ความรักความหลงใหลในกีฬาฟุตบอลอาจเป็นพลังงานชนิดหนึ่ง ซึ่งสามารถส่งต่อเพื่อปลุกเร้าความฝันและสร้างเสริมแรงบันดาลใจให้แก่กันและกันได้
เหมือนกับที่สองนักฟุตบอลอาชีพระดับตำนานของไทย ลีซอ – ธีรเทพ วิโนทัย กองหน้าโปลิศ เทโร เอฟซี และ เบนซ์ – พีรพงศ์ พิชิตโชติรัตน์ อดีตกองกลาง บีจี ปทุม ยูไนเต็ด (BGPU) ได้ส่งต่อพลังความรักและหลงใหลในฟุตบอลให้กับเด็กๆ ขณะทำหน้าที่โค้ชในฟุตบอลคลินิกภายใต้โครงการ ‘ล้านลูก ล้านพลัง สร้างฝันเด็กไทย’ ของ คิง เพาเวอร์ ซึ่งดำเนินต่อเนื่องมาเป็นปีที่ 5 โดยกิจกรรมนี้เปิดโอกาสให้นักฟุตบอลเยาวชนได้เรียนรู้ทักษะการเล่นฟุตบอลกองหน้าและกองกลาง สาธิตการจับบอลและการหาตำแหน่งครองบอลแบบมืออาชีพ
แม้จะเป็นช่วงเวลาสั้นๆ แต่เด็กๆ ก็ได้รับถ่ายทอดสุดยอดเคล็ดลับ ซึ่งกลั่นกรองจากประสบการณ์กว่า 20 ปีของทั้ง “พี่ลีซอ” และ “พี่เบนซ์” เพื่อนำไปต่อยอดฝึกฝนพัฒนาตัวเองเพื่อบรรลุความฝัน ไม่แน่ว่าวันหนึ่งข้างหน้า หนึ่งในเด็กๆ เหล่านี้จะได้ก้าวมาเดินบนเส้นทางสายเดียวกันกับ 2 นักฟุตบอลอาชีพ ซึ่งมาทำหน้าที่ “โค้ช” เฉพาะกิจให้พวกเขา (เรามีเคล็ดลับดีๆ จากสองสุดยอดนักเตะคู่นี้อยู่ที่ตอนจบของเรื่องด้วย) นับเป็นเส้นทางสายฟุตบอลที่แม้จะไม่ได้โรยด้วยกลีบดอกไม้และมักจะเข้มข้นด้วยการแข่งขันที่สูบฉีดอะดรีนาลีนให้พลุ่งพล่าน แต่ในอีกด้านหนึ่ง คือ ความสวยงาม คือ ความสุข คือ ชีวิต
“ความฝันมันจะเป็นตัวผลักดันเราให้ออกไปซ้อม ให้พยายามทำตามฝันให้ได้ ทำให้เรามีแพสชันในการที่จะไปฝึกซ้อม…ทำอะไรเพื่อพัฒนาตัวเอง มีเป้าหมาย มีความขยัน มุ่งมั่นอดทน มีความใฝ่รู้ที่จะพัฒนาตัวเอง”
ลีซอ – ธีรเทพ วิโนทัย
กองหน้าโปลิศ เทโร เอฟซี
“ฟุตบอลเป็นโรงเรียนชีวิต ต้องทำให้เต็มที่จะได้ไม่ต้องเสียดายทีหลัง ผมเลยเติมเต็มทุกๆ ช่วงมาตลอด เลยรู้สึกว่าไม่มีอะไรที่ขาดหายไป สำหรับนักกีฬา ความสำเร็จก็คือ มีความสุขกับสิ่งที่เรารัก ได้ทำสิ่งที่เรารัก คือ สำเร็จไปแล้วครึ่งหนึ่ง”
เบนซ์ – พีรพงศ์ พิชิตโชติรัตน์
อดีตกองกลาง บีจี ปทุม ยูไนเต็ด (BGPU)
แข่งขันกับผู้อื่นและตัวคุณเอง
ในแวดวงฟุตบอลไทย ชื่อของ ลีซอ เป็นที่คุ้นเคยกันดี อดีตศูนย์หน้าทีมชาติไทย ผู้ผ่านประสบการณ์การฝึกและค้าแข้งในยุโรป ในวัย 37 ปี วันนี้เขากำลังอยู่บน “โค้งสุดท้าย” ของเส้นทางนักฟุตบอลอาชีพ เขายังคงสนุกสนานกับการได้ลงสนาม ได้ร่วมฝึกซ้อมกับเพื่อนร่วมทีม โปลิศ เทโร เอฟซี ลีซอ ต้องการที่จะเล่นฟุตบอลไปจนกว่าจะเล่นไม่ได้ และวันนี้ เขายังคงยืนยันว่า “ยังไหวอยู่”
สำหรับ เบนซ์ นักเตะที่ได้สัมผัสแชมป์ไทยลีก 2 สมัยกับ สิงห์ เชียงราย ยูไนเต็ด ในปี 2019 และ บีจี ปทุม ยูไนเต็ด ในฤดูกาล 2020-2021 เมื่อไม่นานมานี้ เขาเพิ่งลงเล่นนัดสุดท้ายเพื่อรับใช้สโมสรซึ่งเขาสังกัดมาอย่างยาวนาน เจ้าของสมญานาม “เจ้าชายกระต่ายแก้ว” ผู้เป็นที่รักของแฟนๆ BGPU ได้แขวนอำลาสตั๊ดการเป็นนักฟุตบอลอาชีพ แต่เบนซ์ยังคงอยู่กับทีมและอยู่ระหว่างการค้นหาที่ทางซึ่งเหมาะสมกับเขาในฐานะ สตาฟโค้ช
ทั้งคู่อยู่กับฟุตบอลมากว่า 20 ปี นับตั้งแต่เป็นมือสมัครเล่นมาสู่อาชีพนักฟุตบอล ระหว่างนั้นชีวิตอยู่กับ “การแข่งขัน” มาตลอด ไม่ว่าจะแข่งขันกับเพื่อนร่วมทีมเพื่อให้ได้เป็นตัวจริง หรือแข่งขันกับทีมตรงข้ามเพื่อชัยชนะ แต่เหนือสิ่งอื่นใด คือ การแข่งขันกับตัวเอง เพื่อพัฒนาตัวเองให้เป็นนักฟุตบอลที่แข็งแกร่งขึ้น ดีขึ้นกว่าเดิม ทั้งการฝึกฝนทักษะ การดูแลร่างกาย การเคารพกฎระเบียบของทีม การรักษาวินัย ฯลฯ ซึ่งการแข่งขันกับตัวเองนั้น เป็นสิ่งที่ต้องทำตั้งแต่ “คิกสตาร์ต”
สำหรับมืออาชีพ ฟุตบอลอาจจะไม่ใช่แค่ “การเล่น” เท่านั้น เพราะนี่คืองาน แต่การที่พวกเขาสนุกสนานและมีความสุขไปกับงานด้วย ยิ่งจะทำให้ผลลัพธ์ออกมาดีกว่า
“ฟุตบอลเป็นสิ่งที่ผมรัก” ในทุกวันที่ต้องซ้อมหรือแข่งขัน สำหรับลีซอเหมือนกับเป็น “การออกไปเล่นกับเพื่อน ออกไปเจอเพื่อน แล้วเราก็สนุกสนานในสนาม ได้เฮฮา ได้ทำสิ่งที่เรารัก แต่ว่าภาระหน้าที่อาจจะหนักหน่อย เพราะว่าเราไม่ได้เล่นสนุกไปวันๆ
“สิ่งที่ยากที่สุดก็คือ การพิสูจน์ตัวเอง จะทำยังไงให้โค้ชเขาเห็นว่า เราดีกว่าคนอื่น ทำยังไงให้โค้ชเห็นว่า เราต้องถูกเลือกให้เป็น 11 คนแรก หรือเข้าสู่ทีม บางอย่างอาจจะคาดเดาได้ แต่เราไม่สามารถรู้ว่าลึกๆ ในใจโค้ชเขาชอบใครมากกว่ากัน เราจะต้องพิสูจน์ให้เห็นให้ได้ โค้ชแต่ละคนก็จะมีความชอบ มีกฎเกณฑ์ในการเลือกซึ่งแตกต่างกันออกไป การเอาชนะใจโค้ชก็เป็นเรื่องยาก”
นักฟุตบอลที่ดีต้องเริ่มจากพื้นฐานที่ดี บนสนามฟุตบอลมีบททดสอบเข้ามาทุกๆ วัน “แม้เราจะเตรียมร่างกายมาอย่างดีแล้ว แต่เราก็จะไปพบเจอกับเพื่อนร่วมทีม พบเจอกับบรรยากาศซึ่งเราควบคุมไม่ได้” วิธีคิดหรือทัศนคติในเชิงบวกที่เป็นประโยชน์ต่อการเล่นฟุตบอลอาชีพ สำหรับเบนซ์แล้วส่วนหนึ่งมาจากการศึกษาเรียนรู้ทุกอย่างรอบตัว “ศึกษาเพื่อนร่วมทีม โค้ชด้วย ศึกษาเกี่ยวกับตัวฟุตบอลที่เราต้องเจอ ทีมแต่ละทีม คนแต่ละคน พยายามศึกษาข้อมูลให้มากๆ เก็บเกี่ยวไว้ มันก็จะทำให้ตัวเราได้เรียนรู้อยู่ตลอดเวลา”
Suggestion
ฟุตบอล คือ ชีวิต ชีวิต คือ ฟุตบอล
หลังจากอยู่กับฟุตบอลมาครึ่งค่อนชีวิต เบนซ์ให้ข้อสรุปกับตัวเองว่า “ฟุตบอลก็เหมือนชีวิต มีทั้งสุข ทุกข์ สมหวัง ผิดหวัง ทุกอย่างปนกัน ผมว่ามันเป็นโรงเรียนชีวิตโรงเรียนหนึ่งเลย สอนทุกอย่าง ฟุตบอลเป็นบททดสอบที่ดีของชีวิต การที่ต้องพบเจอกับคนเป็นร้อย ต้องพบเจอกับผลการแข่งขันที่ไม่เป็นใจ ถ้าได้แชมป์ได้ชัยชนะก็มีความสุขสมหวัง แต่ถ้าเจอกับการบาดเจ็บ เราก็ไม่สามารถที่จะทำอะไรได้เลย ถ้าไม่เจ็บ ถึงจะไม่ได้แข่ง อย่างน้อยแค่เราก็ได้วิ่งลงไปในสนาม มันก็เติมเต็มความสุขแล้ว ทุกคนไม่อยากเจอ แต่พอเกิดขึ้นแล้วก็ต้องยอมรับและแก้ไข ตั้งเป้าหมายว่าจะรีบกลับมาให้เร็วที่สุด คุยกับตัวเองในมุมที่ดี คิดในทางที่ดีก่อน”
เมื่อเผชิญหน้ากับปัญหา ลีซอมองว่าเป็นเรื่องปกติ “ทุกสายอาชีพทุกชีวิตจะต้องเจอปัญหาอยู่แล้ว ปัญหาก็เหมือนกับเพื่อนที่เราต้องเรียนรู้กันไปทุกวัน อย่าไปกลัวกับการรับมือกับปัญหา เพราะไม่ว่าจะหนียังไง คุณก็เจอแน่นอนอยู่แล้ว ไม่เล่นฟุตบอลแล้วไปทำงานอย่างอื่น คุณก็จะไปเจอปัญหางานที่อื่นเหมือนกัน อย่ากลัวที่จะเผชิญหน้ากับปัญหา พยายามรับมือกับมัน หาวิธีทางแก้ไข ถ้าเราพยายามแก้ไขผมว่ามันไม่ยาก แต่ว่าทุกสิ่งทุกอย่างมีเวลาของมัน มีกฎเกณฑ์ของมัน บางคนอาจจะแก้ไขปัญหาได้เร็ว บางคนอาจจะช้าหน่อย ต้องรอได้ ต้องอดทน”
การเล่นฟุตบอลก็เช่นเดียวกันกับการใช้ชีวิตในสังคม คือ คุณต้องรู้จักการเล่นเป็นทีมหรือการทำงานร่วมกับคนอื่น ไม่ว่าจะเป็นโค้ช เพื่อนร่วมทีม และอื่นๆ เบนซ์บอกว่า “ทุกจุดมันเชื่อมโยงกัน ทุกๆ ทีมก็คงอยากจะให้เป็นวงกลมที่สมบูรณ์ แต่ว่าควบคุมคนมันยาก ร้อยพ่อพันแม่ อาจจะมีบิดเบี้ยวกันไป ต้องคุยกัน ช่วยเหลือกัน จึงจะไปถึงจุดหมายได้ โค้ชก็จะมีเทคนิคในการรวมนักกีฬา และนักกีฬาเองก็ร่วมใจกัน สามัคคีกัน คุยกัน”
ในความคิดของลีซอ “กับโค้ชกับเพื่อนร่วมทีม เราต้องเปิดใจ ไม่เอาตัวเองเป็นที่ตั้ง ต้องเอาส่วนรวมเป็นหลัก อย่าไปกำหนดกฎเกณฑ์หรือคาดหวังกับคนอื่นมาก ถ้าสิ่งที่เราคาดหวังมันเป็นไปไม่ได้ก็จะรู้สึกไม่ดี รู้สึกขัดแย้ง แล้วก็ต้องรู้จักเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ คนร้อยพ่อพันแม่มาอยู่ด้วยกัน อาจจะมีความคิดไม่ตรงกันบ้าง เราอาจจะไม่ชอบในสิ่งที่เขาทำ แต่เราก็ไม่จำเป็นต้องไปโมโหหรือหัวร้อนตลอด ถ้าไม่ได้เดือดร้อนเรามาก หนักนิดเบาหน่อยก็ต้องอภัยให้กัน ทำหน้าที่ของเราให้ดีที่สุด เราไม่สามารถกำหนดให้ทุกคนเป็นอย่างที่เราต้องการได้ ต้องปรับตัวเข้าหาทุกๆ คน ให้ตัวเองยืนตรงกลาง อย่าไปอยู่ด้านใดด้านหนึ่ง มันก็จะง่าย”
อีกหนึ่งปัจจัยสำคัญ ซึ่งยกเว้นไม่พูดถึงไม่ได้ก็คือผู้คน “คนที่ 12” หรือแฟนบอล “แฟนๆ เป็นคนที่คอยผลักดันให้เรามีกำลังใจในการเล่น” ลีซอบอก “ในแต่ละเกมถ้ามีเสียงเชียร์ มีคนให้กำลังใจ ก็ทำให้เราอยากแสดงศักยภาพออกมา เพื่อที่ให้เขาแฮปปี้ ให้เขาชม ให้เขาเฮ ให้เขายินดีกับเรา ถ้ามีแฟนบอลเยอะๆ ให้กำลังใจกับทีมตลอดเวลา นักฟุตบอลก็จะมีพลังเพิ่มขึ้นในการเล่น ถ้าไม่มีแฟนบอล บางทีเล่นไปมันก็ไม่สนุก ในแต่ละเกมไม่รู้จะโชว์ให้ใครดู แฟนบอลเยอะๆ นักฟุตบอลก็อยากเล่นอยากโชว์”
“แฟนบอลสำคัญมาก” เบนซ์บอก “พวกเขาเป็นเหมือนแรงผลักดัน เป็นกระจกสะท้อนให้เรา ตอนนี้เพอร์ฟอร์แมนซ์ของเราของทีมเป็นอย่างไร”
ไม่เสียใจเสียดาย เพราะได้ทำดีที่สุดแล้ว
ตลอดชีวิตนักฟุตบอล ลีซอได้ผ่านพบกับหลากหลายเรื่องราวเหตุการณ์ การได้ทำหน้าที่ทีมชาติ ติดปลอกแขนกัปตัน ประสบการณ์ค้าแข้งในต่างแดน การได้กระทบไหล่นักเตะคนดังระดับโลก เหรียญรางวัล หรือ การชูถ้วยแชมป์ ทั้งหมดเป็นความภาคภูมิใจ แต่ถ้าจะให้นิยามคำว่า ความสำเร็จ ลีซอบอกว่า
“ความสำเร็จ คือ สิ่งที่เราทำเต็มที่มากกว่า การได้แชมป์หรือว่าชัยชนะ เป็นผลพลอยได้ จากสิ่งที่เราทำเต็มที่ ทุ่มเทกับเต็มที่และให้ใจเต็มที่ ถ้าเราได้ทำเต็มที่ในศักยภาพของเรา ต่อให้แพ้ในบางเกม ผมก็รู้สึกว่า ผมทำเต็มที่แล้ว ผมช่วยทีมสุดๆ แล้ว ถึงจะแพ้ ผมก็ถือว่าประสบความสำเร็จนะ การทำงานเต็มที่ตามที่ได้รับมอบหมายมา เราสามารถที่จะภูมิใจกับมันได้ แน่นอนว่าเรื่องผลการแข่งขันเป็นสิ่งที่ทีมฟุตบอลต้องการ แต่ไม่ใช่ว่าทุกคนจะชนะตลอด ก็มีแพ้บ้าง เฟลบ้าง แต่ว่าถ้าเราเต็มที่แล้ว มันก็ไม่ต้องเสียใจ
“ถ้าเป็นเรื่องของฟุตบอล เราคาดหวังผลไม่ได้ แต่ว่าเราทำเต็มที่ได้ การแข่งขันฟุตบอลเกมหนึ่ง เราคิดว่าต้องชนะแน่ แต่มันอาจจะไม่เป็นอย่างนั้น บางทีเราอาจจะแพ้ก็ได้ แต่ขอให้เราทำเต็มที่ที่สุด ให้รู้ตัวเองว่าเราทำอะไร สิ่งที่เราทำไป เราจะต้องสามารถที่จะรับมือกับผลตอบรับกลับมา เราตั้งใจที่จะทำให้ออกมาดี แต่บางทีมันก็อาจจะไม่ได้ดั่งใจก็ไม่เป็นไร ขอให้เราทำเต็มที่ก็พอ เราอาจจะเสียใจได้ แต่ว่าเราไม่เสียดายว่า ทำไมวันนี้เราไม่ทำให้ดีกว่านี้ ถ้าเราทำเต็มที่แล้ว ไม่ได้ก็คือไม่ได้ เราไม่ต้องไปมองคนอื่น ไม่ต้องไปเปรียบเทียบกับคนอื่น ทำของเราให้ดีที่สุดก็พอ”
การทำให้ดีที่สุด ณ เวลาหรือสถานการณ์นั้นๆ เป็นทัศนคติบวกสำหรับนักฟุตบอลหรือแม้แต่ในอาชีพอื่นๆ เบนซ์เองก็เชื่อเช่นนั้น “ผมคิดตลอดว่า ทำให้เต็มที่จะได้ไม่ต้องเสียดายทีหลัง ก็เลยเติมเต็มทุกๆ ช่วงของการเล่นฟุตบอลมาตลอด อย่างเช่นเรื่องการก้าวไปสู่ทีมชาติ ผมก็ได้พยายามแล้วเต็มที่แล้ว หรือว่าเรื่องการคว้าแชมป์ก็ได้พยายามจนได้มา เลยรู้สึกว่า ไม่มีอะไรที่ขาดหายไป เหมือนเราพยายามที่จะเติมเต็มอยู่ตลอดเวลา เราก็ไม่ได้เสียดายสิ่งที่มันผ่านมาแล้ว เพราะว่าเราทำเต็มที่กับทุกๆ จังหวะของมันแล้ว สำหรับนักกีฬา ความสำเร็จก็คือ มีความสุขกับสิ่งที่เรารัก ได้ทำสิ่งที่เรารักก็คือ สำเร็จไปแล้วครึ่งหนึ่ง”
Suggestion
แพสชันไม่มีวันตาย แต่เป้าหมายเปลี่ยนได้
20 ปีต่อมา ฟุตบอลยังคงมีบทบาทสำคัญในชีวิต เบนซ์ ในวัย 37 ปีได้ประกาศแขวนสตั้ดอำลาการเป็นนักฟุตบอลอาชีพไปแล้วเมื่อไม่กี่เดือนก่อน ตอนนี้เขาอยู่ระหว่างการค้นหาที่ทางอันเหมาะสมสำหรับเขาในฐานะสตาฟโค้ช
“ทุกอย่างมันก็ต้องเปลี่ยนแปลงตามกาลเวลา ใจหายเหมือนกัน ผมอาจจะเปลี่ยนฐานะจากนักกีฬาไปเป็นอย่างอื่น แต่ที่ผ่านมาเป็นช่วงเวลาที่ไม่ลืม เป็นช่วงเวลาที่ดีมากๆ ผมจะอยู่ในวงการนี้ต่อไป คงจะเป็นการตอบแทนสโมสรที่ผลักดันผมมาตลอด แต่จะอยู่ตรงไหนของ BGPU ก็พยายามจะเรียนรู้ อาจจะเป็นสตาฟโค้ชส่วนใดส่วนหนึ่งของทีม เราเคยคลุกคลีกับฟุตบอลมาเป็น 20 ปี พอถึงวันหนึ่งเลิกเล่นไปแล้ว แต่เราก็ยังอยากได้กลิ่นหญ้า ได้บรรยากาศภายในทีมอยู่ ยังสนุกอยู่”
สำหรับ ลีซอผู้ผ่านช่วงเวลาอันรุ่งโรจน์ในอาชีพและเป็นที่จดจำได้ในฐานะซูเปอร์สตาร์นักเตะ วันนี้เขายังคงมีช่วงเวลาแห่งความสุขและสนุกกับการได้ลงสนามร่วมฝึกซ้อมและแข่งขันกับเพื่อนร่วมทีม “ผมไม่ได้ตั้งเป้าว่าจะเล่นฟุตบอลไปถึงเมื่อไร ก็เล่นจนกว่าจะไม่ไหว ตอนนี้ยังโอเคอยู่” เป้าหมายของสไตรเกอร์ผู้นี้ คือ การทำประตูให้ได้ 100 ประตู ซึ่งตอนนี้เหลือเพียงแค่ 9 ประตูเท่านั้น ลีซอยังได้เปิดเผยถึงปรารถนาอันยิ่งใหญ่ คือ การก้าวไปเป็นนายกสมาคมฟุตบอลแห่งประเทศไทย
“ผมอยากเห็นวงการฟุตบอลไทยพัฒนาไปในทางที่ดีขึ้นเรื่อยๆ ในมุมของนักกีฬาเรามีประสบการณ์ มีบุคคลากรหลายๆ คนที่มาช่วยเหลือเราได้ ยังไม่เคยมีนักกีฬารุ่นใหม่ๆ มาเป็นนายกฯ ผมเลยอยากจะทำ ผมไม่อยากเป็นโค้ช ผมอยากทำงานด้านบริหารมากกว่า งานโค้ชมันไม่แน่นอน ทำดีแต่ก็อาจจะไม่ถูกใจคนอื่น โดยเฉพาะยิ่งในบ้านเรายิ่งยาก”
นอกจากเล่นฟุตบอล ลีซอยังรับหน้าที่พิธีกรรายการกีฬาทางทีวีออนไลน์ “สนุกดีครับ คุยเรื่องข่าวสารกีฬา แล้วก็ให้คอมเมนต์ กีฬาเป็นสิ่งที่เราถนัด เราเป็นนักกีฬามาก่อนก็จะเข้าใจสิ่งที่เกิดขึ้นในวงการกีฬา สามารถคอมเมนต์ได้”
ด้วยฟุตบอลทำให้ ลีซอ – ธีรเทพ วิโนทัย และ เบนซ์ – พีรพงศ์ พิชิตโชติรัตน์ ได้เดินทางมาบนถนนสายที่เหลือเชื่อ ได้พบเหตุการณ์ เรื่องราว และผู้คนอันน่าทึ่ง ถึงแม้ว่าเวลามาพร้อมกับการเปลี่ยนแปลงและบทบาทใหม่ แต่ความรักและความหลงใหลในเกมลูกหนังของพวกเขาจะยังคงอยู่ตลอดไป ด้วยเรื่องราวของทั้งคู่และพลังของฟุตบอลยังสามารถสร้างแรงบันดาลใจให้ผู้คนได้
เคล็ดไม่ลับสู่เส้นทางนักฟุตบอลอาชีพ
เมื่อ 2 ตำนานฟุตบอลได้มาทำหน้าที่โค้ชในฟุตบอลคลินิกภายใต้โครงการ ‘ล้านลูก ล้านพลัง สร้างฝันเด็กไทย’ ของ คิง เพาเวอร์ ซึ่งดำเนินต่อเนื่องมาเป็นปีที่ 5 โดยที่ผ่านมาส่งมอบลูกฟุตบอลมาตรฐานให้กับเยาวชนและชุมชนต่างๆ ทั่วประเทศไปมากกว่า 7 แสนลูก ลูกฟุตบอลมาตรฐานนี้จะช่วยให้การฝึกฝนเป็นไปได้อย่างมีประสิทธิภาพ เพื่อพัฒนาทักษะการเล่นฟุตบอลและส่งเสริมการใช้เวลาว่างให้เป็นประโยชน์
สำหรับคลินิกฟุตบอลเป็นการมอบโอกาสให้นักฟุตบอลเยาวชนได้เรียนรู้ทักษะการเล่นฟุตบอลกองหน้าและกองกลาง สาธิตการจับบอลและการหาตำแหน่งครองบอลแบบมืออาชีพ ทั้งนี้ “พี่ลีซอ” และ “พี่เบนซ์” ยังมีคำแนะนำมอบให้กับน้องๆ หนูๆ เยาวชนไทยที่อยากจะเล่นฟุตบอลให้ดีขึ้นหรือก้าวไปเป็นมืออาชีพในอนาคตด้วย
เคล็ดลับจาก ลีซอ – ธีรเทพ วิโนทัย :
กีฬาทุกประเภทต้องฝึกซ้อมให้ชำนาญที่สุด ให้คุ้นเคยที่สุด แล้วก็ควรใฝ่รู้ อย่างผมได้ไปสอนน้องๆ เวลา 2-3 ชั่วโมง ไม่ได้เยอะมาก เขาต้องไปฝึกซ้อมเพิ่มเติมในสิ่งที่ตัวเองยังมีไม่พอหรือยังดีไม่พอ ผมสอนเรื่องการยิงประตูในช่วงเวลาสั้นๆ ถ้ายิงยังไม่ดีก็ต้องไปซ้อมเพิ่ม สิ่งที่ผมสอนมันมีมากกว่านั้น ในรายละเอียดเขาก็ต้องไปค้นคว้าเพิ่ม อาจจะด้วยการใช้โซเชียลมีเดีย สมัยนี้เปิดกว้างในการที่จะฝึกตัวเขาให้ได้เรียนรู้ มีช่องทางในการที่จะเรียนรู้มากขึ้น ถ้าน้องๆ อยากที่จะประสบความสำเร็จก็ต้องพยายาม
อีกหนึ่งสิ่งสำคัญสำหรับนักฟุตบอล คือ ต้องมีความฝัน ถ้ามีความฝันมันจะเป็นตัวผลักดันเราให้ออกไปซ้อม ให้พยายามทำตามฝันให้ได้ โดยวิธีตามฝันก็คือ ทำให้เรามีแพสชันในการที่จะไปฝึกซ้อม ที่จะทำอะไรเพื่อพัฒนาตัวเอง มีเป้าหมายในการที่จะทำไปเพื่ออะไรด้วย ถ้าหากว่าเรามีความฝัน ง่ายๆ ก็คือ มีความฝัน มีความเพียร มีความขยัน มุ่งมั่นอดทน มีความใฝ่รู้ ที่จะพัฒนาตัวเอง
เคล็ดลับจาก เบนซ์ – พีรพงศ์ พิชิตโชติรัตน์ :
พื้นฐานของการเป็นนักฟุตบอลอาชีพ ต้องมีจิตใจมุ่งมั่นกับการเล่นฟุตบอล การพัฒนาศักยภาพของนักเตะ สำคัญกว่าผลการแข่งขัน ต้องรู้แพ้รู้ชนะ การได้เรียนรู้ทักษะที่ถูกต้องจากโค้ชมืออาชีพเป็นการปูพื้นฐานที่ดีและช่วยต่อยอดไปสู่การเป็นนักกีฬามืออาชีพ
นักฟุตบอลที่ดีต้องเริ่มจากพื้นฐานที่ดี การเป็นคนที่อยู่ในกฎระเบียบของสังคม ตามพื้นฐานที่ทุกคนควรมี ควรปฏิบัติ พอมาเป็นนักกีฬาก็ต้องเพิ่มมากขึ้น คือ การดูแลตัวเอง การกิน การซ้อม การที่จะไม่ได้ใช้ชีวิตแบบวัยรุ่นทั่วไป ตรงนั้นก็ต้องอดทนและตั้งใจ