถามเกิดขึ้นในใจว่า…ทำแล้วจะขายให้ใคร?
…แก้วใหม่ที่ใครๆ ก็ต้องการ…
“รัฐและเอกชนส่งเสริมอาชีพ ให้เงินมาเรียน ให้ของ แต่ปัญหาคือไม่ได้ให้เรื่องการตลาด” ซึ่งในการจะขายของสักชิ้นให้ก็รายละเอียดมากมาย เขาต้องระดมสมองกัน ค่อยๆ ศึกษากันไป
เริ่มต้นด้วยการรวมตัวกันหลายๆ คนตั้งเป็น สหกรณ์บริการผลิตภัณฑ์คนพิการไทย จำกัด เพื่อคอยช่วยเหลือกันในเรื่องต่างๆ เช่น การรวมกันซื้อวัตถุดิบ รวมกันขายผลิตภัณฑ์
✓ พยายามมองหาหรือสร้างเป้าหมายใกล้ตัวให้กับชีวิต
“ในช่วงที่รัฐบาลมีการส่งเสริมเรื่องการไปสู่อาเซียนนะครับ ก็เลยให้ทาง คิง เพาเวอร์ เป็นตัวกลางในการขับเคลื่อน เขาการประกาศให้เอาสินค้าไปโชว์ ก็มีหลายเจ้าเหมือนกันที่เอาไปโชว์ แต่ทาง คิง เพาเวอร์ เขาพิจารณาแล้วว่าทางเราเหมาะสม โดยราคาที่รับได้ คุณภาพของสินค้าดี มีสัญลักษณ์ความเป็นไทย เพราะว่าผมจะใช้อัญมณีทำเป็นลายธงชาติ ก็ทำเป็นรูปรถตุ๊ก ๆ รูปช้าง เขายอมรับ แล้วก็สั่งซื้อ”
ภพต์เลือกนำความเป็นไทยใส่ลงไปในผลิตภัณฑ์ นับเป็นการตลาดที่ชาญฉลาดข้อหนึ่ง
เขาแปรแท่งแก้วธรรมดาๆ ให้ออกมาเป็นรูปร่างตามที่เขาจินตนาการ เพิ่มมูลค่าด้วยการใช้เม็ดคริสตัลขนาดเล็กมาประดับในชิ้นงาน สะท้อนแหล่งผลิตออกมาอย่างชัดเจน งานเป่าแก้วชิ้นแรกๆ ที่ทำให้ คิง เพาเวอร์ คือรูปช้างและรูปม้าพยศ
ร้านค้า OTOP สนามบินสุวรรณภูมิวางจำหน่ายสินค้าจากฝีมือคนพิการในหมวดสินค้าของที่ระลึก และเชื่อหรือไม่ว่าสินค้าจากฝีมือคนพิการเป็นสินค้านี่ล่ะที่ขายดีที่สุดในหมวดสินค้าของที่ระลึกเชียวล่ะ
“ยอดขายเติบโตมากและมีความมั่นคง คือรู้เลยว่าเราต้องผลิตของเตรียมไว้รองรับ มันทำให้เราลดต้นทุนไปเยอะ เพราะต้องซื้อของทีละเยอะๆ พวกแท่งแก้วที่ต้องใช้ จากเดิมซื้อทีละ 10 กิโลกรัม ก็เป็น 100 กิโลกรัม ทำให้ราคาถูกลงไปเยอะ”
นอกจากนี้งานเป่าแก้วของทางสหกรณ์มีการจัดใส่กล่องสำหรับโชว์อย่างสวยงาม ถือเป็นการต่อยอดงานของคนพิการในกลุ่ม โดยจะมีคนที่ผลิตกล่องผ้าไหม ผลิตกล่องกระจกหรือตู้กระจกสำหรับใส่ชิ้นงานเป่าแก้วเพิ่มขึ้นมาอีก กระจายรายได้ออกไปให้ทั่วๆ กัน ถึงทุกวันนี้ทางสหกรณ์ได้ผลิตชิ้นงานเป่าแก้วจำหน่ายไปนับหมื่นชิ้น
ที่สำคัญคนเลือกซื้อเพราะความสวยงามของผลงานและสามารถนำไปใช้ได้จริง “ไม่ได้ซื้อเพราะว่าสงสาร” ดังที่เขาอยากให้เป็น
Suggestion
…เป่าแก้ว…ก็เหมือนการใช้ชีวิต…
“งานเป่าแก้วมันก็เหมือนกับการใช้ชีวิต…เราต้องค่อยๆ เลี้ยงไฟที่ใช้เป่าแก้ว ให้ความร้อนกระจายไปทั่ว พอแก้วเริ่มหลอมเราถึงจะค่อยยืดมันและค่อยหดมัน ถ้าเกิดเราปล่อยให้ไฟมันมากเกินไปแก้วจะเริ่มละลาย เราไม่สามารถจะรวมตัวให้มันเป็นรูปร่างที่เราต้องการได้”
ชีวิตของ ภพต์ เทภาสิต ที่คล้ายกับแก้วซึ่งแตกละเอียดไปแล้ว ปัจจุบันแม้เขาไม่สามารถเดินได้ แต่ก็ได้ใช้สองมือและพลังใจกอบกู้มันขึ้นมาใหม่ หลอมรวมเป็นแก้วใหม่ที่แข็งแรง และต่อยอดให้เกิดความงดงาม พร้อมส่งต่อไฟให้กับผู้คนที่เคยแตกร้าว เคยรู้สึกสิ้นหวัง ให้กลับมาหลอมชีวิตใหม่ ให้ลุกสู้ได้อีกครั้งอย่างงดงาม
ถอดรหัสพลังใจให้ใครที่ท้อ
“งานเป่าแก้วก็เหมือนกับการใช้ชีวิต เวลาเราเป่าแก้วเร็วไป…แก้วมันจะร้าวแล้วก็แตกได้” – ภพต์ เทภาสิต ประธานสหกรณ์บริการผลิตภัณฑ์คนพิการไทย
✓ เมื่อไหร่ที่ท้อ ลองหันมองชีวิตที่อยู่เพื่อคนอื่นดูบ้าง เพื่อเป็นกำลังใจให้ตัวเอง
✓ จงค้นหาคุณค่าเล็กๆ ในตัวเอง…คุณค่าแม้เพียงเล็กๆ ก็มีความหมายได้
✓ พยายามมองหาหรือสร้างเป้าหมายใกล้ตัวให้กับชีวิต
✓ อย่าใจร้อนหรือด่วนตัดสินด้อยค่าชีวิตตัวเอง
ข้อมูลสินค้าเพิ่มเติมที่ตลาดพลังคนไทย
คลิก: POP THEPHASIT
สนใจสินค้าพลังคนไทย สามารถสนับสนุนได้ที่คิง เพาเวอร์ทุกสาขา