Summary
• เธอคือศิลปินหญิงที่ได้ขึ้นบิลบอร์ดที่ใจกลางไทม์สแควร์ นิวยอร์ก มาแล้ว
• “เอาปากกามาวง” เพลงแจ้งเกิดของเธอ
• เธอเพิ่งมีคอนเสิร์ตเดียวของตัวเองคร้้งแรกในชีวิตที่ชื่อ Flower on the floor
• บทบาทการแสดงแรกของเธอคือภาพยนตร์เรื่อง Deep
โอกาส คือสิ่งที่อยู่กับเบล วริศรา หรือ “เบล เอาปากกามาวง” มาตั้งแต่เด็กจนถึงวันที่เป็นศิลปินตัวจริงในวันนี้ เธอมีโอกาสเรียนร้อง เล่น เต้น แทบจะทุกแขนง
พอโตมาอีกนิดรวมตัวกับเพื่อนๆ นักเรียนรุ่นเดียวกัน เข้าแข่งขันการประกวดวงดนตรี ที่แม้ว่าจะไม่ได้รับรางวัลสูงสุด แต่ก็เป็นอีกหนึ่งโอกาสให้เขยิบเข้ามาใกล้ความฝันอีกนิด ก่อนตัดสินใจส่งเพลงเข้าไปออดิชันกับค่าย Home Run Music ภายใต้การบริหารของ คุณติ๊ก – กฤษติกร พรสาธิต หรือ “ติ๊ก Playground” และนั่นคืออีกหนึ่งโอกาสสร้างความเป็นไปได้ให้ความฝันในการเป็นศิลปินของเบลเป็นจริง เมื่อเพลงแรกอย่าง “เอาปากกามาวง” ประสบความสำเร็จกลายเป็นกระแสดังไปทั่วโลกออนไลน์ ก่อนจะกลายเป็นที่รู้จักของคนทั้งประเทศ
ไม่แปลกที่ เพลง “เอาปากกามาวง” จะเป็นเพลงขวัญใจติด TOP3 ที่ผู้เข้าประกวด THE POWER BAND 2023 นำมาใช้เป็นเพลงขึ้นเวทีประกวดครั้งล่าสุด
“เพิ่งมามีแพสชันด้านร้องเพลงสองสามปีที่แล้วค่ะ ที่ผ่านมาเรียนหลายๆ อย่าง
ว่ายน้ำ เต้น เล่นดนตรี แต่ชอบที่สุดคือร้องเพลง
ไม่เชิงว่าฉันจะต้องเป็นนักร้องให้ได้…หนูคิดว่าหนูได้รับโอกาสที่ดี”
เบล – วริศรา จิตปรีดาสกุล
ศิลปินเจ้าของเพลง “เอาปากกามาวง”
Thaipower.Co : เริ่มคุยกันที่ความสำเร็จข้ันหนึ่ง สำหรับการได้ขึ้นไปอยู่บนบิลบอร์ดกลางไทม์ สแควร์ นิวยอร์ก ดีกว่า
เบล : กรี๊ดเลยค่ะ ตอนแรกเห็นพี่ๆ ศิลปินในค่ายได้ขึ้นบิลบอร์ดแล้วก็รู้สึกว่าโหอยากขึ้นจังเลย ตอนนั้นฝึกงานอยู่ที่ค่ายตัวเอง พอเขาบอกว่าถึงตาเราแล้วนะ ก็กรี๊ดเลย
ถ้าถามว่าเป็นความสำเร็จอีกขั้นหนึ่งไหม หนูรู้สึกแบบนี้ตั้งแต่ได้ไปญี่ปุ่นรอบที่แล้ว มันคืออีกก้าวหนึ่งของเราแล้วนะ ได้ไปเล่นคอนเสิร์ตในต่างประเทศให้คนอื่นได้เห็น อันนี้ก็เป็นอีกก้าวหนึ่งที่สำคัญสำหรับเบลเหมือนกัน ถึงวันนี้เราไม่ได้ไปร้องเพลงที่นั่น แต่ว่าคนที่นั่นอย่างน้อยก็ได้เห็นหน้าเราแล้ว
TPco : พูดได้ว่านี่คือหนึ่งในเป้าหมายที่ตั้งไว้
เบล : ไม่เลยค่ะ เพิ่งมามีแพสชันด้านการร้องเพลงตอนประมาณสองสามปีที่แล้ว ที่ผ่านมาเหมือนเด็กปกติเลยค่ะ เรียนพิเศษหลายๆ อย่าง ว่ายน้ำเอย ร้องเพลงเอย เต้นเอย ดนตรีเอย แต่ชอบที่สุดคือร้องเพลง แต่ไม่เชิงว่าฉันจะต้องเป็นนักร้องให้ได้ หนูคิดว่าหนูได้รับโอกาสที่ดีเอาไว้ สุดท้ายมันต่อยอดมาถึงตรงนี้ได้ เราเริ่มเห็นสิ่งที่เราชอบที่สุดชัด
TPco : ย้อนไปถึงที่มาของการเป็นเด็กกิจกรรมและการประกวด
เบล : ตอนเด็กๆ ให้เราเรียนอะไรก็ไป เรารู้ว่าแม่ให้เรียนเพราะจะได้หาอะไรเจอสักอย่างหนึ่งที่อยากทำ ตอนเรียนร้องเพลง ครูชอบเปิดเวทีเล็กให้แม่ๆ พ่อๆ ของนักเรียนมาดู เหมือนเริ่มทำให้รู้สึกว่าการออกจากคอมฟอร์ตโซนทุกครั้งมันสนุกมาก ตอนนั้นน่าจะ ป.5 ป.6 รู้สึกว่าเราร้องเพลงสนุกสุด เลิกเรียนอย่างอื่นหมด
ที่เข้าประกวดนี่คือเพื่อนๆ ทั้งนั้นเลย แล้วเราเองก็อยากลอง พอประกวดก็ตกรอบบ้าง เข้ารอบบ้าง ตอนนั้นก็รู้สึกว่ามั่นในตัวเองในระดับหนึ่งว่า เฮ้ย ฉันเป็นเด็กที่เก่งเหมือนกันนะ
TPco : เขาว่านักรบย่อมมีบาดแผล แล้วทุกครั้งที่ตกรอบ เบลเรียนรู้อะไร
เบล : ความเสียใจ ความผิดหวัง แต่หลังจากนั้น เราจะเริ่มก้าวไปหนึ่งสเต็ปแล้วหันมามองว่าเพราะอะไร แล้วเวทีหน้าจะต้องทำยังไงให้มันดีขึ้น ช่วงก่อนมัธยมก็จะประกวดเดี่ยว แต่ว่าพอมัธยมไปก็ห่างหายจากการร้องเพลงไปนานมาก หลังจากนั้นหนูอยู่โรงเรียนประจำ ก็ได้ทำวงดนตรี ได้ไปประกวดอีก หลังจากนั้นก็รู้แล้วว่าสิ่งที่ชอบมากที่สุดคือการร้องเพลง
เพลงที่ชอบฟัง
หนังอินดี้จัดเลยค่ะ เป็นแบบอินดี้สุดทาง อย่าง Safe Planet แบบ Anatomy Rabbit เพอพีช ลานดอกไม้ ฟรีแฮนด์
หนังที่ชอบดู
ช่วงนี้หนูดูชินจัง ไม่ต้องคิดเยอะ แต่คือสนุกจังเลย
หนังสือที่ชอบอ่าน
ถ้าอ่านเยอะสุดน่าจะเป็นอีบุ๊ก เว็บตูน…คลายเครียดดี
หนังสือเล่มจะเป็นนิยายปรัชญา ที่สอดแทรกความคิด ชอบที่สุดคือ “ร้านขายของชำ”
Suggestion
TPco : ความเป็น “วง” ที่คิดถึง
เบล : ได้อยู่กับเพื่อน เมาท์มอย เล่นผิดบ้างโดนด่าบ้าง ทะเลาะกันบ้าง กวนกันบ้าง หรือสนุกกันบ้าง ความที่อยู่โรงเรียนประจำด้วย มันไม่มีโทรศัพท์ให้เล่น ไม่มีขนมให้กิน มากที่สุดก็นั่งเมาท์กับเพื่อน ตอนร้องเพลงเป็นกลุ่มก็รู้สึกว่าทำๆ ไป เพราะไม่มีอะไรทำ แต่ว่าชอบอยู่กับเพื่อนมากกว่า แต่กลายเป็นว่าพอประกวดแล้วเราเริ่มตั้งใจมากขึ้น ทุกคนเริ่มตั้งใจมากขึ้น
TPco : อะไรทำให้ตัดสินใจว่ามาเป็นศิลปินอย่างจริงจัง
เบล : น่าจะ Home Run Music นี่แหละค่ะ ด้วยความที่ทำ YouTube แบบเดี่ยวมาโดยตลอด มีจุดหนึ่งที่รู้สึกว่าเราอยากทำอะไรมากกว่านั้น แล้วโตขึ้น อยากมีอะไรเป็นชิ้นเป็นอันมากขึ้น ฉันทำอะไรได้ดี ฉันมีแฟนคลับเล็กๆ เป็นของตัวเอง ก็เลยรู้สึกว่างั้นเราไปอยู่ตรงไหนดี ประจวบเหมาะกับที่ Home run music เปิดค่าย เลยลองเข้าไปดูค่ะ พบความสบาย ความชิล ความแฮปปี สามารถเป็นอะไรก็ได้ เลยโอเค ไม่รู้เหมือนกันว่าจะรอดหรือไม่ ลองทำดูก่อน แล้วก็มีเพลงแรก เอาปากกามาวง กลายเป็นที่รู้จักเร็วมาก
24 ชั่วโมงของเบล ทำอะไรบ้าง
ขับรถ เรียน ทำงาน
กลับบ้านไปนั่งคิดอะไรหรือไม่ก็นั่งชิล
วันว่างๆ ของเบล
ชอบใช้เวลากับน้องสาว รู้สึกว่าการอยู่ด้วยกันการใช้เวลาด้วยกันมันผ่อนคลาย
TPco : รู้สึกยังไงกับเส้นทางการเป็นศิลปินของตัวเอง
เบล : หลายคนอาจรู้สึกว่าหนูได้มันมาง่ายมากเลย ซึ่งจริง แต่พาร์ตที่ต้องพยายามก็มี แล้วก็กดดันตัวเองว่าครั้งต่อๆ ไป เราจะต้องทำให้ดีขึ้น ซึ่งบางทีอาจทำให้ผลงานที่ออกมาค่อนข้างไม่เป็นธรรมชาติ แต่หลังจากเราผ่านหลายๆ อย่างมา เจอแฟนคลับมากขึ้น เริ่มเห็นศิลปินวงโปรด ไอดอล และแพสชันของเขาคืออะไร ก็เริ่มค้นหาตัวเองมากขึ้น รักตัวเองมากขึ้น รักคนที่รักเรามากขึ้น วันนี้เราเลยไม่ได้กดดันตัวเองแล้ว แต่อยากพยายามให้เป็นอีกเลเวลหนึ่งของตัวเองมากกว่า ทำเพลงอีกแนวหนึ่ง ทางไหนเหรอที่เราจะได้เจอแฟนคลับกลุ่มที่ซัปพอร์ตเราไปตลอด และอยากจะเป็นเรียลอาร์ติสต์มากขึ้น
TPco : เบลมีแรงบันดาลใจในการทำเพลงจากอะไร
เบล : ศิลปินส่วนมากทำเพลงจากความชอบของตัวเอง หนูก็คงเป็นแบบนั้น เพลงล่าสุด “ก็ดีอยู่แล้ว” ก็มาจากความรักครั้งแรกของหนู toxic แย่ แต่อยู่มาสามปีนะ เป็นคนอดทนเก่ง ก็ได้เพลงนี้มา เพลงถัดๆ ไปก็อยากใส่ความเป็นตัวเองมากขึ้น เคยลองเขียนเนื้อเพลงจากเรื่องของเพื่อนๆ ดู แต่เขียนจากเรื่องของเราเองมันเอฟเฟกต์กว่า
การบ้านในหัวทุกๆ วัน คือหนูจะต้องหาสิ่งที่เป็นตัวเองและไม่เหมือนใครที่สุด หนูเป็นคนเชื่อมั่นในตัวเองในระดับหนึ่งว่าโอเคเราทำได้ ที่จริงหนูเพิ่งมีแพสชันในการร้องเพลงปีนี้เองนะคะ เลยรู้สึกว่าถึงเวลาหาตัวตนของเราจริงๆ สักที
TPco : ความฝันสูงสุดของตัวเองในฐานะศิลปิน
เบล : มีคอนเสิร์ตใหญ่เป็นของตัวเองในสเกลใหญ่ แต่ก่อนขอมีคอนเสิร์ตเล็กๆ ซึ่งหนูกำลังจะได้ทำ หนูเริ่มมาสองปีหนูชมตัวเองว่าเก่งแล้ว ณ วันนี้ที่มีแพสชันด้านร้องเพลงนี่คือความฝันสูงสุดของหนู ก็ต้องรอดูว่าจะทำได้ไหม
คอนเสิร์ตแรกของหนู “Flower on the Floor” เป็นคอนเสิร์ตที่ได้ใส่ความเป็น เบล วริศรา มากๆ ลงไปในนั้น จะไม่ใช่แบบเอาปากกามาวง แต่จะเห็นกลิ่นใหม่ๆ ของเบล น่าจะเป็นสีใหม่ๆ ของเบลบวกกับเป็นสีที่ทุกคนน่าจะชอบ เป็นงานที่หนูมีส่วนร่วมมาก คิดคอนเซปต์ เลือกโทนนู่นนี่นั่น แล้วก็ได้ศิลปินลานดอกไม้มาเป็นเกสต์ ซึ่งเป็นศิลปินอินดี้วงแรกที่หนูชอบด้วย ดีใจที่คอนเสิร์ตแรกของเราได้ศิลปินวงแรกที่เราชอบที่สุดได้ มาเป็นเกสต์
TPco : สิ่งสำคัญในชีวิตของเบลคืออะไร
เบล : ครอบครัว สนับสนุนทุกอย่าง แต่เขาก็จะต้องปรับตัวเหมือนกัน ว่าลูกจะต้องไปเล่นดนตรีร้านเหล้าแล้วนะ หนูพูดคำหยาบครั้งแรกแม่ร้องไห้ แต่หนูพูดกับเพื่อนนะ บนเวทีไม่พูดค่ะ เพราะว่าคุณแม่เรียบร้อยมาก ไม่กินเหล้า ไม่พูดคำหยาบ
TPco : ให้ตัวเองเป็นดอกไม้สักหนึ่งชนิดคิดว่าตัวเองเป็นอะไรดี
เบล : ยากมาก เพราะว่าหนูชอบดอกไม้ทุกดอกมารวมกัน ชอบที่สุดหนูชอบลิลลี่ หนูว่ามันสวยและอยู่ได้นาน แต่ถ้าเทียบกับตัวเองน่าจะเป็นทานตะวัน เป็นคนมั่นใจแต่ว่าไม่ได้อีโก้จัดนะคะ มองภาพตัวเองแล้วดอกทานตะวันมันสู้แสงดี