“ถ้าเราอยากเก่งกว่าคนอื่น เราก็ต้องซ้อมให้หนักกว่าคนอื่น” – กวินทร์ ธรรมสัจจานันท์
หนุ่มคนนี้คือนักฟุตบอลไทยผู้สร้างประวัติศาสตร์กีฬาในระดับสากล ด้วยการเป็นนักฟุตบอลไทยคนแรกที่ได้ลงเล่นในการแข่งขันที่ยุโรปร่วมกับทีมดังสัญชาติเบลเยี่ยมอย่าง OH Leuven ในจูปิแลร์ โปรลีก ซึ่งเป็นลีกสูงสุดของเบลเยี่ยม…ในฐานะผู้รักษาประตูไทยของทีม ให้เราได้ภาคภูมิใจใน “ไทยเพาเวอร์” ของเขาคนนี้
ตอง–กวินทร์ ธรรมสัจจานันท์ ได้ชื่อว่าเป็น “นักเตะไทยค่าตัวสูงที่สุด” ซึ่งโอกาสดังกล่าวไม่ได้มาโดยง่าย แต่ผ่านความรักและความมุ่งมั่นที่จะพัฒนาตัวเองจากความฝันเล็กๆ ของเด็กชายคนหนึ่งโดยแท้
ก่อนหน้านั้น นักบอลหนุ่มผู้นี้ยังเคยสร้างผลงานในทีมชาติไปร่วมเอเชียนเกมส์ 2014 ในฐานะกัปตันทีมฯ พร้อมตำแหน่งผู้รักษาประตูของทีมฟุตบอลไทย ภาพจำของเขาสำหรับพวกเราคือการเซฟประตูในการแข่งขันครั้งสำคัญต่างๆ …ไม่เพียงครั้งนั้น และฝีมือที่ไม่ธรรมดาของเขายังเป็นที่มาของฉายา “กวินบินได้” ในตอนที่เขายังคงใช้ชื่อเดิมว่า “กวิน”
“ผมไม่รู้ว่าตัวเองเริ่มรักฟุตบอลตอนไหน? คือรู้อีกทีก็…ขาดฟุตบอลไม่ได้ไปแล้ว” กวินทร์ย้อนเล่าถึงวันเริ่มต้นในเวลาที่ฟุตบอลเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งในชีวิตแบบแทบจะแยกกันไม่ออก “คือกีฬาฟุตบอลเป็น…สิ่งที่ผมขาดไม่ได้ อยากเล่นทุกวัน ไม่ว่าวันหยุดหรือว่าช่วงพักฤดูกาล ผมอยากจะเตะบอลเล่นบอลตลอด เพราะถ้าไม่เล่นฟุตบอล มันเหมือนชีวิตขาดอะไรไปอย่างหนึ่ง…”
..เริ่มค้นพบตัวเอง..
ย้อนหลังกลับไป วัยเด็กของกวินทร์มีชีวิตประจำวันที่แทบไม่ต่างไปจากเด็กในวัยเดียวกัน เว้นแต่ศักยภาพในการเล่นฟุตบอลที่ซ่อนอยู่ในตัวซึ่งถูกค้นพบเข้า…โดยบังเอิญ จากสิ่งที่เขารักและการเล่นกีฬาแบบสนุกๆ ของเด็กๆ
“ตอนเด็กๆ ผมก็ชอบวิ่งเตะบอลกับเพื่อน เล่นๆ กันตามปกติน่ะครับ…มีอยู่วันหนึ่งผมเตะบอลกับญาติผมคนหนึ่ง เราผลัดกันเป็นประตูและผลัดกันยิง ครั้งนี้เพื่อนผมคนนี้ก็ยิงมา แล้วบอลมันลอดขาผมไป แต่ผมหันกลับไปรับไว้ทัน เพื่อนเลยบอก เอ้ย เออมีแววนะ” ดูเหมือนสิ่งที่เกิดขึ้นในวันนั้นจุดประกายการ “เล่นบอล” ในตำแหน่งผู้รักษาประตูให้กับเขา
Suggestion
..ตำแหน่งผู้รักษาประตู..
“ตอนนั้นจะชอบหรือเปล่ายังไม่รู้ แต่พอกลับมาบ้านผมก็เอาเสื้อแขนยาวมาใส่แบบผู้รักษาประตู เอ๊ยแต่ไม่มีถุงมือ เอาไงดีล่ะ? พอดีหน้าบ้านมีตลาดนัด ผมเลยเดินออกไปหาซื้อถุงมือขับมอเตอร์ไซค์มาใส่ให้ครบชุด พอลองยืนดูหน้ากระจก เออเท่ดี ก็เลยโอเค..เป็นประตู” ภาพเด็กชายใส่ชุดผู้รักษาประตูในกระจกวันนั้น มีส่วนผลักดันกวินทร์ไม่น้อย เขาเริ่มทุ่มเทและซ้อมหนักตั้งแต่เด็ก
“ตอนที่ผมอยู่โรงเรียนอัสสัมชัญธนบุรีแล้ว อายุประมาณ 12-13 ปี โชคดีที่บ้านของผมอยู่ใกล้โรงเรียน เวลาซ้อมเสร็จเพื่อนๆ ก็จะไปกินข้าวกัน แต่ผมจะบอกเพื่อนว่าให้เอาข้าวกล่องมาฝากผมกล่องหนึ่ง แล้วผมก็ยังซ้อมต่อกับโค้ช เป็นอยู่อย่างนั้นตลอดประมาณ 6-7 ปีที่โรงเรียน ซึ่งตอนนั้นผมไม่รู้หรอกว่าทำแล้วจะเกิดอะไรขึ้น แต่แค่รู้สึกว่าถ้าเราซ้อมเท่าคนอื่น เราก็ได้เท่าคนอื่น ถ้าเราอยากเก่งกว่าคนอื่น เราก็ต้องซ้อมให้หนักกว่าคนอื่น”
…เพราะฟุตบอลไม่ใช่แค่อาชีพ แต่…คือชีวิต..
กวินทร์มีความฝัน! และตั้งแต่รู้ว่าสิ่งที่ตัวเองรักคือฟุตบอล เขาไม่เคยหยุด “ทำ” ในสิ่งที่ตัวเขารัก…จนเริ่มมีความฝันที่สำคัญ “ความฝันตั้งแต่ผมเริ่มเล่นฟุตบอลอาชีพ คือผมอยากไปเล่นฟุตบอลในยุโรป”
อย่างไรก็ดีการทุ่มเทซ้อมอย่างหนักอย่างต่อเนื่อง เพราะอยากเล่นฟุตบอล “เก่ง” ทำให้กวินทร์ขยับความฝันของตัวเองเข้าใกล้ความจริง นาทีสำคัญสำหรับโอกาสที่รอคอยมาถึงในที่สุดเมื่อราวสามปีที่แล้ว คือสิ่งที่เขาจดจำอย่างไม่มีวันลืม “ตอนนั้นผมอยู่บ้านกับแม่ มีโทรศัพท์จากคุณระวิ โหลทอง ประธานสโมสรเอสซีจี เมืองทอง ยูไนเต็ด ที่ผมสังกัดอยู่ในเวลานั้น โทรมาบอกว่ากำลังเจรจากับทีม OH Leuven อยู่ พอรู้ว่าได้ไปก็ดีใจ”
กวินทร์พกความฝันเดินทางไปไกลพร้อมกับใส่เสื้อเบอร์ 16 ของทีมในตอนเริ่มต้น
Suggestion
…“ไทยเพาเวอร์” ของกวินทร์…
ในเวลานั้นเมื่อต้องเดินทางไปใช้ชีวิตอยู่ไกลบ้าน กวินทร์ต้องเริ่มต้นชีวิตของฝันที่เป็นจริงไปพร้อมกับการปรับตัวเองครั้งใหญ่ เนื่องจากไม่ได้มีเวลาเตรียมตัวก่อนเดินทางมากนัก และเมื่อไปอยู่ที่นั่นทุกวันสำหรับเขายังเต็มไปด้วยความกดดัน แต่กวินทร์ก็ได้ตั้งเป้าหมายไว้อยู่แล้วว่าอยากจะได้พิสูจน์ตัวเอง
“ตัวผมเองเป็นแค่ผู้รักษาประตูอาเซียนคนหนึ่ง ซึ่งไม่ได้เก่งกาจอะไรมากมาย มีคนเยอะแยะที่เก่งกว่าผม แต่ว่าในเมื่อวันหนึ่งโอกาสเข้ามา ผมก็อยากจะคว้าโอกาสนั้นเอาไว้”
การก้าวเท้าออกสู่สนามอินเตอร์ของเขาเป็นการทำให้โอกาสสำคัญครั้งนี้เป็นจริงขึ้นมาได้ และโอกาสที่กวินทร์ได้รับจาก คิง เพาเวอร์และสโมสร OH Leuven ที่มองเห็นความมุ่งมั่นที่มาพร้อมศักยภาพของเขา คือฝันที่เป็นจริง
ไม่เพียงแต่ฝันของหนุ่มคนนี้เป็นจริง แต่เหมือน “ฝันของชาติ” ยังเป็นจริงอีกด้วยเมื่อนักบอลไทยไปเล่นบอลในลีกยุโรปได้สำเร็จ แน่นอนว่านั่นเป็นสิ่งที่กวินทร์ขอบคุณโอกาสดีในชีวิตเสมอมา
“เมื่อตอนที่รู้ตัวว่าต้องไปที่โน่น ผมไม่รู้เส้นทางเลยว่าจะเป็นยังไง จะต้องยากลำบากแค่ไหน ไม่รู้เลยครับ แต่สิ่งที่ผมบอกกับตัวเองก็คืออย่างไรก็ต้องสู้ เพราะผมไปครั้งนี้ ไม่ได้ไปเล่นเพื่อตัวผมเองคนเดียว แต่ผมไปเหมือนเป็นตัวแทนของประเทศไทยด้วย ที่จะไปให้คนอื่นเขารู้ว่าคนไทยเป็นอย่างไร และบอกเขาว่าคนไทยก็มีดี”
กวินทร์ได้เก็บเกี่ยวประสบการณ์การเล่นฟุตบอลในระดับสากลมาไม่น้อย ไม่ว่าจะทั้งจากลีกยุโรปหรือในเจ-ลีกของญี่ปุ่น และพร้อมกับเป็นต้นแบบให้เห็นอีกด้วยว่า ไม่ว่าจะเลือกทำอาชีพอะไร สิ่งที่ควรต้องมีคือรักในสิ่งที่ทำก่อน เพื่อให้ทำสิ่งนั้นได้อย่างไม่เบื่อ…ไม่เหนื่อย มีระเบียบวินัยและดูแลตัวเองเป็นอย่างดี รวมทั้งมีเป้าหมายของชีวิต ซึ่งสำคัญตรงจะช่วยพาเราไปยังจุดที่ความสำเร็จรอคอยเราอยู่ข้างหน้านั่นเอง
ประวัติโดยสังเขป
– กวินทร์เริ่มเล่นฟุตบอลช่วงแรกกับสโมสรราชประชา (ปี 2549-2550)
– และมาเติบโตทำผลงานกับสโมสรเอสซีจี เมืองทอง ยูไนเต็ด (ปี 2551-2561)
– ในฐานะทีมชาติไทย คว้าแชมป์ซีเกมส์ (ปี 2556) และได้เป็นกัปตันทีมชุดเอเชียนเกมส์ (ปี 2557)
– ได้เป็นนักเตะของทีม OH Leuven (ปี 2561) เซ็นสัญญาเป็นเวลา 5 ปี เป็นนักเตะไทยคนแรกที่ไปค้าแข้งในยุโรป
– โดยในระหว่างนั้นกวินทร์ยังมีโอกาสไปร่วมทีมฮอกไกโด คอนซาโดเล่ ซัปโปโร เจลีก 1 ที่ญี่ปุ่นด้วยสัญญายืมตัวจากทีมด้วย