Product

ภาวินีผ้าไทย
ผ้าไหมผืนงามคงเอกลักษณ์ผ้าพื้นบ้านสุรินทร์

ภัทรามน ผุดเพชรแก้ว 3 Mar 2023
Views: 908

“พี่ภูมิใจและรักในอาชีพนี้ เราตั้งใจและมุ่งมั่นที่จะทำให้มันดี
เพื่อสานต่อสิ่งที่คุณแม่ได้ทำไว้ และดีใจที่ตอนนี้มีคนรู้จักเรามากขึ้น
เราจำหน่ายสินค้าได้ดี และยังสามารถคงเอกลักษณ์ของผ้าสุรินทร์เอาไว้ได้ด้วย”

นี่คือความรู้สึกจากใจของ คุณภาวินี บุญอาษา เจ้าของแบรนด์ “ภาวินีผ้าไทย” ผู้สานต่อความตั้งใจจากคุณแม่ที่ก่อตั้งกลุ่มทอผ้า “กลุ่มทอผ้าแม่บ้านสวาย” มาตั้งแต่ปี พ.ศ.2547

การดำเนินงานของกลุ่มเริ่มมาตั้งแต่มีการคัดสรรโอทอปครั้งแรก และเป็นความภาคภูมิใจของกลุ่มที่ ภาวินีผ้าไทยได้เป็นสินค้าโอทอป ระดับ 5 ดาวมาโดยตลอด แถมยังได้รับเครื่องหมายตรานกยูงพระราชทานนกยูงสีทองและนกยูงสีน้ำเงินอีกด้วย “นกยูงสีทองก็คือเราต้องเป็นผู้ผลิตเอง ปลูกหม่อนเลี้ยงไหมเอง ถ้าเป็นเส้นไหมบ้านเราก็ย้อมด้วยสีธรรมชาติ เราถึงจะได้นกยูงสีทอง” คุณภาวินีบอกกับเราด้วยความปลื้มใจ

 

ทอยกดอกลายลูกแก้ว

ผลิตภัณฑ์ของภาวินีผ้าไทยเป็นผ้าไหมมัดหมี่ที่ทำเป็นผ้าคลุมไหล่ และยังคงเอกลักษณ์ของผ้าพื้นบ้านจังหวัดสุรินทร์ เป็นการทอโดยผู้เฒ่าผู้แก่ในชุมชนและสืบทอดกันมาอย่างยาวนาน คงเอกลักษณ์การทอแบบผ้ามัดหมี่ลายลูกแก้ว (ลายลูกแก้วเป็นการออกแบบลวดลายแบบเรขาคณิต เป็นลายพื้นฐานของผ้าทอ คล้ายกับลวดลายของเครื่องจักรสาน ลักษณะลายจะเป็นรูปลูกแก้วอยู่ตรงกลางสี่เหลี่ยมขนมเปียกปูน)  แต่ความพิเศษของภาวินีผ้าไทยอยู่ที่การทอที่ใช้เทคนิคพิเศษเพิ่มเข้าไปในผืนผ้า ที่เรียกว่า “ทอยกดอกลายลูกแก้ว” คือ การทอมัดหมี่และทอยกดอกอยู่ในผ้าผืนเดียวกัน ซึ่งเป็นวิธีการทอที่ยากและใช้ระยะเวลาในการทอนานกว่าการทอผ้าธรรมดา ซึ่งทำให้ผ้าดูมีมิตินูนต่ำ มีความละเอียดสวยงามมากขึ้นกว่าการทอแบบธรรมดา

 

จุดเด่นคือความเป็นธรรมชาติ

ภาวินีผ้าไทยยังมีจุดเด่นอีกอย่างคือ ทำทุกอย่างด้วยวิธีธรรมชาติ “จุดเด่นของผ้าของเราก็คือ เราย้อมเส้นไหมด้วยสีธรรมชาติ เรามีผ้าไหมบ้าน เส้นไหมจากไหมจุล (ไหมจุล คือ ไหมที่มีรังสีขาวบริสุทธิ์
มีขนาดใหญ่กว่าไหมบ้านเล็กน้อย สายพันธุ์ดั้งเดิมเป็นสายพันธุ์ในเขตหนาว แต่ปัจจุบันนำมาเลี้ยงในเขตร้อน เป็นไหมแท้แต่เป็นพันธุ์ผสม เป็นไหมที่สาวจากโรงงานด้วยเทคโนโลยีที่ทันสมัย มีหลายแบบหลายเบอร์ เส้นไหมจะยาว มีความเงางาม เวลาทอเป็นผืนผ้าจะไม่เป็นขุย ทำให้ผ้านุ่มพลิ้ว)  และเราทอเป็นยกดอกลายลูกแก้วด้วย มันก็จะทำยากกว่า ปกติเราก็ทอแค่ผ้า 3 ตะกรอ คือพื้นมันจะเรียบ แต่เราทอยกดอกผสมเข้าไปด้วย มันก็จะเป็นลายนูนๆ ขึ้นมา”

 

 รักษาเอกลักษณ์ในทุกขั้นตอน  

การจะผลิตผ้าไหมขึ้นมาสักผืนหนึ่งไม่ใช่เรื่องง่าย เพราะมีขั้นตอนมากมาย และทุกขั้นตอนนั้นต้องใช้ความละเอียดอ่อนและพิถีพิถันในทุกขั้นตอน เรียกได้ว่าคงความเป็นไทยและความเป็นธรรมชาติในทุกเส้นไหมก็ว่าได้

“การจะทอผ้าขึ้นมาสักผืน ขั้นแรกเราต้องเตรียมเส้นไหมก่อน เอาเส้นไหมมาฟอกให้เป็นสีขาว จากนั้นเราก็นำมามัดหมี่ มัดหมี่เสร็จเราถึงนำไปย้อม ย้อมเสร็จก็เอามาแกะหมี่ จากนั้นเอามาปั่นใส่หลอด จึงจะเอาไปทอได้ และการทอยกดอกในผ้ามัดหมี่มันยากกว่าการทอธรรมดา ต้องมีการเหยียบยก การทอจึงใช้เวลานานกว่าทอเป็นพื้นเรียบธรรมดา” และใช้เวลาในการทอแต่ละผืนไม่น้อยด้วย

“ถ้าเราย้อมสีแบบธรรมชาติและทอแบบเร็วที่สุดก็ใช้เวลา 10 วัน แต่ตอนนี้เรามีการสั่งซื้อเข้ามาเยอะขึ้น เราต้องเร่งผลิต ถ้าทอธรรมดาก็ใช้เวลาประมาณ 15 วัน ตอนนี้เราต้องเร่ง บางทีก็ต้องทอตอนกลางคืนบ้าง ช่วงนี้เริ่มเปิดประเทศและอากาศก็เริ่มเย็นด้วย ผ้าคลุมไหล่เลยขายดีเป็นพิเศษ”

ทำโดยคนในชุมชนและเน้นคุณภาพ

กลุ่มแม่บ้านสวายที่ทอผ้านั้น มีสมาชิกประมาณ 25 คน และเป็นคนในชุมชนทั้งสิ้น ดังนั้นแบรนด์    ภาวินีผ้าไทยนอกจากจะเป็นการรักษาเอกลักษณ์ภูมิปัญญาพื้นบ้านของชาวบ้านจังหวัดสุรินทร์แล้ว ยังเป็นการสร้างรายได้ให้แก่ผู้เฒ่าผู้แก่ในชุมชนอีกด้วย  และอีกสิ่งสำคัญที่ภาวินีผ้าไทยยังคงเน้นย้ำมาตลอดก็คือ คุณภาพที่ดี “เราเน้นคุณภาพให้คงเดิม ย้อมสีให้คงอยู่แบบเดิมหรือให้ใกล้เคียงที่สุด เวลามีคนสั่งซื้อมาเราก็ต้องทำให้ใกล้เคียงของเดิมที่สุด แต่ว่าการย้อมสีธรรมชาติมันก็จะไม่ได้สีเดิมเป๊ะซะทีเดียว เช่น เวลาที่เราย้อมครั่ง ครั่งแก่กับครั่งอ่อนก็จะให้สีที่ไม่เหมือนกัน แต่เราก็จะพยายามควบคุมสีให้ได้เหมือนเดิม โดยลูกค้าของเราถ้าเป็นทางฝรั่ง ยุโรป ก็จะชอบสีสันที่สดใสออกแดงหรือเขียว เป็นสไตล์ผ้าสุรินทร์ดั้งเดิม แต่ถ้าเป็นลูกค้าทางเอเชีย ญี่ปุ่น และเกาหลี จะชอบโทนสีที่เป็นธรรมชาติ เป็นพวกย้อมครั่งออกชมพู”

และอีกหนึ่งความภูมิใจของทางภาวินีผ้าไทยคือ “เราคงเอกลักษณ์ความเป็นไทย คงความเอกลักษณ์ของผ้าทอสุรินทร์ แล้วก็ประยุกต์ลายสมัยใหม่ขึ้นมาด้วย มีลายกราฟิก เราทำลายใหม่มาผนวกกับลายสมัยเก่า ตอนนี้ลายนี้ก็เลยขายดี” เรียกได้ว่าทั้งอนุรักษณ์และพัฒนา 

 

ในวิกฤตมีโอกาส

ถึงแม้ว่าการดำเนินงานของภาวินีผ้าไทยจะมีปัญหาอยู่บ้าง เพราะผู้ที่ทอผ้าส่วนใหญ่เป็นผู้สูงอายุที่ทอกันมาตั้งแต่รุ่นพ่อรุ่นแม่ การทอผ้าอาจจะใช้เวลานานกว่าปกติ แต่ทางแบรนด์ก็พยายามหาคนรุ่นใหม่ที่สนใจทางด้านการทอผ้ามาสืบทอดอยู่เสมอ แต่ก็ยังมีน้อย “ตอนนี้ก็อยากให้ลูกมาสานต่อในสิ่งที่เราทำ และยังอยากทำลวดลายใหม่ๆ อยู่เรื่อยๆ แต่การทำอาชีพนี้มันต้องทำด้วยใจรัก อยู่ที่ความรัก ความผูกพัน ความเอาใจใส่ เราต้องมีความรักความผูกพันเราถึงจะทำงานนี้ได้ดี”

ในขณะเดียวกันนั้นทางแบรนด์ก็ยังได้รับโอกาสที่ดีจากทาง คิง เพาเวอร์ ติดต่อให้ไปขายที่
คิง เพาเวอร์ และทางช่องทางออนไลน์ด้วย “พี่ได้มาออกบูทงานโอทอปของทางกระทรวงพาณิชย์ แล้วทาง คิง เพาเวอร์ มาเจอเรา ติดต่อและให้โอกาสเราได้ไปขาย”

คุณภาวินีแอบบอกความรู้สึกกับเราว่า “เราต้องขอขอบคุณทาง คิง เพาเวอร์ ที่ช่วยสนับสนุนเรามาโดยตลอด” และสุดท้ายคุณภาวินีอยากบอกกับลูกค้าทุกคนว่า “ต้องขอบคุณลูกค้าทุกคน ที่ให้การสนับสนุนและกรุณาเรามาโดยตลอด เราทำมา 20-30 ปีแล้ว ตรงนี้เป็นความปลื้มใจที่สุดที่เรามี”

 

ภาวินีผ้าไทย (PAWINEE) 

ที่ตั้ง: 186 หมู่ 6 บ้านสวาย ตำบลสวาย อำเภอเมือง จังหวัดสุรินทร์ 32000

 

ข้อมูลสินค้าเพิ่มเติมที่ตลาดพลังคนไทย

คลิก: PAWINEE

 

สนใจสินค้าพลังคนไทย สามารถหาสนับสนุนได้ที่คิง เพาเวอร์ทุกสาขา

 

ปักหมุดจุดเช็คอิน – แชะรูป – ท่องเที่ยวใกล้เคียง 

• ศูนย์คชศึกษา หมู่บ้านช้างบ้านตากลาง  ได้รับการขนานนามว่าเป็นหมู่บ้านช้างที่ใหญ่ที่สุดในโลก เป็นสถานที่ดำเนินงานตามโครงการนำช้างคืนถิ่น เพื่อแก้ไขปัญหาช้างเร่ร่อนให้กลับมาอยู่ถิ่นฐานบ้านเกิดอย่างมีความสุข โดยจัดเป็นศูนย์ท่องเที่ยวมีการแสดงโชว์และพิพิธภัณฑ์ เราจะได้สัมผัสกับช้างและเรียนรู้วิถีชีวิตพื้นบ้านของควาญผู้ดูแลเลี้ยงช้างด้วย เวลาทำการ: ทุกวัน 8.00 – 15.00 น.
• ปราสาทศีขรภูมิหรือปราสาทระแงง เป็นปราสาทที่ยังคงความสมบูรณ์และสวยงามแบบดั้งเดิมไว้ได้มากที่สุดของจังหวัดสุรินทร์ มีทับหลังเป็นรูปนางอัปสรถือดอกบัว ซึ่งนางอัปสรที่ปราสาทศีขรภูมิมีลักษณะคล้ายนางอัปสรที่ปราสาทนครวัด ประเทศกัมพูชา ซึ่งไม่พบในปราสาทศิลปะเขมรแห่งใดเลยในประเทศไทย เวลาทำการ: ทุกวัน 07.30 – 18.00 น.
• หมู่บ้านผ้าไหมยกทองโบราณบ้านท่าสว่าง เป็นหมู่บ้านท่องเที่ยวเชิงหัตถกรรมผ้าไหมแห่งเดียวของประเทศและเป็นชุมชนทอผ้าไหมยกทองที่มีชื่อเสียง ผ้าไหมที่นี่มีความโดดเด่น เพราะมีวิธีการทอแบบราชสำนักโบราณและลวดลายที่เป็นเอกลักษณ์ โดยการทอผ้าแต่ละผืนต้องใช้คนทอเป็นจำนวนมากและใช้เวลาทอนานหลายเดือน กลุ่มทอผ้ายกทอง จันทร์โสมา บ้านท่าสว่าง โทร. 089-202-7009, 044-558-489-90

Author

ภัทรามน ผุดเพชรแก้ว

Author

นักเล่าเรื่อง ผู้มีหนังสือและการเดินทางเป็นดั่งลมหายใจ นิยมชมชอบท้องฟ้า กาแฟ และแมว