Passion

ชัยชนะและการเติบโต
ภารกิจขอบสนามของ
“โค้ชกาก้า”

เพ็ญแข สร้อยทอง 3 May 2022
Views: 564

‘ชัยชนะเริ่มต้นที่การฝึกซ้อม …’

ภาพความมุ่งมั่นตั้งใจซึ่งเกิดขึ้นบนสนามฟุตบอลหญ้าเทียมสีน้ำเงินอันสดใสแห่งนั้น จากโครงการ 100 สนามฟุตบอล สร้างพลังเยาวชนไทย ของ คิง เพาเวอร์ ทำให้วลีด้านบนนี้ปรากฏชัดในความรู้สึกของผู้ที่ได้พบเห็น ด้วยเป้าหมายในการพัฒนาตัวเองและความสำเร็จของทีม กลายเป็นพลังงานที่ไหลเวียนอยู่รอบๆ กลุ่มนักฟุตบอลเยาวชนแห่ง “กรับใหญ่อะคาเดมี”

ในทุกจังหวะของการฝึกซ้อมของเด็กๆ เหล่านี้อยู่ภายใต้ความรับผิดชอบดูแลและฝึกสอนโดยทีมโค้ช ซึ่งนอกจากจะทำทุกอย่างเพื่อให้ทีมได้ชัยชนะแล้ว ยังช่วยประคับประคองและเป็นประจักษ์พยานในการเติบโตขึ้นอย่างดีของบรรดาผู้เล่นด้วย และหนึ่งในทีมโค้ชของกรับใหญ่อะคาเดมีก็รวมถึงชายผู้เดินทางมาจากแดนไกล แต่เป็นคนที่เข้าใจเด็กๆ นักฟุตบอลอายุน้อยเหล่านี้ดี เพราะครั้งหนึ่งเขาก็ผ่านประสบการณ์คล้ายกันเหล่านี้มาก่อน

เรื่องราวระหว่างโค้ชชาวกานากับเด็กไทยในอะคาเดมีฟุตบอลที่ราชบุรี…ไม่น่าจะธรรมดา บทสนทนาที่กำลังจะเกิดขึ้นต่อไปนี้ เป็นภาษาไทยที่ถูกถอดใจความจากอังกฤษ ซึ่งเจ้าตัวพูดคุยถึงสิ่งที่เขารับหน้าที่ปฏิบัติอย่างมีเป้าหมาย…ด้วยใจรัก

“การฝึกของผมคือการสร้างแรงบันดาลใจให้ทีมสร้างความมั่นใจ สอนทักษะที่จำเป็นเพื่อพัฒนา และทำงานร่วมกันอย่างประสบความสำเร็จ สำหรับผมในฐานะโค้ช ผมพยายามให้โอกาสผู้เล่นทุกคนได้เล่นและแสดงสิ่งที่พวกเขามีในตัว”

Teacher Kaka (Albert Akwasi Nyamekye)
สนามโรงเรียนกรับใหญ่อะคาเดมี ราชบุรี

 

เป็นทั้ง English Teacher…เป็นทั้งโค้ช

แผ่นดินกานาซึ่งห่างออกไปไกลกว่า 6 พันไมล์เป็นบ้านเกิดของ “อัลเบิร์ต อะควาซี นามเมคเช” (Albert Akwasi Nyamekye) ชายผู้มีทักษะความสามารถและความรักในกีฬาฟุตบอล จนกลายเป็นนักกีฬาเยาวชนทีมชาติกานา U17 ซึ่งเคยเข้าร่วมการแข่งขัน U17 World Cup ที่ประเทศเกาหลี ในปี 2007 ก่อนจะเลิกเล่นหันไปมุ่งมั่นกับการเรียนตามคำขอของแม่

“ผมเริ่มเล่นฟุตบอลเมื่ออายุ 7 ขวบ เพราะพ่อของผมเป็นนักฟุตบอลในทีมใหญ่ที่กานา ชื่อทีม Ashanti Kotoko ผมเลยไปกับพ่อเสมอเมื่อเขาไปฝึกซ้อม” นอกจากนี้เขายังมีสองนักฟุตบอลชาวบราซิลเป็นแบบอย่างสำคัญ คือ กาก้า และ โรนัลโด้

“ผมชอบเล่นฟุตบอล ผมรักทุกอย่างเกี่ยวกับฟุตบอล แต่แม่ของผมขอให้ผมหยุดเล่นและไปเรียนต่อในมหาวิทยาลัย เพราะแม่เป็นห่วงอนาคตของผม” อัลเบิร์ตหันไปมุ่งมั่นกับการเรียนจนจบมหาวิทยาลัย “เพื่อทำให้แม่มีความสุข” แต่ฟุตบอลก็ไม่เคยหายไปจากชีวิตของเขา

เมื่อ 8 ปีก่อน อัลเบิร์ตเดินทางมาใช้ชีวิตอยู่ที่เมืองไทย ปัจจุบันในวัย 33 ปี เขาทำหน้าที่ครูสอนภาษาอังกฤษและคณิตศาสตร์ที่โรงเรียนอนุบาลเทศบาลตำบลกรับใหญ่ อำเภอบ้านโป่ง จังหวัดราชบุรี ทั้งยังมีตำแหน่งโค้ชฟุตบอลของทีมกรับใหญ่อะคาเดมีด้วย

ชายที่เด็กๆ เรียกติดปากว่า “โค้ชกาก้า” ได้นำทักษะความรู้ความสามารถในฟุตบอลมาถ่ายทอดให้สมาชิกของกรับใหญ่อะคาเดมี ที่ตั้งอยู่กลางไร่อ้อยแห่งตำบลกรับใหญ่ เป็นอะคาเดมีซึ่งตั้งขึ้นมาเพื่อฝึกสอนและสร้างนักฟุตบอลเยาวชน รวมทั้งส่งเสริมสนับสนุนให้พวกเขาพร้อมสำหรับการแข่งขันในระดับอาชีพในอนาคต

ในทุกๆ วันทำงาน “ทีเชอร์กาก้า” สำหรับหน้าที่ teacher เขามีตารางการสอนภาษาอังกฤษและคณิตศาสตร์ให้กับนักเรียนโรงเรียนอนุบาลเทศบาลตำบลกรับใหญ่ ตั้งแต่ 7.30 น. – 15.30 น. หลังเลิกเรียนก็จะเป็นเวลาที่ต้องเปลี่ยนมาสวมหมวกโค้ชทำหน้าที่อยู่แถวๆ สนามสีน้ำเงินระหว่างเวลา 16.00 น. – 18.00 น. เรียกได้ว่าเป็นตัวหลักขับเคลื่อนความก้าวหน้าของนักกีฬาเยาวชนของที่นี่ก็ไม่ผิด

จากเยาวชนทีมชาติกานา สู่โค้ชเยาวชนกรับใหญ่

วันนี้ เด็กๆ ในกรับใหญ่อะคาเดมีมีอยู่ราว 70 คน อายุระหว่าง 10-18 ปี ในจำนวนนี้ไม่ได้มีแค่เยาวชนในพื้นที่ราชบุรีเท่านั้น แต่หลายคนหอบความฝันกันมาจากทั่วประเทศ ในช่วงกลางวัน พวกเขาเรียนหนังสือในระดับชั้นประถมที่โรงเรียนอนุบาลเทศบาลตำบลกรับใหญ่ และระดับมัธยมที่โรงเรียนกรับใหญ่ว่องกุศลกิจพิทยาคม หลังสัญญาณเลิกเรียนดังขึ้น พวกเขาอุทิศเวลาให้กับฟุตบอล

สำหรับนักกีฬาเยาวชนเหล่านี้ โค้ชเป็นผู้ที่มีบทบาทสำคัญในการวางแผนและเป็นผู้นำการฝึกซ้อม โดยมีเป้าหมายให้ผู้เล่นพัฒนาทักษะ สร้างแรงจูงใจ ให้คำแนะนำ และเสริมสร้างความฟิตของผู้เล่นฟุตบอลและทีม ส่วนที่ยากที่สุดอย่างหนึ่งในการเป็นผู้ฝึกสอนนักเตะเยาวชนคือ “การต้องรับมือกับความคาดหวังของผู้ปกครองของผู้เล่น เพราะผู้ปกครองบางคนอาจจะไม่ค่อยรู้เรื่องฟุตบอลนัก นอกจากนี้แล้วการรับมือกับความกดดันที่จะชนะเกมด้วย” โค้ชกาก้าเล่า

“รูปแบบการฝึกสอนของผม คือการสร้างแรงบันดาลใจให้ทีม สร้างความมั่นใจ สอนทักษะที่จำเป็นเพื่อพัฒนาและทำงานร่วมกันอย่างประสบความสำเร็จ ในขณะเดียวกันก็ทำให้พวกเขารู้สึกมั่นใจว่าได้รับการสนับสนุนจากผู้ฝึกสอนตลอดเส้นทาง สำหรับผมในฐานะโค้ช ผมไม่รู้ว่าใครเป็นผู้เล่นที่ดีหรือแย่ ผมพยายามให้โอกาสผู้เล่นทุกคนได้เล่นและแสดงสิ่งที่พวกเขามีในตัวพวกเขา”

 

พัฒนาจากรากหญ้า ให้เป็นผู้เล่นระดับประเทศ

นักฟุตบอลที่ยอดเยี่ยมในความเห็นของโค้ชกาก้าต้องมีคุณสมบัติทั้ง “ทางกายภาพ เทคนิค ฉลาด ฝีเท้า ทักษะพรสวรรค์ และช่วยให้ทีมชนะ

“ผมคิดว่า ผู้เล่นเยาวชนควรเน้นที่การพัฒนาทักษะทางสังคม คือความสามารถในการสื่อสารด้วยวาจาทั้งในและนอกสนาม รวมถึงวินัย ความมุ่งมั่นเพื่อให้บรรลุเป้าหมาย ความเคารพ ความสามารถในการทำงานร่วมกับผู้อื่น การควบคุมตนเอง ความสามารถในการฟังผู้อื่นทั้งคำแนะนำและมุมมอง”

บนเส้นทางสายฟุตบอล เมื่อทีมประสบปัญหา ทีมสตาฟโค้ชต้องคุยกัน “แล้วดูว่าทีมมีปัญหาอะไร ถ้าเกี่ยวกับตัวผู้เล่น ผมจะพูดและกระตุ้นให้เขากลับมาเล่น และถ้าเป็นเรื่องการบริหารด้วย เราจะนั่งคิดหาวิธีแก้ไขเพื่อนำทีมกลับมาสู่ตำแหน่งสูงสุด บางครั้งก็ยากที่จะจัดการกับพ่อแม่หรือแฟนๆ ของนักเตะในทีมที่ยังไม่บรรลุนิติภาวะ

ในฐานะโค้ชสิ่งที่ทำได้ คือการจัดประชุมฟุตบอลตอนเริ่มต้นฤดูกาล และเปิดโอกาสให้ผู้ปกครองและแฟนๆ ได้แสดงความคิดเห็น”

ทุกอย่างเกิดขึ้นและเป็นไปโดยมีเป้าหมายใหญ่รออยู่ “เป้าหมายหลักของอะคาเดมีนี้ คือการพัฒนานักฟุตบอลระดับรากหญ้าให้กลายเป็นผู้เล่นที่ดีที่สุดในประเทศ และเป็นหนึ่งในอะคาเดมีที่ดีที่สุดในประเทศ”

เพื่อบรรลุเป้าหมาย “สร้างนักบอล” ที่มีมาตรฐานระดับประเทศได้ ต้องอาศัยการทำงานร่วมกันของหลายฝ่ายทั้งผู้เล่นและผู้ฝึกสอน “ผมมีโค้ชชาวไทยที่คอยสนับสนุนผมเสมอมา” ทั้งยังมีผู้บริหารโรงเรียนซึ่งริเริ่มก่อตั้งทีมจนพัฒนากลายมาเป็นอะคาเดมี โดยได้รับการสนับสนุนจากฝ่ายการปกครองส่วนท้องถิ่น และภาคส่วนอื่นๆ อย่างภาคเอกชน เช่น คิง เพาเวอร์ ผู้สร้างสนามฟุตบอลหญ้าเทียมสีน้ำเงินก็เป็นอีกหนึ่งพลังที่ช่วยผลักดันได้

“ต้องขอขอบคุณ คิง เพาเวอร์ เป็นอย่างยิ่งสำหรับสิ่งที่พวกเขาทำให้เรา ทั้งกรับใหญ่อะคาเดมีและชุมชนกรับใหญ่ทั้งหมด เราซาบซึ้งมาก และคิง เพาเวอร์จะอยู่ในหนังสือประวัติศาสตร์ของกรับใหญ่ตลอดไป

“ตอนที่ได้ยินว่า คิง เพาเวอร์ จะสร้างสนามบอลให้เรา มันเหมือนกับเป็นความฝัน พวกเราไม่เชื่อจนกระทั่ง คิง เพาเวอร์ โพสต์บนเพจว่า กรับใหญ่เป็นหนึ่งใน 100 ชุมชนที่พวกเขากำลังจะไปสร้างสนามฟุตบอลให้ ทุกคนจึงมีความสุข เพราะพวกเราอยากได้สนามมานานแล้ว

“เราได้ใช้ประโยชน์มากมายจากสนามนี้ เมื่อก่อนพวกเรามีสนามอยู่แค่สนามเดียว เวลาซ้อมก็ต้องแบ่งสนามออกเป็น 2 ส่วนก่อนการฝึก แต่เมื่อมีสนามเข้ามานี้ก็ทำให้เราฝึกได้ง่ายยิ่งขึ้น ทั้งยังดึงดูดเด็กๆ ส่วนใหญ่ให้เข้าร่วมอะคาเดมีของเรา และผู้เล่นของเราก็ไปฝึกซ้อมที่นั่นด้วยตัวเองเสมอ”

ผลลัพธ์จากการทุ่มเทแรงกายแรงใจเห็นได้จากชั้นวางถ้วยรางวัลที่สะสมมาจากหลายทัวร์นาเมนต์ ทั้งการคว้าแชมป์ในการแข่งขัน SAT ราชบุรี (U13-15) ซึ่งทีมที่ดีที่สุดในจังหวัดราชบุรีมาร่วมแข่งขัน รวมไปถึงแชมป์ระดับเยาวชนรุ่น 14 ปี และ 16 ปี ทั้งที่นครปฐม สมุทรสาคร กาญจนบุรี เป็นต้น

นอกจากนี้สมาชิกของทีมหลายคนได้รับเลือกเป็นตัวแทนของจังหวัดเพื่อร่วมแข่งขันกีฬาเยาวชนแห่งประเทศไทย และในอนาคต เด็กๆ ซึ่งเคลื่อนไหวอยู่บนสนามซ้อมของกรับใหญ่อะคาเดมีอยู่ตอนนี้ อาจเติบโตไปเล่นให้กับราชบุรี มิตรผล หรือสโมสรฟุตบอลอาชีพอื่นๆ ในไทยพรีเมียร์ลีก หรือมีธงชาติไทยติดหน้าอกเสื้อเพื่อทำหน้าที่ตัวแทนประเทศ

“ในมุมมองของผม ทีมฟุตบอลไทยเป็นหนึ่งในทีมที่แข็งแกร่งที่สุดในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้เสมอมา ในช่วง 20 ปี พวกเขาคว้าแชมป์ฟุตบอลอาเซียนได้ 5 จาก 11 ครั้ง ผมเชื่อว่าในอนาคตจะดีกว่านี้ เพราะผู้เล่นอายุน้อยกำลังจะมา”

จากมุมมองส่วนตัว โค้ชกาก้าบอกว่า หนึ่งในสิ่งที่ตื่นเต้นที่สุดเกี่ยวกับฟุตบอล คือการทำหน้าที่ป้องกันการรุก “ไม่มีอะไรจะทำให้อะดรีนาลีนของทีมหลั่งออกมาได้ราวกับถูกโจมตีโดยสัตว์ประหลาดมากเท่ากับการทำหน้าที่ป้องกันการบุกของทีมฝ่ายตรงข้าม ความจริงที่ว่าการป้องกันส่งผลกระทบอย่างมากต่อเกม นั่นเป็นเหตุผลที่ทำให้ฟุตบอลน่าตื่นเต้นมาก”

บทบาท “ลมใต้ปีก” ของครู & โค้ช

วันนี้ โค้ชกาก้าใช้ชีวิตปีที่ 8 ในเมืองไทยอย่างมีความสุขกับชีวิตและงาน แม้ว่าจุดเริ่มต้นจะไม่ง่ายเลย “อย่างแรก เพราะอุปสรรคทางภาษา วัฒนธรรม คน หรืออาหารต่างๆ แต่เมื่อเวลาผ่านไป เมื่อได้รู้จักแล้ว คนไทยก็เป็นมิตรสุดๆ ใจดี น่ารัก เมืองไทยร่ำรวยวัฒนธรรม อาหารอร่อย

“ผมเองไม่รู้ว่าจะอยู่เมืองไทยไปนานแค่ไหน แต่ตราบใดที่ผมอยู่ที่นี่ ผมจะใช้ชีวิตได้โดยไม่มีปัญหา สามารถสนุกกับงานของผมได้”

นอกจากจะกระตือรือร้นในการสอนทักษะด้านกีฬาให้กับเด็กๆ แล้ว โค้ชเองก็ยังต้องเป็นผู้เรียนรู้อยู่ตลอดชีวิต

“สำหรับผม เป้าหมายระยะยาว คือการเป็นโค้ชมืออาชีพ ผมอยากเรียนหลักสูตรสำหรับผู้ฝึกสอนของ AFC คงจะดีถ้าจะมีใครสามารถสนับสนุนผมเพื่อให้บรรลุเป้าหมายนี้ได้ นอกจากนี้ผมก็ยังอยากจะพัฒนาทักษะส่วนตัว ทั้งเรื่องร่างกาย จิตใจ และสังคมไปพร้อมกัน”

หน้าที่ในการฝึกสอนของโค้ชเป็นงานยาก เพราะมีหลายอย่างต้องพิจารณาและดำเนินการ ทุกการตัดสินใจและลงมือทำของโค้ชส่งผลกระทบต่อนักกีฬามากกว่าที่คิด และความสำเร็จของการเป็นโค้ชอีกอย่างหนึ่ง คือการเป็นแบบอย่างที่ดีให้กับนักกีฬา

“การเป็นโค้ชไม่ใช่แค่ฝึกสอนเท่านั้น โค้ชอยู่ในตำแหน่งที่ดีเพื่อช่วยให้นักกีฬาเข้าถึงศักยภาพของตนเอง พวกเขายังมีบทบาทสำคัญในการทำให้เด็กและวัยรุ่นมีส่วนร่วมในการเล่นกีฬาและการออกกำลังกาย ผมจึงใช้ตัวเองเป็นตัวอย่าง”

สิ่งหนึ่งที่โค้ชกาก้าคิดถึงเสมอ คือผู้เล่นเด็กๆ เหล่านี้ยังมีชีวิตอีกส่วนหนึ่งอยู่นอกสนามฟุตบอลและมีอนาคตรออยู่ข้างหน้า

“เพราะพรุ่งนี้ไม่มีใครรู้ ดังนั้นถ้ามีอะไรเกิดขึ้นและคุณไม่สามารถเล่นฟุตบอลได้อีก คุณก็ยังมีสิ่งที่ต้องทำในอนาคต ผมแนะนำเสมอว่า อย่าทำเป็นเล่นในเรื่องการศึกษา แม้ว่าคุณจะเป็นนักฟุตบอล แต่ถ้าอ่านหนังสือไม่ออก คุณก็จะไม่ได้รับสัญญาที่ดีและจะมีคนใช้เงินที่ควรเป็นของคุณ เด็กๆ ควรสนใจทั้งเรื่องการเรียนและฟุตบอล”

การเป็นครูและโค้ช คือสิ่งที่ทำให้ชายคนนี้มีความสุข “เพราะผมรักเด็กและการสอน และฟุตบอลก็เป็นความรักครั้งแรกของผม ผมไม่เสียใจที่ได้เป็นครูและโค้ช

“ฟุตบอลมีความหมายกับผมมาก ฟุตบอลเป็นโลกสำหรับผม สอนผมมากมายเกี่ยวกับการทำงานเป็นทีม และความไม่เห็นแก่ตัว หมายถึง การสนับสนุนและเล่นให้กับทีมฟุตบอลของคุณเสมอ นอกจากนี้ยังช่วยพัฒนาทักษะทางสังคมในเชิงบวก ความมั่นใจในตนเอง และสอนการเคารพซึ่งกันและกัน”

สำหรับเด็กๆ ฟุตบอลสอนให้พวกเขามีความรับผิดชอบ มีความเป็นผู้นำ และทำให้ร่างกายแข็งแรง  “ส่วนที่ผมชอบที่สุดในการเป็นโค้ชเยาวชน คือการได้เห็นเด็กๆ มาฝึกซ้อมและแสดงสีหน้ายิ้มแย้ม ทำในสิ่งที่โค้ชคิดในสนามแข่งขัน พวกเขารักและเข้าใจในสิ่งที่พวกเขาทำ บางครั้งพวกเขาก็บอกผมถึงนักเตะ ตำแหน่ง หมายเลข และทีมที่พวกเขาชื่นชอบ พ่อแม่ก็เคารพโค้ชและนักเตะเช่นกัน”

 

คุณสมบัติที่นักบอลควรมี เพื่อประสบความสำเร็จในความเห็นของโค้ชกาก้า

• ต้องมีความมุ่งมั่นทางกายภาพ เทคนิค ฉลาด ฝีเท้า ทักษะพรสวรรค์ และช่วยให้ทีมชนะ
• ควรเน้นที่การพัฒนาทักษะทางสังคม คือความสามารถในการสื่อสารด้วยวาจาทั้งในและนอกสนาม
• ต้องมีวินัยและความมุ่งมั่นเพื่อไปให้ถึงที่หมายให้ได้
• มีความเคารพผู้อื่น รวมทั้งมีความสามารถในการทำงานร่วมกับผู้อื่น รู้จักควบคุมตนเอง
• มีความสามารถในการฟังผู้อื่น ทั้งคำแนะนำและมุมมอง

Author

เพ็ญแข สร้อยทอง

Author

เชื่อในพลังของตัวอักษรและการเล่าเรื่องเพื่อสร้างแรงบันดาลใจ นอกเหนือจากบ้านแล้ว ใช้เวลาส่วนใหญ่ในร้านกาแฟ ชอบเที่ยว ชิมอาหาร อ่านหนังสือ ดูซีรีส์ ฟังเพลง แคคตัส และแมว