“หนูอยากเป็นนักร้องที่ดังไปทั่วโลก ไม่ใช่ดังแค่ในประเทศไทย อยากให้คนรู้จักเราเยอะๆ” นี่คือความฝันสูงสุดในชีวิตของเด็กมัธยมคนหนึ่ง ที่วันนี้เธอกำลังเรียนรู้และเก็บเกี่ยวประสบการณ์ทางด้านดนตรีและการร้องเพลง
เธอกำลังเดินเข้าใกล้ความฝันนี้เข้าไปเรื่อยๆ อย่างช้าๆ บันไดขั้นแรกที่เธอก้าวขึ้นมาได้แล้ว นั่นก็คือ รางวัล Outstanding ที่มอบให้กับนักดนตรี (หรือนักร้อง) ที่มีผลงานโดดเด่นบนเวทีแห่งนี้ จากการโชว์พลังเสียงที่สะกดใจทุกคนที่ได้ฟังให้นั่งนิ่งและฟังเธอร้องเพลง รวมถึงคว้ารางวัลชนะเลิศใน Class A (รุ่นมัธยมศึกษา) พร้อมกับเพื่อนๆ ในวงมอซอ (โรงเรียนเฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระศรีนครินทร์ จังหวัดภูเก็ต) ซึ่งผลงานของวงก็คว้ารางวัลชนะเลิศมาได้ จากการประกวดวงดนตรีที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในปีนี้ อย่างรายการ THE POWER BAND 2022 SEASON 2 จัดโดยวิทยาลัยดุริยางคศิลป์ มหาวิทยาลัยมหิดล ร่วมกับ คิง เพาเวอร์ ไทย เพาเวอร์ พลังคนไทย เพื่อสนับสนุนและส่งเสริมศักยภาพทางด้านดนตรีของเด็กไทย
“หนูอยากชักชวนให้ทุกคนมาทำตามความฝัน อย่าหยุด…สักวันหนึ่งมันก็จะเป็นของเรา
หนูใฝ่ฝันอยากเป็นนักร้อง อยากทำงานในวงการบันเทิง หนูชอบงานสายนี้มากๆ
เพราะมันรักไปแล้ว ไม่เคยเบื่อ ไม่เคยคิดที่จะเลิกเลย อยากเดินไปให้สุดทาง”
เบญญาภา (บีม) วงมอซอ
และก็ไม่ผิดหวัง เพราะเราได้เจอเด็กไทยที่มีศักยภาพทางด้านดนตรีที่น่าชื่นชมมากมาย และเธอคือหนึ่งในช้างเผือกที่เราค้นพบ เรากำลังพูดถึง เบญญาภา กองดี หรือ น้องบีม นักร้องแนวดีวา แห่งวงมอซอ นั่นเอง
ตั้งแต่จำความได้ เธอก็ร้องเพลงมาโดยตลอด เห็นภาพตัวเองอยู่บนเวที และมีความสุขกับเสียงดนตรีอยู่เสมอ “ตอนเด็กๆ พ่อเล่าให้ฟังว่า เวลาไปงานต่างๆ อย่างงานแต่ง งานบวช หรืองานอะไรก็ตามที่มีเวที บีมจะวิ่งขึ้นไปบนเวที ไปเต้น ไปร้องเพลง” แม้ตอนนั้นบีมจะยังไม่รู้ตัวว่าสิ่งที่เธอทำไปนั้นเป็นความฝัน เป็นความรัก หรือเป็นอะไรกันแน่
บีมมารู้ว่าตัวเองชอบร้องเพลงและขอพ่อไปเรียนร้องเพลงอย่างจริงจังก็ตอนอายุ 9 ขวบ “หนูบอกพ่อว่าอยากเรียนร้องเพลง พ่อก็พาไปเรียน แต่เรียนได้แค่แป๊บเดียว เพราะตอนนั้นก็ยังไม่ค่อยรู้เรื่องเท่าไร ก็เลยออกมาฝึกร้องเพลงเอง” เมื่อเข้าสู่วัยมัธยมความฝันเริ่มชัดเจนขึ้น บีมจึงเข้าร่วงวงดนตรีของโรงเรียน นั่นคือ “วงมอซอ” วงนี้มีมานานแล้ว สืบต่อกันมาจากรุ่นพี่สู่รุ่นน้อง และตอนนี้ก็มาถึงรุ่นของเธอและเพื่อนร่วมวงในปัจจุบัน วงที่สมาชิกทุกคนพยายามจับมือและเดินทางตามความฝันมาด้วยกัน
Suggestion
การเตรียมตัวที่เข้มข้น
หลังจากที่วงมอซอ สามารถคว้าตั๋วเข้าสู่รอบชิงชนะเลิศจากการแข่งภูมิภาคที่สนามสงขลามาครองได้สำเร็จ การเตรียมตัวที่เข้มข้นและการซ้อมที่หนักหน่วงสำหรับรอบชิงชนะเลิศจึงเริ่มต้นขึ้น รวมถึงตัวบีมเองในฐานะที่เป็นนักร้องนำ และเป็นกำลังหลักของวงก็ต้องเตรียมตัวให้พร้อมในเรื่องของเพลงที่จะนำมาเป็นอาวุธสำคัญในการแข่งขันครั้งนี้
“เพลงที่วงเลือกมาใช้ในวันแข่ง เพลงหนึ่งก็คือ เพลง ‘ถ้าฉันเป็นเขา’ เป็นเพลงช้าที่มีความอกหักอยู่ในเพลง ขั้นแรกหนูลองร้องเพลงนี้ให้คุณครูฟัง ครูก็บอกว่าเพลงนี้หนูสื่อสารอารมณ์ออกมาได้ดีที่สุด และตอนที่หนูร้อง หนูก็พยายามเอาตัวเองเข้าไปอยู่ในบทเพลง มันจะทำให้หนูสื่ออารมณ์ของเพลงออกมาได้ดีที่สุด”
การเตรียมตัวมาแข่งในครั้งนี้ นอกจากสมาชิกทุกคนในวงจะเตรียมพร้อมและซ้อมหนักแล้ว ก็ยังมีคุณครูหลายท่านในโรงเรียนที่มาร่วมมือร่วมใจกันเพื่อการประกวดด้วยเช่นกัน “หลังจากที่วงเราผ่านเข้ารอบแล้ว ทั้งครูวงโยธวาทิต ทั้งครูวงสตริง ก็มาคุยกัน มาร่วมกันวางแผนว่าในรอบชิงชนะเลิศเราจะทำโชว์ออกมาอย่างไร ใช้เพลงอะไร ทำเพลงออกมาสไตล์ไหน ติวกันหนัก ซ้อมหนัก ซ้อมทุกวัน” นี่เรียกได้ว่าเป็นความร่วมมือร่วมใจ เป็นความสามัคคี ทั้งของสมาชิกวง คุณครู และโรงเรียนเลยทีเดียว และความสำเร็จที่ได้รับในวันนี้คงชื่นใจกันไปทั้งโรงเรียน
บรรยากาศที่ตึงเครียด
เนื่องจากเวที THE POWER BAND 2022 SEASON 2 เป็นเวทีใหญ่ที่สุดที่เคยแข่งมาของวงมอซอและของ ตัวบีมเอง บรรยากาศและความรู้สึกของผู้ที่อยู่บนเวที ณ ขณะนั้นแม้จะสนุกและพยายามทำทุกวินาทีอย่างเต็มแล้ว แต่บีมก็ยอมรับว่า เธอเครียดและเกร็งอยู่ไม่น้อย “ตอนที่ร้องเพลงอยู่บนเวทีบีมก็มือสั่น ทั้งหนาวเพราะอากาศในฮอลล์เย็นมาก และบีมก็ตื่นเต้นมากด้วย กลัวเส้นเสียงแข็ง ทั้งหวั่นใจว่าเสียงจะปลิ้น พอร้องออกไป หนูว่ามันก็ยังมีข้อผิดพลาด ยังมีแผลเล็กน้อย แต่ในตอนนั้นหนูเชื่อว่าถ้าเราทำให้เต็มที่ทุกอย่างก็จะออกมาดี หนูก็เลยทำเต็มที่ที่สุด”
และเมื่อถึงเวลาประกาศผลการประกวด วินาทีที่รู้ว่าพวกเขาทำสำเร็จแล้ว บีมบอกว่า “ตอนประกาศผลก็ดีใจมาก ตื่นเต้น ขาสั่นไปหมด หนูรู้สึกภูมิใจในตัวเองและตัวเพื่อนๆ มาก ที่ทำสำเร็จ ทำถึงฝันได้ในวันนี้”
แน่วแน่บนเส้นทางที่เลือกเดิน
เมื่อบีมค้นพบแล้วว่า การร้องเพลงและเสียงดนตรีเป็นความฝันและความรักของเธอ บีมไม่รอช้า ไม่ทิ้งโอกาส แล้วเริ่มคว้าโอกาสที่จะทำความฝันนั้นให้เป็นจริง “ในอนาคตหนูใฝ่ฝันว่าอยากจะเป็นนักร้อง เป็นศิลปิน อยากทำงานในวงการบันเทิง หนูชอบงานสายนี้มากๆ เพราะมันรักไปแล้ว หนูไม่เคยเบื่อ ไม่เคยคิดที่จะเลิกเลย อยากเดินไปให้สุดทาง ตอนนี้ก็อยู่ ม.5 แล้ว ก็เริ่มมองว่าเราจะไปทางไหนต่อ ที่หวังไว้ตอนนี้คือ หนูอยากเรียนต่อที่วิทยาลัยดุริยางคศิลป์ มหาวิทยาลัยมหิดลค่ะ”
บีมเริ่มปักหมุดหมายที่ยิ่งใหญ่บนเส้นทางแห่งความฝันและภาพที่เธอมองตัวเองในอนาคตก็คือ “หนูอยากเป็นนักร้องที่ดังไปทั่วโลก ไม่ใช่ดังแค่ในประเทศไทย อยากให้คนรู้จักเราเยอะๆ เลย อยากหาเงินเอง อยากตอบแทนพ่อแม่ที่ดูแลเรามา เพราะกว่าที่เราจะมาถึงตรงจุดนี้เขาก็เหนื่อยและทุ่มเทกับเราไปเยอะ” นี่สิที่เขาบอกกันว่า ฝันให้ไกลเข้าไว้ แน่นอนว่าเราได้ถ่ายรูปคู่และขอลายเซ็นของบีมไว้เป็นที่เรียบร้อยแล้ว เพราะถ้าวันหนึ่งในอนาคตข้างหน้า ความฝันอันยิ่งใหญ่นี้ของบีมเป็นจริง เราจะได้เดินยืดไปทั่วหมู่บ้านแล้วประกาศว่า เรารู้จักกับนักร้องดังระดับโลกกับเขาด้วย
แต่บีมก็ไม่ได้เพียงแค่ฝันอย่างเดียว เธอลงมือทำด้วย ด้วยการเก็บประสบการณ์ ฝึกฝน พัฒนา และเรียนรู้จากสิ่งที่พบเจอ และคว้าโอกาสในทุกช่องทาง “ต่อจากนี้หนูก็จะยังคงเข้าประกวดไปเรื่อยๆ มีเวทีไหนก็จะไป ถ้าประกวดวงดนตรีก็ต้องคุยกับเพื่อนในวง ถ้ามีประกวดเดี่ยวก็ปรึกษาพ่อแม่ตลอด”
และในเวลาว่างบีมก็หาโอกาสในการฝึกฝนและหาประสบการณ์ด้านการร้องเพลงอยู่เสมอ เช่น การไปร้องเพลงเปิดหมวกตามสถานที่ต่างๆ “บีมพอจะเล่นกีตาร์ได้ด้วย ก็เลยมีไปแสดงเปิดหมวกและรับงานร้องเพลงตามงานทั่วไปด้วย เพื่อหารายได้มาช่วยทางบ้าน ที่เขาสนับสนุนบีมมาตลอด และหมดเงินไปกับตรงนี้เยอะเหมือนกัน” แสดงให้เห็นว่าการร้องเพลงนั้นเป็นสิ่งที่บีมรักจริงๆ เพราะในเวลาว่างเธอก็ยังคงเลือกที่จะไปร้องเพลง นั่นคงเป็นความรักและความสุขของบีมจริงๆ
เพราะแรงสนับสนุนจากทุกคนจึงมีวันนี้
กว่าที่บีมจะเดินทางมาถึงวันนี้ กว่าที่เธอจะทำความฝันให้สำเร็จและเป็นจริงได้ มีผู้ที่อยู่เบื้องหลังและเป็นลมใต้ปีกให้เธอมากมาย “ทางบ้านหนูพ่อแม่ก็สนับสนุนเต็มที่ หนูชอบอะไรเขาก็จะอัดให้เต็มที่ พาไปประกวด พาไปเรียนร้องเพลง ซัปพอร์ตเราตลอดเลย รวมไปถึงเส้นทางที่หนูเลือกในอนาคตด้วย” ครอบครัว นี่แหละคือพลังกายและพลังใจที่สำคัญและผลักดันให้เธอกล้าที่จะเดินตามฝัน และมีแรงในการก้าวไปข้างหน้า
และอีกกลุ่มบุคคลที่สำคัญ “ขอบคุณรายการ THE POWER BAND ขอบคุณพ่อแม่ที่คอยสนับสนุนเสมอ ขอบคุณคุณครูและเพื่อนๆ ในวง ถ้าไม่มีทุกคนก็คงไม่มีวงมอซอแบบในทุกวันนี้ และถ้าไม่มีคุณครูวงมอซอก็ไม่ได้เกิด เพราะว่าคุณครูเป็นคนชักชวนทุกคนมารวมวงกัน”
Suggestion
ส่งต่อพลังใจ
เชื่อว่าบนโลกนี้ยังมีอีกหลายคนที่มีความฝันเดียวกันกับบีม นั่นคือการเป็นศิลปินที่มีชื่อเสียงระดับโลก บีมไม่ได้เดินอยู่บนเส้นทางสายนี้เพียงคนเดียว ความสำเร็จในวันนี้ถือเป็นก้าวแรกที่บีมได้รับ และบีมก็อยากส่งกำลังใจและข้อความดีๆ ถึงเพื่อนผู้ร่วมอุดมการณ์บนเส้นทางสายเดียวกันด้วย
“หนูอยากบอกกับทุกคนที่รักในการร้องเพลง รักในเสียงดนตรี หนูอยากชักชวนให้ทุกคนมาทำตามความฝัน อย่าหยุด เพราะถ้าเราหยุด มันก็จะไปไม่ถึงฝัน อยากให้ทำไปเรื่อยๆ อย่าท้อ สักวันหนึ่งมันก็จะเป็นของเรา ขอให้ตั้งใจและอดทนเข้าไว้”
สุดท้ายเราถามบีมง่ายๆ ว่า ถ้านอกจากร้องเพลงแล้ว บีมรักอะไรอีก บีมเงียบ นิ่งคิดไปนานและตอบอย่างมั่นใจว่า “หนูนึกไม่ออกจริงๆ เพราะหัวใจหนูคงจะเทให้ไปกับการร้องเพลงหมดแล้ว”