Summary
ค่ายดนตรีที่มอบประสบการณ์ที่โลกออนไลน์ให้ไม่ได้…มีศิลปินและวิทยากรมากความสามารถจำนวนมากมาช่วย “โค้ชชิ่ง” ผู้ประกวดแบบใกล้ชิดและติวเข้มแบบแต่ละเรื่อง เพื่ออัพสกิลการร้องและเล่นดนตรีให้กับสมาชิกวงทุกคนที่ผ่านเข้ารอบชิงชนะเลิศซึ่งพร้อมจะเป็นเวทีเดือด…เชือดเฉือนกันสุดต่อไป
พบกับการกลับมาอีกครั้งของ THE POWER BAND MUSIC CAMP #2 ค่ายดนตรีของเวทีประกวดวงดนตรีสากลคุณภาพระดับประเทศ THE POWER BAND 2024 SEASON 4 จัดโดย คิง เพาเวอร์ ไทย เพาเวอร์ พลังคนไทย ร่วมกับ วิทยาลัยดุริยางคศิลป์ มหาวิทยาลัยมหิดล และค่ายเพลงชั้นนำ THE POWER BAND MUSIC CAMP #2 จัดขึ้นเป็นพิเศษเหมือนเป็น “รางวัล” สำหรับทุกวงดนตรีที่ผ่านเข้าสู่รอบชิงชนะเลิศ ทั้งรุ่นมัธยมศึกษา (High School Class) และ รุ่นบุคคลทั่วไป เส้นทางสู่ศิลปินมืออาชีพ (Professional Class: Road to Artist)
พวกเขาทั้งหมดได้เข้าร่วมในกิจกรรมทางดนตรีที่ประเมินค่าไม่ได้จากศิลปินเบื้องหน้าและวิทยากร ผู้คร่ำหวอดทางดนตรีเบื้องหลัง อัดแน่นทั้ง 3 วัน ด้วยความรู้ที่ได้เรียนจากบทเรียนของจริงและศิลปินตัวจริง ทั้งยังเพิ่มสีสันความสนุกของการแชร์ประสบการณ์สุดพิเศษนี้ร่วมกัน
ก่อนปิดค่ายด้วยความมันระดับฮอลล์สะเทือนจาก Mini Concert สุดพิเศษจากพี่ ๆ วง Zeal ที่มามอบความสนุกในแบบใกล้ยิ่งกว่าใกล้ ชิดยิ่งกว่าชิด เพื่อจุดพลังและสร้างแรงบันดาลใจให้น้อง ๆ กลับไปพัฒนาวงของตัวเอง แล้วมา ลุย! ในศึกสุดท้ายวันชิงชัย THE POWER BAND 2024 SEASON 4 รอบชิงชนะเลิศ
Day 1 เรียนเป็นเล่น(ดนตรี)
Artist Development
เมื่อโจทย์ปักไว้ที่การพัฒนาศิลปิน ก็คงไม่มีใครจะเหมาะไปกว่า พี่พล – คชภัค ผลธนโชติ ผู้ปลุกปั้น BOXX MUSIC และศิลปินเบอร์หนึ่งของค่าย อย่าง อิ้งค์ – วรันธร ขวัญใจชาวเรานั่นเอง พี่พลและอิ้งค์ บอกเล่าทั้งสิ่งที่ควรเรียนรู้ การพัฒนาศักยภาพด้านต่างๆ สู่การเป็นศิลปินเดี่ยวหรือศิลปินกลุ่ม ต่อเนื่องแนวคิดการสร้างผลงานที่มีเอกลักษณ์ การสร้างฐานแฟนเพลง และการทำงานในวงการดนตรี ซึ่งแน่นอนว่าทั้งหมด มาจากประสบการณ์ตรงล้วนๆ
“ศิลปินต้องรู้จักตัวเอง เราทำความรู้จักเขา ทำความรู้จักกับทิศทางทางดนตรีว่าอดีต ปัจจุบัน และอนาคตจะเป็นแบบไหน ภาพลักษณ์ของศิลปินต้องพอเหมาะและเป็นที่จดจำ ไลฟ์เพอร์ฟอร์แมนซ์ ศิลปินทุกคนปลายทางจะต้องขึ้นไปยืนอยู่บนสเตจให้ได้ แน่นอนว่าคือการพัฒนามาจากห้องซ้อมอย่างหนัก และยุคนี้มาร์เก็ตติ้งและโซเชียลมีเดียต่างๆ ก็ต้องปรับตัวและพัฒนาตลอดเวลา” พี่พลรวบตึงอย่างง่ายๆ ให้ทุกคนได้เห็นภาพของคำว่า ‘พัฒนาศิลปิน’
ในด้านของศิลปินที่ได้รับการพัฒนาอย่างอิ้งค์ก็มีมุมมองที่น่าคิดตาม “อิ้งค์คือศิลปินที่ถูกพัฒนา มากกว่า วันนี้ก็มาแชร์ประสบการณ์ให้น้องๆ ทุกคนฟังกัน เราผ่านอะไรมาบ้าง จัดการกับการเล่นดนตรี ยังไงบ้าง ในกรณีเป็นศิลปิน อิ้งค์ว่าต้องคอยสังเกตตัวเองก่อนว่าขาดอะไรบ้าง การพัฒนาเกิดขึ้นทั้งจากคนอื่น พัฒนาเราด้วย และเกิดจากเราไปหาการพัฒนานั้นด้วย ถ้าเรารู้จักตัวเองว่าขาดอะไรเติมได้ไหม หรือไปหาใคร ที่ช่วยเติมสิ่งนั้นได้ ซึ่งถ้าเราเป็นศิลปินที่เปิดใจ เราจะได้รับคำแนะนำที่เขาเห็นเรา ซึ่งนั่นเป็นคีย์ของศิลปินเลย”
Music Arranging
อาจารย์ดิว – ภูวิช ทวาสินชนเดช เปิดคลาสสอนวิชา ทั้งจากตำราในฐานะอาจารย์และภาคปฎิบัติ ในฐานะสมาชิก วง ASIA 7 วงดนตรีแนวเอเชียนป็อปที่นำเสียงดนตรีไทยไปผสมผสานได้อย่างน่าอัศจรรย์ น้องๆ ทุกคนจึงได้เรียนรู้เทคนิคการเรียบเรียงดนตรีด้วยตัวเองในสไตล์ดนตรีต่างๆ แบบเร่งรัด เพื่อให้น้องๆ ได้สร้างสรรค์โชว์สุดคูลที่แตกต่างกว่าที่เคย บอกได้เลยว่ารอติดตามทุกโชว์ด้วยใจเต้นตึกตัก
Band Coaching
ครั้งแรกกับการแนะนำการแสดงของทุกวงที่เข้าร่วมกิจกรรมแบบเรียลไทม์บนเวที! จุดเด่นจุดด้อย อยู่ตรงไหน ทุกวงได้รับการชี้เป้าแบบลงลึกชัดเจน โดยรุ่น High School Class ที่ได้ อาจารย์แป๊ป – วิโรจน์ สถาปนาวัตร จากวิทยาลัยดุริยางคศิลป์ มหาวิทยาลัยมหิดล พี่เป้ – ไพสิฐ คำกลั่น ศิลปินและโพรดิวเซอร์ ค่าย Melodic Corner และพี่ติ๊ก – กฤษติกร พรสาธิต นักร้องวง Playground และผู้บริหารค่ายเพลง Home Run Music กรรมการทั้ง 3 ท่านจากรอบโซนนิ่งเปลี่ยนมาสวมหมวก “Coach” มาให้คำแนะนำในมุมมองของคนที่เคยเห็นฝีไม้ลายมือของน้องๆ ตั้งแต่วันแรกอย่างใกล้ชิด ทุกสิ่งจึงตรงเป้าแบบ 10 -10 – 10
“น้องๆ ได้ประสบการณ์จากการเรียนรู้ จากสถานการณ์ต่างๆ ตั้งแต่รอบคัดเลือก วันนี้ปัญหาเหล่านั้น ได้ถูกคลี่คลายในหลายๆ ปม ทั้งการซาวนด์เช็ก ทั้งปัญหาเทคนิคระหว่างทาง case study เยอะมาก และวันนี้น้องๆ ทุกคนจะได้คลายปม แล้วหยิบเอาไปใช้ในรอบชิงชนะเลิศได้” พี่ติ๊กเสริมกำลังให้น้องทุกด้าน
“จากการที่พวกผมเป็นกรรมการรอบโซนนิ่งทุกสนาม ทำให้เราได้รู้จุดเด่นจุดด้อยมีอะไรบ้าง วันนี้จะเป็นการโค้ชชิ่งที่เราอยู่บนเวทีร่วมกับเด็กๆ ให้เขาได้ปรับและส่งต่อเข้าไปสู่รอบชิงชนะเลิศ อย่างสมบูรณ์” พี่เป้ก็ช่วยเติมทุกจุดให้เต็ม
ในส่วนของรุ่น Professional Class มีโค้ช 3 ท่าน คือ พี่บิลลี่ Billy Akin พี่เอี่ยว The Richman Toy และ อาจารย์ต้นตระกูล แก้วหย่อง ศิลปินวง ASIA 7 สังกัด GENELAB | GMM MUSIC CO., LTD. และอาจารย์ประจำสาขาวิชาดนตรีสมัยนิยม วิทยาลัยดุริยางคศิลป์ มหาวิทยาลัยมหิดล ที่ทำหน้าที่ชี้จุดเป็น จุดตายได้อย่างสนุกสนานและเป็นกันเอง ให้น้องๆ ได้เรียนรู้อย่างผ่อนคลาย แต่ได้คำแนะนำที่อาจจะเปลี่ยน โฉมหน้าการแสดงสดของพวกเขาไปตลอดกาล
“ตื่นเต้นครับ สนุกกว่าที่คิดเป็นการโค้ชชิ่งที่เป็นกันเอง ผมเห็นถึงความตั้งใจของทุกคนมาก พวกเขาคือ นักดนตรีหรือคนที่ชื่นชอบในดนตรีรุ่นใหม่ๆ ที่มีฝีมือและการพัฒนา เห็นแล้วชื่นใจว่าวงการดนตรีบ้านเรา กำลังจะมีบุคลากรที่มีคุณภาพอีกหนึ่งกลุ่ม
น้องๆ เองก็น่าจะได้เรื่องประสบการณ์ ความรู้และข้อมูลน่าจะแน่น ผมแอบอิจฉานะ ที่สมัยผมเด็กๆ ไม่มีแบบนี้ ถ้าจะเป็นผู้ชนะบนเวทีนี้ ผมว่าต้องเป็นตัวเอง คือเราไม่ต้องทำอะไรยากกว่าสิ่งที่ตัวเองเป็น แต่เราต้องดึง สิ่งตัวเองมี และทำให้มันเฉิดฉายมากที่สุด ไม่ต้องทำอะไรยาก แค่พอดีตัวและรู้จุดแข็งจุดอ่อน ของตัวเอง และกรรมการจะเห็นความตั้งใจนั้นเอง” พี่บิลลี่ย้ำจุดยืนที่ต้องมีก่อนขึ้นสเตจอีกครั้ง
Suggestion
Day 2
Song Writing
พี่แจ๊ป – วีรณัฐ ทิพยมณฑล และ พี่เงาะ – พีระนัต สุขสำราญ สองสมาชิก The Richman Toy มาเป็น “ติวเตอร์” ชวนน้องๆ มาเริ่มต้นเขียนเพลงแบบหลักสูตร 101 ค้นหาแรงบันดาลใจรอบตัว จับประโยคเล็ก วลีน้อย ค่อยๆ ร้อย เป็นเนื้อร้อง ทำนอง ตามโครงสร้างเพลงที่วางไว้ แค่นี้ก็ได้เพลงสไตล์เราไว้โชว์กันแล้ว ที่สนุกมากในคลาส คือน้องๆ ได้ลองแต่งเนื้อกันสดๆ บทไม่มี แต่ที่ได้คือเพลงสักท่อนที่บ่งบอกความเป็นตัวเองได้อย่างน่าสนใจ
“วันนี้ได้มาพูดคุยกับน้องๆ เรื่องการเห็นความสำคัญของเนื้อเพลงครับ ว่าเนื้อเพลงบอกอะไรได้บ้าง เราควรพูดเรื่องตัวเองในแบบไหน มันคือการสื่อสารหลักให้ผู้ฟังได้รับรู้อย่างแน่ชัดมากขึ้น เป็นเรื่องค่อนข้าง สำคัญ ไปจนถึงการเลือกเพลงมาคัฟเวอร์ ว่าคนแบบฉัน สุภาพบุรุษแบบ ฉันควรจะเลือกเพลงแบบไหน” พี่เงาะผู้ยกให้เนื้อเพลงเป็นตัวเอกแจกเทคนิคแบบไม่กั๊ก
“ผมมาในพาร์ตของการเขียนเนื้อเพลง ทำให้เรื่องจากนามธรรมให้เป็นรูปธรรม ที่มีส่วนประกอบ จากหลายอย่าง ผมว่าอย่างน้อยๆ น้องๆ น่าจะได้เห็นการเขียนเพลงในรูปแบบที่ต่างกันหลายแบบ ซึ่งทั้งหมดแล้วแต่น้องๆ ว่าอยากจะเขียนในรูปแบบไหน ให้เขาได้ฝึกฝนแล้วไปคิดต่อ อาจจะสื่อสารจากการร้อง และเลือกเพลงที่ผนวกกันได้” พี่แจ๊ปก็ยกให้เนื้อเพลงคือส่วนสำคัญเช่นกัน
Sound Check and Stage Organization
เมื่อต้องขึ้นไปอยุ่บนเวที ความเข้าใจการทำงานของ Sound System บนเวทีคอนเสิร์ตเบื้องต้น สำคัญมาก พี่บูท Booster Roller Studio (Booster Triangle Wave) ยังคงมาเป็นวิทยากรให้เราอย่างต่อเนื่อง เป็นปีที่ 2 จึงมีวิชามาส่งต่อเพื่อที่ทุกคนจะได้บริหารจัดการขั้นตอนการ Sound Check โดยบริหารเวลาอย่าง มีประสิทธิภาพ รู้จักการทำ Technical Rider และ Stage Plan ของวง และรู้จักบทบาทหน้าที่ของฝ่ายต่างๆ ในการทำงานอย่างชัดเจน เพื่อสร้างพื้นฐานอย่างแน่น ให้โชว์ที่กำลังจะเกิด นี่เป็นอีกคลาสที่น้องๆ ตั้งใจฟัง กันมากๆ เพราะทุกจุดล้วนมีเทคนิคซ่อนอยู่ ชนิดที่ว่าแค่วางไมค์ถูกที่ถูกเวลาก็อาจตัดสินผู้ชนะกันได้เลย
Instrumental Clinic
นี่คือเวลาที่น่าจดจำของนักร้องและนักดนตรีทุกคน เมื่อพวกเขาจะได้เรียนรู้อย่างใกล้ชิด วิทยากรผู้มากประสบการณ์ในแต่ละเครื่องดนตรี ที่จะมาให้คำแนะนำน้องๆ ในการฝึกฝนและพัฒนา ตัวเองสู่นักดนตรีระดับมืออาชีพ การเตรียมความพร้อมในการเล่นคอนเสิร์ต ไปจนถึงเทคนิค และเคล็ดลับอีกมากมายให้โกยกันไปเก็บนคลังความรู้อย่างไม่หวาดไม่ไหว
เริ่มที่ Vocal เป็นคลาสจาก พี่นก – พริมาภา นักร้องสาวผู้กวาดรางวัลแทบจะทุกครั้งที่ก้าวขึ้น เวทีประกวด และล่าสุดในปีนี้เธอคือเจ้าของตำแหน่ง 2024 Grand Champion Senior Vocal of The World จัดขึ้นที่ประเทศสหรัฐอเมริกา งานนี้พี่นกติวเข้มแบบรายคน ชนิดที่ว่าถึงเวลาสอนจะหมดแต่ยังขอต่อเวลา เพื่อให้น้องๆ ทุกคนได้รับคำชี้แนะแบบละเอียด เพื่อนำไปปรับใช้ในวันชิงชนะเลิศ มั่นใจว่าเวทีในวันนั้น ต้องไฟลุกแน่นอน
“วันนี้หลักๆ มาแชร์ประสบการณ์ว่าการที่เราจะะขึ้นไปแสดงบนเวที จะต้องมีอะไรบ้าง พี่นกแชร์จากทุกสิ่งที่สั่งสมมาทั้งชีวิต ไม่ว่าจะเป็นการประกวด คอนเสิร์ต หรือการแสดงบนเวทีอื่นๆ พี่นกเอามาแชร์หมดทุกขั้นตอน ส่วนคลาสอื่นก็มาทุกองค์ประกอบแบบรวมกันขึ้นแสดงได้เลย และสิ่งที่เขาได้เรียนรู้ในวันนี้ ไม่ใช่แค่ใช้ในรอบชิงชนะเลิศเท่านั้น แต่เขาจะได้ใช้มันไปตลอดชีวิต”
นอกจากนั้นยังมีการสอนแบบเฉพะทางจากหลากหลายเครื่องดนตรีอย่าง Guitar พี่แง้ว – อาณัติ Bass พี่เมย์ – พัชรพงศ์ Drums พี่หม่อง – กฤษณะ Keyboards พี่บอย – Manyx Boy และ Horns จากพี่เจ็ง พี่เขต พี่เซิน
Suggestion
Day 3
DAY OF ZEAL
Sound Check Demonstration
เริ่มต้นวันสุดท้าย ด้วยการสาธิตการทำงานระดับมือโปรของทีมงาน วง Zeal ตั้งแต่ขั้นตอน Set up และ Sound Check มาดูกันว่าการทำงานในแบบมืออาชีพต้องทำอะไรบ้าง ทำยังไงถึงจะใช้เวลาในการ Sound Check ให้คุ้มค่าที่สุด และออกมาให้ผลลัพธ์ดีที่สุด
Ensemble Workshop
พี่ๆ วง Zeal ยังคงอยู่กับเราทั้งวัน ต่อเนื่องกันไปกับความรู้ ประสบการณ์ และการเผยตัวละครต่างๆ ในการเล่นดนตรีด้วยกันเป็นวงในแบบฉบับของวง Zeal การตีความบทเพลงในสไตล์ต่างๆ วิธีการฝึกซ้อม ทั้งในด้านความเป็น Leader และ Supporter การจัดการ Balance เสียงเครื่องดนตรี และแนะนำทุกทริก การแสดงบนเวทีเพื่อน้องๆ จะไปนำไปพัฒนาต่อไป
“วันนี้ Zeal มาพูดเรื่องการแลกเปลี่ยนประสบการณ์ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของการทำเพลงในสตูดิโอ ในห้องซ้อม หลายอย่างมาก น้องๆ ให้ความสนใจมาก ทั้งเรื่องการเตรียมตัวก่อนขึ้นเวทีการปรับมายด์เซต ต่างๆ อะไรที่เป็นปัญหาเราแก้ไขได้อย่างไร เตรียมตัวอย่างไร มันคือการแบ่งปันประสบการณ์แบบ Zeal ให้กับน้องๆ เอาไปวิเคราะห์ แล้วก็ลองเอาไปปรับใช้ในแบบของตัวเอง หวังว่าสิ่งที่พวกเราแชร์จะเป็นประโยชน์ กับน้องๆไม่มากก็น้อย วันนี้น้องก็ติดไฟในตัวเรามาก บางคนแค่ 14 -15 ปีทำได้ขนาดนี้ อย่าคิดว่าเป็น การแข่งขัน คิดว่ามาร่วมสนุกกันดีกว่า เราได้เห็นน้องเล่นดนตรีได้ขนาดนี้เราก็ดีใจมากเลย
การจัดแคมป์ดนตรีเป็นเรื่องที่ดีมาก น้องจะได้ประสบการณ์จากผู้ที่ผ่านประสบการณ์มาโดยตรง รู้ว่าอะไรเคยผิดพลาดมาแล้ว จะแก้ไขปัญหาอย่างไร ถ้าเราเอาเทคนิคต่างๆ ไปใช้ด้วยตัวเองได้จะสนุก แต่สุดท้ายของแบบนี้ไม่มีอะไรตายตัว เราก็กำลังทำงานอยู่บนพื้นฐานของศิลปะ อะไรก็เกิดขึ้นได้ ที่สำคุญคือทุกอย่างไม่มีทางลัด เรื่องฝึกซ้อมคือสิ่งสำคัญ แคมป์นี้เป็นสิ่งที่ดีมาก ถ้าคราวหน้ามีการประกวด ดนตรีรีบมาสมัครเลยครับ มันเป็นประสบการณ์ชีวิตที่พลาดไม่ได้เลย”
Mini Concert
ก่อนจะปิดงานด้วยมินิคอนเสิร์ตแบบเต็มร้อย จากวง Zeal ที่ทำให้ทุกคนได้ชมโชว์แบบยิ่งกว่า Exclusive ชนิดที่บัตรเรือนหมื่นอาจหันมาค้อน เพราะพี่ๆ ขยันหยอดเซอร์ไพรส์ ทั้งชวนร้องหน้าเวที เดินไปร้องให้ฟังกันถึงที่นั่ง หันไปส่งไมค์ให้น้องที่นั่งข้างๆ ได้กรี๊ดกันสุดเสียงไปกับทุกเพลงฮิต โดยเฉพาะเพลง ‘สองรัก’ ที่ร่วมพลัง ร้องกันจนสนั่น จบงานด้วยบรรยากาศที่เต็มไปด้วยความฟินไปกับศิลปินคนโปรด
Suggestion
วงทั้งหมดที่ผ่านเข้าสู่รอบชิงชนะเลิศ THE POWER BAND 2024 SEASON 4 ได้แก่…
รุ่นมัธยมศึกษา สุดยอดวงดนตรีระดับมัธยมศึกษา (High School Class)
• วง Savvy Horwang and Denla British School กรุงเทพมหานคร
• วง I Love Wednesday โรงเรียนโยธินบูรณะ กรุงเทพมหานคร
• วง นิวคลัสเตอร์ แบนด์ สังกัดอิสระ จังหวัดนครราชสีมา
•วง สกลพัฒน์ โรงเรียนสกลนครพัฒนศึกษา จังหวัดสกลนคร
• วง Hidden Track โรงเรียนศรีสะเกษวิทยาลัย จังหวัดศรีสะเกษ
• วง Belebt โรงเรียนองค์การบริหารส่วนจังหวัดเชียงราย จังหวัดเชียงราย
• วง Heritage โรงเรียนรัตนาเอื้อวิทยา จังหวัดเชียงใหม่
• วง E.H.C.B โรงเรียนยุพราชวิทยาลัย และ Ambassador Bilingual Academy จังหวัดเชียงใหม่
• วง Pongzun (ป๋องสั้น) โรงเรียนดรุณาราชบุรี จังหวัดราชบุรี
• วง FUNNY BAND BY KMG โรงเรียนดนตรี KONGMUSICGROUP จังหวัดภูเก็ต
• วง CHADA BAND โรงเรียนภูเก็ตวิทยาลัย และโรงเรียนขจรเกียรติศึกษา จังหวัดภูเก็ต
• วง KC String Combo Band โรงเรียนสะเดา “ขรรค์ชัย กัมพลานนท์ อนุสรณ์” จังหวัดสงขลา
• วง DS.RU.BAND โรงเรียนสาธิตมหาวิทยาลัยรามคำแหง (ฝ่ายมัธยม) กรุงเทพมหานคร
• วง Thanks Mom สังกัดอิสระ กรุงเทพมหานคร
• วง JELLY DRY AGED โรงเรียนธรรมศาสตร์คลองหลวงวิทยาคม จังหวัดปทุมธานี
รุ่นบุคคลทั่วไป เส้นทางสู่ศิลปินมืออาชีพ (Professional Class: Road to Artist)
• วง Fusion Island กรุงเทพมหานคร
• วง Sisweet จังหวัดชลบุรี
• วง BLACK COFFEE จังหวัดนครราชสีมา
• วง อรชร จังหวัดสมุทรปราการ
• วง เฉลิมเกษ จังหวัดศรีสะเกษ
• วง The PicLic Band จังหวังเชียงใหม่
• วง Whales Six กรุงเทพมหานคร
• วง Ride จังหวัดมหาสารคาม
• วง 18.00 น. จังหวัดเชียงใหม่
• วง The Six Sons จังหวัดภูเก็ต
• วง UnToxic จังหวัดลำพูน
• วง Boy in Love กรุงเทพมหานคร
• วง Khaenika (เกณิกา) กรุงเทพมหานคร
• วง Banana Grill จังหวัดมหาสารคาม