อิ้งค์ วรันธร เปานิล ศิลปินสาวเจ้าของน้ำเสียงและเทคนิคการร้องที่มีลายเซ็นเฉพาะตัว ตวัดลงในเพลงป๊อปที่เต็มเปี่ยมด้วยสีสันและแง่มุมที่น่าค้นหา คว้าใจแฟนเพลงมามัดรวมกันเป็นช่อใหญ่ยักษ์กับเพลงอย่าง “เหงา เหงา (INSOMNIA)” “เกี่ยวกันไหม” “ดีใจด้วยนะ” “ลบไม่ได้ช่วยให้ลืม” “ความลับมีในโลก” และอีกหลายต่อหลายเพลงที่ฮิตติดชาร์ต สร้างมวลแฟนคลับกลุ่มใหญ่ที่ตามสนับสนุนทุกทาง จนถึงขั้นก่อให้เกิดสงครามชิงบัตรคอนเสิร์ต INK WARUNTORN SECRET BETWEEN US CONCERT คอนเสิร์ตแรกของเธอที่เคยสร้างสถิติขายบัตรหมดเกลี้ยง! ภายในเวลาเพียง 10 นาที!!
ความเจิดจ้าของ “เจ้าหญิงแห่งเพลงซินธ์ป๊อป” นี้ยังส่องประกายข้ามโลก เมื่ออิ้งค์ได้เป็นศิลปินไทยที่ได้ขึ้นบิลบอร์ดยักษ์ใจกลางไทม์สแควร์ ในมหานครนิวยอร์ก ความสำเร็จในวันนี้ผลิบานจากความรักในการร้องเพลง ที่เริ่มบ่มเพาะมาตั้งแต่วัยเยาว์ ที่ตัวอิ้งค์หมั่นเพิ่มรดน้ำ เติมพรสวรรค์ เพื่อสร้างความฝันให้เป็นจริง
ทำความรู้จักอิ้งค์ใน 10 วิ.
• ก้าวแรกในวงการบันเทิง…รับบทเป็นสาวน้อยนักวอลเลย์ ในมิวสิกวิดีโอเพลง “เด็กวุ่นวาย” ของโฟร์–มด
• อายุ 12 ปี…ก้าวขึ้นเป็นหนึ่งในสมาชิกเกิร์ลกรุ๊ป วงชิลลี่ไวท์ช็อค (Chilli White Choc)
• 2 ปีหลังเดบิวต์เป็นศิลปิน อิ้งค์ถอนตัวออกจากวง เพื่อไปทุ่มเทให้กับการเรียน
• อิ้งค์เป็นบัณฑิตเกียรตินิยมอันดับสอง จากคณะศิลปกรรมศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย สาขาดุริยางคศิลป์ตะวันตก เอกขับร้องคลาสสิก
• หลังสำเร็จการศึกษา อิ้งค์กลับสู่วงการบันเทิง ในฐานะนางเอกของภาพยนตร์เรื่อง Snap แค่…ได้คิดถึง
• อิ้งค์กลับมาร้องเพลงที่เธอรักอีกครั้ง พร้อมเปิดตัวเป็นศิลปินเดี่ยว ภายใต้สังกัดบ็อกซ์มิวสิค(BOXX MUSIC) ด้วยซิงเกิลแรกชื่อ “เหงา เหงา“
• ศิลปินพิเศษขึ้นเวทีช่วงประกาศผลประกวด The Power Band Live Stream Competition ในวันที่ 27 พฤศจิกายน 2564 ร่วมกับศิลปินรุ่นพี่จากค่าย BOXX Music อย่าง วง Season Five ติดตามได้ทาง FB และ YouTube: King Power Thai Power พลังคนไทย และ FB: TIWSC
Link : https://www.facebook.com/kingpowerthaipower
TP: ก่อนเปิดเวทีคอนเสิร์ต อิ้งค์คนนี้แหละ เริ่มเปิดการแสดงสดในรถของคุณพ่อมาตั้งแต่เด็ก
INK: เริ่มจากตอน 7-8 ขวบ เวลานั่งรถไปโรงเรียน คุณพ่อก็จะชอบเปิดซีดีแผ่นเดิม ฟังเพลงเดิมๆ ทุกวัน มันก็เข้าไปในหัว อิ้งค์ร้องเป็นเพลงต่างๆ ที่คุณพ่อเปิดเลยอย่าง Eternal Flame, Handyman หรือเพลงของศิลปินอย่าง The Carpenters ซึ่งเป็นภาษาอังกฤษใช่ไหมคะ พอเราเริ่มร้องตามก็ร้องถูกบ้างผิดบ้าง คุณพ่อเลยพรินต์เนื้อเพลงออกมาให้เลย เหมือนเราได้เรียนภาษาไปในตัว เป็นกิจกรรมในครอบครัวที่ทำด้วยกันทุกเช้าเลย คุณพ่อบอกว่าอิ้งค์ร้องเพลงตรงคีย์มาก เมโลดี้ก็ตรง ลูกดูมีความสุขเวลาที่ร้อง เลยส่งอิ้งค์ไปเรียนร้องเพลง เริ่มออกไปประกวดร้องเพลง คุณพ่อคุณแม่สนับสนุนมาก หาชุดให้ลูกใส่ ไปเชียร์หน้าเวที นี่คือความสุขที่อิ้งค์ได้ซึมซับจากการได้ขึ้นเวทีประกวด และหลังจากนั้นก็รู้สึกว่าตัวเองพัฒนาขึ้นเรื่อยๆ จากการที่ได้เรียนกับคุณครู ได้ฝึกฝน ได้ขึ้นเวทีต่างๆ ซึ่งอิ้งค์รู้สึกว่าสนุกกว่าการแค่ร้องเพลงในรถกับคุณพ่อ
…ร้องเพลงคือความสุข…
TP: การเรียนร้องเพลงเริ่มจุดความสุขและความสนุกให้คุณใช่ไหม
INK: อิ้งค์เริ่มเรียนร้องเพลงตอน 8 ขวบ และขึ้นเวทีประกวดในปีนั้นเลย เริ่มจากการขึ้นเวทีของโรงเรียนสอนร้องเพลงก่อน หลังจากนั้นคุณครูก็เริ่มหาเพลงการ์ตูน เพลงที่เด็กๆ ชอบมาให้ร้อง ซึ่งอิ้งค์รู้สึกว่าสนุกจังเลย ถึงจะตื่นเวทีแต่อิ้งค์รู้สึกเอนจอยมาก เลยชอบขึ้นเวทีประกวดร้องเพลง ที่นอกจากอิ้งค์จะมีความสุขแล้ว ยังได้รางวัล…ได้ค่าขนมอีกด้วย ก็เลยค่อยๆ เริ่มจริงจังมากขึ้น การร้องเพลงครั้งหนึ่ง ต้องวางแผนเลยนะคะว่าจะร้องยังไง อิมโพรไวส์ตรงไหน ลากยาวไปตอนจบ อะไรแบบนี้ ละเอียดกับการร้องเพลงมากขึ้น ทั้งเตรียมความแข็งแรงของร่างกาย การหายใจ… ทุกครั้งที่เรียนคือการได้พัฒนาตัวเองขึ้นมาด้วย
TP: นอกจากความสุข การร้องเพลงยังมอบอะไรให้อิ้งค์บ้าง
INK: เราได้สนุกกับมัน ได้ไปหาประสบการณ์ แต่ละเวทีได้เจอเพื่อนๆ พี่ๆ จนมาถึงเวทีการแข่งขันหนึ่ง ที่เป็นการแข่งขันร้องเพลงที่จริงจังขึ้นมากๆ แล้วอิ้งค์เข้าถึงรอบ 30 คนแล้วตกรอบ อิ้งค์เริ่มรู้แล้วว่าคนอื่นเขาร้องเพลงกันจริงจังมากเลย ทุกคนร้องแบบมีพลัง เราเริ่มรู้สึกว่าต้องฝึกฝนมากกว่านี้เริ่มมีความอยากเอาชนะ ถัดจากนั้นมาอีก 2 ปี อิ้งค์กลับไปประกวดเวทีเดิมอีกครั้งได้เข้ารอบ 10 คนสุดท้าย รอบสุดท้ายนั้นเรากดดันจนร้องเพี้ยนไปเลย เลยรู้สึกว่าเรายิ่งต้องฝึกฝนให้มากขึ้น นี่เป็นประสบการณ์ที่ทำให้อิ้งค์เติบโตขึ้น
การประกวดหลายครั้งที่ผ่านมา คือการสะสมวิธีการร้องเพลงต่างๆ พอวันหนึ่งได้เอามาใช้ในการเป็นศิลปิน คือความรู้สึกที่ดีมากเลย เหมือนเราได้ผ่านวันที่มีความสุข วันที่เสียใจ สะสมมาจนวันที่เราได้ทำสิ่งที่ชอบจนสำเร็จ มองย้อนกลับไปอิ้งค์รู้สึกคุ้มค่ามากเลย ที่เรามีทั้งแพ้ ชนะ เสียใจ ดีใจ พอถึงวันนี้ ทุกครั้งที่ขึ้นเวที อิ้งค์ยังนึกย้อนถึงวันที่ขึ้นเวทีตั้งแต่แรกเลยนะ ตั้งแต่ 8 ขวบจนมาถึงตอนนี้ที่เราได้เติบโตขึ้น มันทำให้แฮปปี้กับสิ่งที่ทำมาตลอด
…รู้จักกับคำว่า “ศิลปิน”…
Suggestion
TP: การเป็นศิลปินเต็มตัวของอิ้งค์เริ่มจากจุดไหน
INK: พอดีอิ้งค์ได้รู้จักกับน้าโอ๊บ (เพิ่มศักดิ์ พิสิษฐ์สังฆการ สมาชิกวง Time) ตั้งแต่ 8 ขวบ แล้วตอนนั้นทางวงอยากได้เสียงคอรัสเด็ก อิ้งค์เป็นเพื่อนกับลูกสาวน้าโอ๊บ ก็เลยได้มีโอกาสร้องเพลง “ก่อนมะลิบาน” ให้กับทางวง หลังจากนั้นเวลามีงานมีคอนเสิร์ตอะไรน้าโอ๊บก็จะเรียกให้ไปช่วยงาน และน้าโอ๊บก็ยังเป็นโปรดิวเซอร์ให้วงแคลช อิ้งค์เลยได้รู้จักพี่พล(คชภัค ผลธนโชติ สมาชิกวง Clash) มาตั้งแต่ตอนนั้น จนกระทั่งวันที่กำลังจะจบปี 4 (คณะศิลปกรรมศาสตร์ สาขาดุริยางคศิลป์ตะวันตก เอกขับร้องคลาสสิก) เขากำลังจะทำค่าย BOXX Music กัน อิ้งค์ก็เลยได้รับโอกาสจากพี่พลและน้าโอ๊บอีกครั้ง
TP: นาทีแรกของการเป็นศิลปินเต็มตัว คุณรู้สึกยังไง
INK: วันแรกยังงงๆ อยู่…สำหรับสิ่งที่เราต้องทำ ได้คุยกันกับทางค่ายว่าอิ้งค์ชอบเพลงแบบนี้ เพลงที่ทำออกมาเป็นตัวเราเลย แต่หลังจากนั้นความยาก คือจะทำยังไงให้อิ้งค์ วรันธรเป็นที่จดจำ นำเสนอยังไงให้เป็นที่รู้จักและเป็นที่ชื่นชอบ พอได้ออกมาร้องเพลง “เหงา เหงา” ครั้งแรก คือวันที่รู้สึกว่าการเป็นศิลปินไม่ใช่เรื่องง่ายจริงๆ แล้วล่ะ เราเป็นศิลปินใหม่ คนฟังเขาอาจจะ ไม่รู้จัก แต่อิ้งค์ก็คิดบวกว่านี่ก็เหมือนกับการที่เรานำเพลงมาให้ทุกคนรู้จัก ทุกครั้งที่ออกไปร้องเพลง อิ้งค์คิดเสมอว่า วันนี้จะมีคนรู้จักเราเพิ่มแล้วนะ เราคิดอย่างนั้นทุกครั้ง
TP: ทุกความสำเร็จไม่เคยมีอะไรง่าย สำหรับอิ้งค์อะไรคืออุปสรรคที่ใหญ่สุดของตัวเอง
INK: ตัวอิ้งค์เองนี่แหละค่ะ คืออิ้งค์เป็นคนมีความเครียด เป็นคนจริงจังมากๆ กับการทำงาน ทุกคนอาจจะเคยเห็นแต่มุมที่สดใส แฮปปี้ แต่เบื้องหลังเราอยากทำให้มันดี จนแอบกดดันตัวเอง ระหว่างทาง ความรู้สึกนี้มันจะมาเรื่อยๆ หรือบางทีก็มีปัญหาสุขภาพบ้าง ก็เลยทำให้รู้สึกท้อแท้ในบางครั้ง แต่ก็ไม่ได้ถึงขั้นอยากเลิกทำ หรืออยากเลิกร้องเพลงนะคะ แต่เป็นความรู้สึกว่า เออทำไมมันยังไม่ดี อยากทำให้มันเพอร์เฟกต์ทุกอย่าง แต่เราก็เรียนรู้ว่าไม่มีอะไรที่มันจะสมบูรณ์ 100 % ก็ต้องยอมรับ และทำให้ดีขึ้น
Suggestion
TP: ทุกครั้งที่เริ่มท้อ อิ้งค์สร้างพลังใจให้กลับมายังไง
INK: อิ้งค์คุยกับคนอื่น ปรึกษากับพี่ๆ ทีมงาน เหมือนตัดความเครียดก้อนใหญ่ให้เล็กลง และที่จริงการคุยกับคนอื่น มันก็ทำให้เราได้เห็นภาพจากมุมอื่น บางทีเราเครียดกับจุดนี้ ตรงนี้ เครียด และเครียด แต่พอไปคุยกับพี่พลกับพี่ๆ คนอื่นๆ คุยกับคุณพ่อคุณแม่ เขาไม่ได้รู้สึกว่ามันเป็นปัญหาใหญ่อะไรเลย เหมือนเราได้ข้อคิดอะไรกลับมาเสมอ
“การประกวดหลายครั้งที่ผ่านมา คือการสะสมวิธีการร้องเพลงต่างๆ พอวันหนึ่งได้เอามาใช้ในการเป็นศิลปิน คือความรู้สึกที่ดีมากเลย เหมือนเราได้ผ่านวันที่เราได้ทำสิ่งที่ชอบจนสำเร็จ มองย้อนกลับไปอิ้งค์รู้สึกคุ้มค่ามาก”
อิ้งค์ วรันธร ศิลปินนักร้อง
TP: เอ๊ะ หรือนี่เป็นหนึ่งในที่มาของเพลงล่าสุด “เก่งแต่เรื่องคนอื่น (EXPERT) Feat.SPRITE”
INK: จุดเริ่มต้นเพลงนี้มาจากที่อิ้งค์มักจะเป็นที่ปรึกษาให้เพื่อนๆ หรือบางทีพี่ๆ ได้ทุกเรื่องแต่เวลาเป็นเรื่องของตัวเองทีไรก็มักจะนอยด์ทุกที อย่างเพลงนี้คือพี่นักดนตรีในวงเขาอกหัก โทรมาปรึกษาตอนตี2 อิ้งค์ก็คุยนานมากๆ ไม่กล้าปฏิเสธคนอกหัก อิ้งค์ว่าตัวเองปลอบใจคนอื่นเก่งนะ แต่ตอนนั้นตัวเองก็มีเรื่องเครียดนะ แล้วยังแก้ไม่ได้ เลยคิดว่าทำไมเราเก่งแต่เรื่องคนอื่นนะ เรื่องตัวเองยังไม่รอด
ซิงเกิลใหม่นี้อิ้งค์ได้ฟีเจอริ่งกับน้องสไปรท์ (ศุกลวัฒน์ พวงสมบัติ) ตื่นเต้นมาก คนฟังอาจจะคิดว่า 2 คนนี้มารวมตัวกันในเพลงนี้ได้ยังไง อิ้งค์เองแอบคิดว่าเราจะเข้ากันกับน้องได้รึเปล่า แต่พอมาทำงานด้วยกัน อิ้งค์ว่าตัวเองคิดถูกมาก มันเป็นสีสันที่เราได้มาทำเพลงร่วมกัน เป็นความตื่นเต้นและความแปลกใหม่ให้กับเพลงของอิ้งค์เหมือนกัน
TP: หลังจากนี้จะมีอะไรให้แฟนเพลงได้ตื่นเต้นกันต่อ
INK: ปลายปีนี้อิ้งค์จะมีอัลบั้มแรกเป็นของตัวเอง มันคือการเดินทางที่เริ่มต้นหลังจากเพลง “ความลับมีในโลก” ผ่านเรื่องราวมาหลากหลาย ที่ร้อยเรียงมาจากทุกเรื่องราว ความรู้สึก และทุกประสบการณ์ของอิ้งค์ วรันธร อยากให้ทุกคนรอติดตาม และจะได้รู้จักอิ้งค์มากขึ้นจากอัลบั้มนี้
…อิ้งค์กับพื้นที่แห่งโอกาสครั้งสำคัญ…
Suggestion
TP: ล่าสุดนอกจากทำเพลงของตัวเองแล้ว อิ้งค์ก็มีเพลงที่สร้างสรรค์มาเพื่อการประกวด The Power Band เวทีประกวดวงดนตรีสากลสมัยนิยมผสมเครื่องเป่า ที่จัดร่วมกันโดย คิง เพาเวอร์ ไทย เพาเวอร์ กับวิทยาลัยดุริยางคศิลป์ มหาวิทยาลัยมหิดลด้วย
INK: ตอนที่รู้ว่ามีการประกวดนี้ อิ้งค์รู้สึกตื่นเต้นนะคะ รู้สึกว่ายิ่งใหญ่มากที่จะได้ร่วมงานกับการประกวดนี้ อย่างตัวอิ้งค์เองก็เรียนด้านดนตรีมา เลยรู้สึกเหมือนได้ย้อนวัยไปตอนที่เรียนมา แล้วยิ่งจะมีการนำเพลง “เหงาเหงา” และ “เผลอหรือตั้งใจ” ของอิ้งค์มาอะเรนจ์ใช้กับเครื่องเป่า ซึ่งไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน พอได้ฟังเพลงของตัวเองที่มีเครื่องเป่าเข้ามาด้วยก็รู้สึกไปอีกแบบหนึ่งเลย เปลี่ยนฟีลไปเลยจากที่เคยร้องมา รู้สึกว่าเพลงเราอลังการมาก ใหญ่ขึ้นมาก คือเพลงแกรนด์ขึ้นและสร้างสีสันที่สนุกมากขึ้น หลายคนก็ไม่เคยฟังเพลงของอิ้งค์ในแบบนี้มาก่อน เชื่อว่าทุกคนจะต้องตื่นเต้น
TP: ประสบการณ์อะไรที่อยากส่งต่อให้ผู้เข้าประกวด The Power ฺBand
INK: การประกวดเวทีนี้ ช่วยเติมไฟ เติมพลัง เติมประสบการณ์ให้คนที่จะเข้ามาประกวด รวมถึงคนที่ได้ดูการประกวดครั้งนี้ด้วย เพราะไม่ค่อยมีเวทีที่จัดใหญ่ขนาดนี้มาก่อน อิ้งค์เชื่อว่าทุกคนที่เข้ามาประกวด…คนที่เข้ามารอบสุดท้าย คือคนที่มีความสามารถในตัวเองมากๆ ไม่อย่างนั้นคงไม่มาถึงจุดนี้ได้หรอก การเล่นดนตรี การร้องเพลง ต้องใช้ความอดทนมาก กว่าจะเป็นคนที่เล่นเครื่องดนตรีได้ จนถึงเล่นเก่ง ขอชื่นชมทุกคนที่เข้ามาสู่รอบสุดท้าย อยากเป็นกำลังใจให้ทุกคนเลย ตำแหน่งหรืออันดับจากการตัดสิน มันอาจจะไม่สามารถวัดอะไรได้ทั้งชีวิต คิดเสียว่าการประกวดครั้งนี้ คือการสร้างเสริมประสบการณ์ให้เราแข็งแกร่ง เรียนรู้ที่จะชนะ รู้ที่จะผิดพลาด รู้ว่าเราต้องสู้ ต้องเก็บเกี่ยวประสบการณ์ คือสิ่งที่ดีที่สุดค่ะ
TP: วันนี้นับได้ว่าอิ้งค์เป็นศิลปินที่ประสบความสำเร็จระดับหนึ่งเลย รู้สึกยังไงบ้าง
INK: ส่วนหนึ่งยังรู้สึกเหมือนวันแรกๆ เพราะก็คิดว่ายังมีคนที่ไม่รู้จักเราอยู่ เวลาไปร้องเพลงอิ้งค์ก็ยังอยากให้คนรู้จักเราจากงานนี้ อีกส่วนหนึ่งรู้สึกดีใจทุกครั้ง ที่มีคนมาบอกว่าชอบเพลงของเรา เวลาที่มีคนเข้ามาบอกว่าเราประสบความสำเร็จแล้ว ตัวเองจะรู้สึกว่ามันไม่ใช่เรื่องง่ายที่เราจะเติบโตขึ้นทุกปี อิ้งค์ต้องขอบคุณ ครอบครัว ทีมงาน ขอบคุณทุกคนที่สนับสนุนอิ้งค์มาตั้งแต่วันแรก…ตั้งแต่วันนั้นที่เมื่อตอน 8 ขวบ เราอาจจะรู้สึกว่าการร้องเพลง เป็นแค่เรื่องสนุก อยากขอบคุณตัวเองที่เลือกร้องเพลงตั้งแต่ตอนนั้น และไม่เคยทิ้งมันไป วันนี้เรามาอยู่ตรงจุดนี้แล้ว อยากจะบอกตัวเองในวันนั้นว่า วันนี้ทำได้แล้ว มีคนรู้จักเพลงเราเยอะแล้วนะ
จากนี้มันก็จะมีสิ่งที่ท้าท้าย มีอุปสรรคต่างๆ เกิดขึ้นเรื่อยๆ จากการที่เราเป็นที่รู้จักแล้ว เป็นความกดดันอีกแบบหนึ่ง อิ้งค์พอใจในสิ่งที่ตัวเองมีนะคะ แต่ยังเชื่อว่าคนเรายังพัฒนาไปได้อีก มันยังมีจุดบกพร่องที่เติมได้ มีจุดที่ต้องพัฒนาตัวเองไปเรื่อยๆ ให้ดีขึ้นทุกครั้งที่เราร้องเพลง
เรื่องของอิ้งค์ที่คุณอาจไม่เคยรู้
• “มะลึกกึ๊กกึ๋ยย์” (ของนาตาลี สตีเบิร์ท) คือเพลงประกวดเพลงแรกในชีวิต บนเวที “วิมซี่ ซิงกิ้ง คอนเทสต์” (Wimzie Singing Contest) คือเวทีประกวดร้องเพลงเวทีแรกของอิ้งค์ วรันธร
• Before Sunrise (นำแสดงโดย อีธาน ฮอว์ค, จูลี เดลฟี) คือหนึ่งในหนังเรื่องโปรดของเธอ
• หนึ่งในหนังสือเล่มโปรด… คือหนังสือที่ชื่อ “หมาน้อยสอนรวย” เป็นเล่มแรกที่คุณพ่อแนะนำให้อ่านตั้งแต่เด็ก และอิ้งค์ในวันนั้นไม่เข้าใจเลย แต่พอโตขึ้นได้กลับมาอ่านอีกครั้ง มันคือการสอนเรื่องเงินที่น่ารัก
• สิ่งแรกที่อยากทำ เมื่อโลกก้าวเข้าสู่ยุคปกติใหม่ได้แล้ว…คือการเล่นคอนเสิร์ต เพราะอิ้งค์คิดถึงการเล่นคอนเสิร์ตที่สุด