ครั้งหนึ่งเรามีโอกาสได้ทำความรู้จักวงประกวดจากเวทีสนามขอนแก่น วงจาก Class B รุ่นบุคคลทั่วไปอย่างวงใหม่แกะกล่องในการประกวดเวทีนี้ชื่อ “คากะจะ” ในขณะที่สมาชิกแต่ละท่านของวงนั้น ล้วนมีประสบการณ์ในการเล่นดนตรีมามากแบบที่เรียกว่าชำนาญใน “ทางดนตรี” เพราะต่างก็เป็นครูศิลปะและดนตรีของลูกศิษย์หลากหลายรุ่น
บทสนทนานี้จะพาทุกคนย้อนกลับไปยังบรรยากาศสดใหม่…และน่าตื่นเต้น ของเวทีการประกวด THE POWER BAND ซึ่งจัดโดยวิทยาลัยดุริยางคศิลป์ มหาวิทยาลัยมหิดล ร่วมกับ คิง เพาเวอร์ ไทย เพาเวอร์ พลังคนไทย ที่ในเวลานี้การประกวดครั้งใหม่กำลังจะเริ่มต้นขึ้นอีกครั้งหนึ่ง
● วงคากะจะ…เป็นวงที่มีสมาชิกของวงรวมตัวกันด้วยความรักในเสียงเพลง
และมีฝันในการเล่นดนตรีร่วมกัน รวมตัวกันจากกลุ่มครูสอนดนตรีและศิลปะหลายโรงเรียนใน อ.ขุขันธ์ ศรีสะเกษ
● สมาชิกวงรุ่น 1 มีสมาชิกทั้งหมด 10 คน
ในตำแหน่งเครื่องดนตรีสากลและเครื่องดนตรีกลุ่มเครื่องเป่า สร้างอัตลักษณ์จากความชอบและความเชี่ยวในการเล่นดนตรีหลากสไตล์
● “คากะจะ” เป็นชื่อที่มีความหมาย มาจากภาษาถิ่นของพื้นที่ศรีสะเกษ ซึ่งเป็นคำเขมร
ที่วงต้องการจะสื่อถึงการเป็นลูกหลานที่อยู่ใต้ร่มชายคาของ “กะจะ” เจ้าเมืองผู้ก่อตั้งขุขันธ์เมื่อครั้งอดีต
นี่จะเป็นบทสัมภาษณ์ชิ้นแรก! การรวมตัวในนาม “คากะจะ” เป็นครั้งแรก! และความรู้สึกแรก! ที่พวกเขาได้พาความฝันมาไกลเกินฝัน พอที่จะเป็นแรงบันดาลใจให้กับลูกศิษย์ของทุกคน
เราชวน “ครูโภชน์” – รณกร สุวรรณ์ (ทรอมโบน) “ครูยา” – สนธยา ดอกประโคน (เบส) “ครูปุ้ย” – พิษณุ ทองละมุล (แซกโซโฟน) และ “ครูจี” – จีระศักดิ์ ธนเกียรติไพศาล (ร้องนำ) เป็นตัวแทนวงคากะจะทั้งหมด มาเล่าความคิดและการเตรียมพร้อมสำหรับการแข่งขันของพวกเขา
ส่วนจะเป็น “ครั้งแรก” สำหรับการเดินทางของพวกเขา (จากจังหวัดศรีสะเกษ) มายังขอนแก่น ที่ตั้งสนามประกวดเป็นครั้งแรกหรือไม่…เราไม่ทันถาม แต่ปีนี้มาซ้ำอีกแน่!! การประกวดของปีนี้สำหรับ ซีซันที่ 3 วงกำลังเตรียมพร้อม “ลูกศิษย์” ของพวกเขาเพื่อให้เป็นวงคากะจะรุ่น 2 …เจเนอเรชันใหม่ สำหรับลงแข่งสานฝันทางดนตรีของพวกเขาต่อไป พร้อมกับสร้างพลังแห่งความเป็นไปได้ให้เกิดขึ้นจริง
“เรามีแนวคิดว่า ครูดนตรี ถ้าหมดไฟก็คงไปสอนลูกศิษย์ไม่ได้
ความเห็นจากกรรมการที่เราได้รับ นำไปปรับใช้ได้จริง ก็นำไปปรับให้กลมกล่อมที่สุด”
วงคากะจะ จาก ศรีสะเกษ
กับการประกวด THE POWER BAND 2022 Class B
Suggestion
เป็นครูที่ลงมือทำฝัน…เป็นตัวอย่างให้ลูกศิษย์ดู
เมื่อถูกถามว่าคุณครูตัดสินใจมาประกวดกันอย่างไร สมาชิกต่างช่วยกันให้คำตอบที่เรียบง่าย แต่มีความหมายมากว่าพวกเขาต่างให้ความสำคัญกับการลงมือทำและอยาก “ทำ” เป็นตัวอย่างให้ลูกศิษย์ดู
“เรามีแนวคิดว่า ครูดนตรี ถ้าหมดไฟก็คงไปสอนเด็กไม่ได้ เราก็เลยต้องเติมไฟ หาประสบการณ์โน่นนี่นั่น เพื่อเอาแรงบันดาลกลับไปสอนลูกศิษย์ด้วย พอรู้ว่ามีการประกวดก็คิดว่าลองลุยกันหน่อยไหม ถึงแม้ว่าโดยธรรมชาติของพวกเรา มีภาระงานของหน้าที่การสอน ตกเย็นมาก็จะเหนื่อยแล้ว”
บรรดาครูๆ วงคากะจะช่วยกันบอกเล่าความรู้สึกว่ามีความตื่นเต้นและความกดดันพอสมควรซึ่งเป็นธรรมดา ส่วนการประกวดของรุ่นบุคคลทั่วไปในครั้งนี้ จึง “เข้าทาง” ตามความตั้งใจที่จะ “อยากแสดงให้ลูกศิษย์เห็นว่าเรายังมีไฟกันอยู่”
“พวกเราเป็นคุณครูกันทั้งหมดเลยครับ ที่ผ่านมาได้รวมตัวกันเป็นวงเพื่อที่จะทำงานค่ายศิลปะ และทำกิจกรรมดนตรีจิตอาสา สร้างกิจกรรมค่ายต่างๆ เวลามีงานเรามารวมตัวกันโดยรวมตัวเล่นดนตรีเป็นวงกันมาเป็นสิบปีแล้ว นี่เป็นการสัมภาษณ์ครั้งแรก เพราะไม่เคยคิดว่าพวกเราจะผ่านเข้ารอบ”
มีฝันเป็นเดิมพันนำทาง
เมื่อตัดสินใจจะเดินหน้าเอาความฝันในการเล่นดนตรีและเป็นศิลปินมาเป็นเดิมพันแล้ว ทั้งสิบชีวิตต่างต้องทุ่มเทเวลาในการรวมตัวกัน และนั่นเป็นเรื่องไม่ง่ายเพราะต่างคนต่างเป็นคุณครูที่อยู่ต่างโรงเรียนกัน มีภาระหน้าที่ในการสอนหนังสือแบบเต็มมือ ที่สำคัญคือต้องหาเอกลักษณ์ของตัวเองและปรับตัวตามโจทย์ของการแข่งขัน เพื่อนำเสนออัตลักษณ์ของวงด้วย
“เราเคยแต่ช่วยกันทำกิจกรรมและค่ายสุนทรียศาสตร์ ทั้งทำหน้าที่เป็นวิทยากรและเล่นดนตรี สมาชิกเป็นครูดนตรีที่มีการปรับเปลี่ยนไปบ้างตามสถานการณ์ที่เปลี่ยนไป เดิมเคยเป็น ครูมิตรแบนด์ เป็นแบนด์ลูกทุ่งวงใหญ่เลยครับ” วงนำเสนอตัวตนด้วยแนวเพลงที่จะอธิบายความเป็นวงคากะจะได้ดีที่สุดว่าคือแนวเพลงที่ออกมาในรูปแบบป็อป…ฟังสบายๆ และผสมผสานแนวฟิวชั่นเข้าไปด้วยเนื่องจากมีสมาชิกเครื่องเป่าอยู่ด้วยหลายชิ้น
เพลงที่คากะจะเลือกมาแสดงในรอบคัดเลือก คือ “เป็นเพราะฝน” ของวง POLYCAT และ “จงเรียกเธอว่านางพญา” ของวง SILLY FOOLS ก็เลยเรียกว่าเข้าทางกับแนวของวงอยู่แล้ว กับมีเพลง “รอยยิ้มที่หัวใจ” ของ วง ETC และ “เดินตามฝัน” เพลงที่วงแต่งขึ้นเอง…สำหรับการแข่งขันในรอบชิงชนะ เลิศ วงบอกว่าการที่มีเพลงให้เลือกหยิบมาทำการประกวดหลากหลายนั้นมีข้อดีมาก นอกจากพวกเขาจะเลือกเพลงที่ตัวเอง “อิน” กันได้ ยังต้องมาทำออกมาให้เป็นในแบบเฉพาะของวงอีกด้วยก็นับเป็นความท้าทาย
เทคนิคในการเตรียมประกวดของ คากะจะ
● วงช่วยกันเลือกเพลงที่อยากใช้
● ศึกษาเพลงต้นฉบับและหาไอเดียมาเติมส่วนที่จะให้เป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัว
● แยกกันซ้อมให้เป๊ะ แล้วค่อยรวมกันซ้อม ช่วยประหยัดเวลาความพร้อม
Suggestion
เมื่อดนตรีให้ “อะไร” กับชีวิต
“การได้เล่นดนตรีให้เด็กนักเรียนของเราเกิดแรงบันดาลใจ และพวกผมเองก็มีความสุขมาก” วง คากะจะตอบเร็วเลย “เราทุกคนสนุกกันมาก ดนตรีเป็นเหมือนสีสันของชีวิตเลยก็ว่าได้ ถ้าไม่มีเสียงดนตรีแล้วเหมือนมันขาดๆ อะไรไป”
“ผมจะอยู่กับดนตรีมาตั้งแต่เด็กเลย” ครูโภชน์ช่วยอธิบายความรู้สึกที่มีดนตรีหล่อหลอมชีวิตมาโดยตลอด “สิ่งที่ได้รับจากดนตรีสำหรับผมคืออาชีพ ผมชอบไปทางดนตรีก็ได้ทำ แล้วในที่สุดก็สำเร็จในทางดนตรี สำหรับผมดนตรีให้หลายๆ อย่าง นอกจากความสนุก ผมขอใช้คำของดร.สุกรี ที่เคยบอกว่า ศิลปะดนตรีเป็นส่วนเติมเต็มที่ทำให้มนุษย์สมบูรณ์ยิ่งขึ้น ถ้าขาดสิ่งนี้ไปมนุษย์อาจไม่มีความสุข อาจทำให้โลกไม่น่าอยู่ ดนตรีมาเติมเต็มให้ชีวิตตัวเองมีความสุขขึ้น”
“ดนตรีมีเสน่ห์ในตัวเอง เสียงเป็นหนึ่งในสัมผัสทั้ง 5 ของมนุษย์ที่กินไม่ได้แต่สัมผัสได้แล้วเข้าไปถึงหัวใจกับเข้าสมองได้เลยทันที เป็นสิ่งเดียวที่เราพูดออกมาไม่ได้แต่รู้สึกได้” ครูปุ้ยขอให้ความเห็นบ้าง
ส่วนครูจีได้ใช้หน้าที่ร้องนำในการค้นหาตัวเองไปด้วย “สำหรับผมเสียงที่เพราะก็ยังมีเสียงร้องของเราเอง ซึ่งเป็น ‘เครื่องดนตรี’ ที่เพราะมาก การที่ได้ร้องให้ทุกคนฟังแล้วสนุก มีความสุขไปด้วยกัน ทำให้ชีวิตได้รู้สึกว่าเติมเต็ม แต่ละคนจะมีวิธีร้องที่แตกต่างกันไป ผมก็ต้องค้นหาตัวเองให้เจอ อันนี้จะยากที่สุด”
“ดนตรีทำให้จิตใจเราสงบขึ้น นิ่งขึ้น อยู่กับดนตรีแล้วทำให้ใจสงบ เวลาไปอ่านหนังสือหรือทำอะไร ความจำก็ดีขึ้น เวลาเล่นดนตรีต้องไม่ให้ผิด เราจึงต้องมีสมาธิ ส่งผลกระตุ้นสมองด้วยโดยเฉพาะอย่างยิ่งสำหรับเด็ก” ครูยาช่วยเสริม
“แก่ไปก็ไม่เป็นอัลไซเมอร์” เราหันตามเสียงไปไม่ทันว่าใครเป็นคนพูดประโยคนี้ ท่ามกลางรอยยิ้มของพวกเขากันเองได้ยินครูๆ วงคากะจะคนอื่นๆ หัวเราะกันแบบไม่ได้นัดหมาย
คากะจะ…ยังสนุกกันต่อ
พวกเขาตั้งใจสนุกกันอย่างเต็มที่ จึงเตรียมการแสดงให้มีช่วงอิมโพรไวส์เพื่อให้ดนตรีลื่นไหลไปตามความรู้สึกในเวลานั้นด้วย วงยังเปิดใจว่าการประกวดเวทีนี้เปิดโอกาสให้พวกเขาได้ทำตามสิ่งที่ตั้งใจไว้ และได้นำเสนอตัวตนในฐานะวงท้องถิ่นอีสานที่เล่นเพลงอีสานกันอยู่ประจำ ครูแต่ละคนเล่นเครื่องดนตรีสากลกันได้หมด เลยได้นำทักษะที่มีทั้งหมดมาใช้ พร้อมกับได้รับคอมเมนต์ไปพัฒนาตัวเองได้ดี
“ความเห็นจากกรรมการที่เราได้รับ ต้องยอมรับเลยว่านำไปปรับใช้ได้จริง เพราะเราฟังแล้วรู้เลยครับ เราเห็นด้วยกับกรรมการที่บอกเราว่าต้องไปปรับตรงไหนบ้าง เพราะพอจะรู้จุดบกพร่องของตัวเองอยู่แล้วเหมือนกัน ก็นำไปปรับให้เพลงของพวกเราออกมากลมกล่อมที่สุด”
การเดินทางสามร้อยกว่ากิโลเมตรจาก “บ้าน” มายังสนามประกวดถือว่าไม่ใกล้…แต่คุ้ม พวกเขาบอกอย่างนั้น “ได้มาที่การประกวด THE POWER BAND นี่ถือว่าเป็นกำไร โชคดีอย่างมากเลย ถึงจะตกรอบก็ไม่เสียดายเลย เอาจริงๆ เราก็คิดว่าได้กำไรที่ได้มาเที่ยวด้วย ได้เปิดหูเปิดตา และได้ประสบการณ์ชีวิต แต่การยังคงไปต่อจะยิ่งทำให้ได้ประสบการณ์มากขึ้นอีก”
“เลยได้เอามาสอนเด็กๆ ว่าถ้าหนูอยากเป็นอะไรจงก้าวต่อไปให้เจอสิ่งนั้นให้ได้” ที่สำคัญกว่าทุกสิ่งคือในวันนั้นคุณครูได้ออกมาลงมือทำในสิ่งที่รักและสร้างแรงบันดาลใจให้ลูกศิษย์ของพวกเขาได้สำเร็จ “เด็กๆ สนใจกันมากและคอยเชียร์…บอกว่าครูจะไลฟ์สดไหม (หัวเราะ) และก็เผื่อเด็กๆ อยากไปประกวดอย่างพวกเราบ้าง ก็จะได้มาเรียนรู้จากเรา ส่วนพวกเราก็น่าจะมีเรื่องอะไรให้ไปโม้ได้อีกนาน…ถึงเกษียณเลย” ทุกคนหัวเราะเพราะในวงคากะจะชอบแซวกันขำๆ เรื่องอายุ
“หรือเราจะมาดังกันตอนแก่” (ทุกคนหัวเราะครืน)
“It’s Possible, Music Makes Life Possible” พลังแห่งดนตรี พลังแห่งทุกความเป็นไปได้ THE POWER BAND 2023 SEASON 3 สนามขอนแก่นเปิดรับสมัครถึง 26 พฤษภาคม 2566 และสนามเชียงใหม่เปิดรับสมัครจนถึง 16 มิถุนายน 2566 การแข่งขันในปีนี้สำหรับ Class A (ระดับมัธยมศึกษ) ไม่จำเป็นต้องมาจากสถาบันเดียวกันเท่านั้น และ Class B (รุ่นบุคคลทั่วไป) ติดตามรายละเอียดการรับสมัครได้ที่ www.music.mahidol.ac.th/thepowerband / Facebook: thepowerband.mahidol
