จากรองเท้าแตะคีบในท้องตลาดราคาไม่ถึงหนึ่งร้อยบาทก็สวมได้ มาถึงวันที่แบรนด์ไทย หัวใจไทยกล้าทำรองเท้าแตะคีบคู่ละหลายร้อยบาทจนสามารถบุกตลาดอินเทอร์ ครองใจต่างชาติได้ด้วยวัตถุดิบจากประเทศไทย ทุกอย่างเริ่มต้นด้วยความกล้าคิด กล้าทำ และกล้าขาย
แผ่นยางพาราขนาดใหญ่ถูกนำมาผ่านกระบวนการผลิต ขึ้นรูป เติมแต่งลวดลายสีสันสะท้อนความเป็นไทย ด้วยประสบการณ์การทำงาน หัวคิดด้านการตลาดของผู้ก่อตั้ง วี-มนัสวี อุปถัมภ์ จึงทำให้เกิดแบรนด์รองเท้าแตะคีบจากยางพาราไทย FREET … “ฟรีท” ที่กล้าขายจนสามารถบุกตลาดรองเท้าแตะคีบ และเพิ่มมูลค่าให้กับรองเท้าแตะธรรมดาได้อย่างงดงาม วางขายใน คิง เพาเวอร์ ดิวตี้ฟรี แปะป้ายความเป็นไทยลงไปให้นักท่องเที่ยวต่างชาติได้เห็นตั้งแต่แวบแรก
FREET จุดเปลี่ยนของวงการรองเท้าแตะ
“คนไทยหรือคนเอเชียชินกับความคิดที่ว่ารองเท้าแตะคีบ คู่หนึ่ง 90 บาท จบแล้ว” รองเท้าแตะคีบในมุมมองของคนทั่วไปมักมาพร้อมกับราคาขายถูก เนื่องจากถูกจำกัดราคาไว้ด้วยการใช้งานที่มักใส่ลำลองอยู่บ้านหรือเดินชายหาดชิลๆ วีที่ขณะนั้นเป็นรองประธานบริษัท มีการงานมั่นคงจึงได้คิดออกมาทำแบรนด์ของตัวเองที่ช่วยยกระดับรองเท้าแตะให้เป็นสินค้าพรีเมียม
ความที่พาร์ตเนอร์ของแบรนด์ FREET ทำรองเท้าแตะให้แบรนด์ชั้นนำของโลกเยอะและยังเป็นผู้ทำ OEM (Original Equipment Manufacturer) ก็เลยมีการคุยกันว่าวัตถุดิบในประเทศ อย่างยางพาราของไทยเราก็ดี ทำไม FREET จึงไม่ทำแบรนด์รองเท้ายางเองเสียเลย เพราะสุดท้ายแล้วคุณภาพมันเหมือนกัน
ด้วยความรู้ทางด้านการทำแบรนด์ มีเดียของวี และประสบการณ์การทำรองเท้าแตะของพาร์ตเนอร์ จึงเป็นส่วนผสมที่ลงตัว เกิดเป็นแบรนด์ FREET ขึ้นมาและสามารถเรียกตัวเองว่าเป็นแบรนด์รองเท้าแตะยางพาราคีบที่ใส่เนื้อยางเยอะ และมีราคาสูงที่สุด “รองเท้าแตะที่เป็นยางพาราพรีเมียม เมื่อหกปีกว่าที่ผ่านมา ตอนนั้นเมืองไทยยังไม่มีแบรนด์รองเท้าแตะยางพาราพรีเมียมที่เป็นของคนไทย ยังไม่มีเลยสักแบรนด์” เพราะความพรีเมียมนี้ จึงทำให้แบรนด์สามารถยกระดับวงการรองเท้าแตะคีบจากราคาร้อยกว่าบาทในตลาดเป็นหลายร้อยบาท…ด้วยคุณภาพและฝีมือการผลิตอย่างมืออาชีพอย่างแท้จริง
Suggestion
ยางพาราไทยดีที่สุดในโลกกับดีไซน์ที่คิดมาอย่างดี
“ยางพาราที่ดีที่สุดในโลก คือ ยางพาราไทยกับบราซิล พอเราบอกว่าเป็นยางพาราไทย มันก็เหมือนเป็นการเพิ่มมูลค่าให้กับยางพาราไทยด้วย” วียังเล่าถึงยางพาราที่แบรนด์เลือกใช้ ซึ่ง FREET เลือกใช้ยางพาราจากทางภาคใต้ของไทย นำมาผ่านกระบวนการผลิต “เราได้ยางเป็นแผ่นมา ก็ใส่สีเข้าไปในยาง รอยางหดตัวให้มันคงรูป ใช้เวลาหนึ่งเดือนถึงสี่สิบห้าวัน พอยางคงที่ปุ๊บก็เอาเข้าแม่พิมพ์ ตัดเป็นพื้นตามรูปแบบที่เราต้องการ เจาะรู จากนั้นพิมพ์ลาย” ขั้นตอนการผลิตรองเท้าแตะคีบโดยย่อเป็นแบบนี้ แต่กว่าจะได้ออกมาแต่ละคู่ แต่ละแบบเสร็จจริงนั้น ใช้เวลาในการผลิตเป็นแรมเดือน
รองเท้าแตะยางพาราแต่ละคู่นั้นมีส่วนผสมของยางพาราในปริมาณมาก เมื่อเทียบกับแบรนด์อื่นๆ จึงเป็นเรื่องที่แบรนด์ให้ความใส่ใจ “FREET ใส่เนื้อยางเป็นจำนวนมาก ถ้าบอกว่าเป็นยาง 100% เป็นไปได้ไหม มันเป็นไปไม่ได้ เพราะว่ายาง 100% ไม่สามารถทำให้เป็นรูปร่างได้ คุณต้องใส่สารบางอย่างเติมลงไปด้วย แต่ว่าเรามีเนื้อยางเยอะมาก” นอกจากการหยิบใช้คุณสมบัติที่ดีของยางที่คงทน ผิวสัมผัสดี ไม่อมน้ำ และทนแดดแล้ว ยังคิดคำนึงถึงการใช้งาน ด้วยการใส่ใจเรื่อง Ergonomics หรือหลักการยศาสตร์มาใช้
“รองเท้าแตะรุ่นแรกเราใส่เรื่อง Ergonomics เป็นการซับพอร์ตอุ้งเท้า เพราะเท้าเราจะมีเคิร์ฟ ผมก็จะทำเป็นเคิร์ฟ ใส่แล้วก็จะรองรับอุ้งเท้าด้วย”
หลักการยศาสตร์ถูกนำมาใช้เพื่อพัฒนารองเท้าให้เหมาะกับการใช้งาน นอกจากนี้ยังมีเรื่องของความแน่นของเนื้อยางหรือ Density ที่แบรนด์นำมาใช้ด้วย “เทคโนโลยีเรื่อง Density ตรงหัวเท้าจะความหนาแน่นแบบหนึ่ง ตรงส้นเท้าความหนาแน่นแบบหนึ่ง เพื่อให้เดินแล้วมันรองรับเท้าได้ดี”
Suggestion
ลายไทยสู้ต่างชาติได้ไม่เป็นรองใคร
ไม่เพียงยางพาราไทยที่เป็นส่วนผสมหลักของรองเท้าเท่านั้นที่สะท้อนให้ทั่วโลกเห็นถึงคุณภาพวัตถุดิบไทย หากแต่ด้วยลวดลายที่ปรากฏบนพื้นรองเท้า ยังป่าวประกาศให้ทั่วโลกรู้ ว่านี่คือแบรนด์ไทยอย่างชัดเจนเสียงดังได้ดีเช่นกัน
“เราเป็นแบรนด์ไทยที่ใช้วัตถุดิบของเจ้าถิ่นในประเทศ แล้วก็ดีไซน์ออกมาให้มีความเป็นไทย”
นอกจากเนื้อยางพาราคุณภาพจากภาคใต้ของประเทศไทยแล้ว ยังมีการดีไซน์ลวดลายที่เป็นซิกเนเจอร์ สะท้อนความเป็นไทยตั้งแต่แวบแรกที่เห็น อย่างลายรถตุ๊กตุ๊ก ลายต้มยำกุ้ง ลายมวยไทย ซึ่งเป็นจุดที่ใครผ่านไปใครมา ได้เห็นก็สามารถจินตนาการถึงประเทศไทยได้
หากมองในแง่ธุรกิจแล้ว FREET ไม่เพียงผลิตรองเท้าที่มีคุณภาพ ผ่านกระบวนการคิดอย่างถี่ถ้วนเท่านั้น แต่ยังอ่านเกมการตลาดออกอย่างเฉียบขาด จนสามารถเทียบกับแบรนด์รองเท้าแตะจากต่างชาติได้ไม่เป็นรองใคร
“แบรนด์อื่นๆ เขาก็เอาไปใส่ลูกปัด ลูกแก้ว อะไรที่ผู้หญิงชอบ สายเล็กสายใหญ่ ใส่ธงชาติบราซิล ของเขาใช้ยางพาราบราซิล…ของเรายางพาราไทย ของเขาลายฝรั่ง…ของเราลายไทย ของเขาแบรนด์บราซิล…ของเราแบรนด์ไทย”
เมื่อหยิบจับเอาทุกสัดส่วนในแบรนด์มารวมตัวกัน หากจะพูดว่า FREET เกิดมาเพื่อสะท้อนทุกแง่มุมความเป็นไทย ด้วยแนวคิดหัวทันสมัยอย่างอินเทอร์ก็คงจะไม่ผิดนัก
Suggestion
เบื้องหลังรองเท้ากับแนวคิดต่อต้านการใช้แรงงานเด็ก และรักษ์โลกทางอ้อม
ไม่เพียงภายนอกที่ทาไว้ด้วยสีสันสดสวยของพื้นรองเท้า และแนวคิดเรื่องการดีไซน์จนเป็นที่ประจักษ์ให้เห็นเท่านั้น แต่เบื้องหลังของการทำงาน ราคาต้นทุนที่ต้องจ่ายก็มาพร้อมกับแนวคิดเบื้องหลังที่ต่อต้านการใช้แรงงานเด็กด้วย “สมัยก่อนรองเท้าแตะมันเป็นสินค้าราคาถูก ขายยกโหลต้นทุนก็ไม่มาก แต่อย่างที่บอกว่าเราทำให้กับแบรนด์ระดับโลก ก่อนเขาจะมาผลิตก็ต้องมาดูโรงงาน ซึ่งก็เป็นเหตุผลที่เราพูดได้เต็มปากว่าโรงงานเราไม่มีแรงงานเด็ก ไม่มีแรงงานต่างด้าว”
FREET ไม่เพียงสะท้อนค่าความเป็นไทยสู่สายตาโลกเท่านั้น แต่ยังมีเบื้องหลังที่ทำให้ผู้สวมใส่มั่นใจได้ว่าบนทุกก้าวเดินนั้น มาพร้อมกับความถูกต้องเป็นพื้นฐาน “รองเท้าแตะแบรนด์ผมเนี่ย เป็นรองเท้าแตะยางพาราแบรนด์ที่ถึงวันนี้ก็ยังแพงที่สุด แต่เพราะอะไรเราต้องขายแพง ก็เพราะว่าเราเป็นโรงงานที่ได้มาตรฐาน จดทะเบียนถูกต้อง เพราะฉะนั้นต้นทุนค่าแรงก็ตามกฎหมายทุกอย่าง”
นอกจากแนวคิดการต่อต้านการใช้แรงงานเด็ก ยางพารายังเป็นวัตถุดิบรักษ์โลกด้วยอีกทางหนึ่ง “ยางพาราเหล่านี้สามารถนำมารียูสได้ ในขณะที่โฟมใช้เวลานานกว่าจะย่อยสลาย และอายุการใช้งานของยางยังยาวนานกว่าด้วย”
อาจพูดได้ว่าเป็นเส้นทางรักษ์โลกทางอ้อมสำหรับคนยุคใหม่ที่ยังคงมีความเป็นแฟชั่น สวยงามอยู่ในตัว แต่ในขณะเดียวกันด้วยอายุการใช้งานของยางพาราที่ยาวนานก็มีความคุ้มค่าคุ้มราคาอยู่ในนั้น จนไม่จำเป็นต้องซื้อเปลี่ยนบ่อยให้สิ้นเปลืองทรัพยากร
แม้ว่าในมุมมองของคนทั่วไป รองเท้าแตะคีบจะมาพร้อมกับการตีราคาที่ไม่สูงนัก แต่ FREET ได้พิสูจน์ให้เห็นด้วยยอดขายใน คิง เพาเวอร์ ที่ได้รับกระแสตอบรับอย่างล้นหลาม “กระแสตอบรับถือว่าดี ตอนนี้ถ้านับกันตารางเมตรต่อตารางเมตร เราก็ไม่เป็นสองรองแบรนด์ต่างชาติ เทียบเท่า อาจจะมากกว่าด้วยซ้ำ” จนถึงตอนนี้นอกจากการขายในคิง เพาเวอร์ และการขายออนไลน์แล้ว ยังมีตัวแทนติดต่อไปจำหน่ายในต่างประเทศด้วย คือ ที่โอมาน จีน และบาห์เรน…
จากกระแสตอบรับนี้ไม่เพียงพิสูจน์ให้เห็นว่าสินค้าจากประเทศไทยสามารถตีตลาดต่างชาติได้ แต่ยังสะท้อนให้เห็นว่าเมื่อนำส่วนผสมที่มีมาผสมเข้ากันอย่างรู้ค่า ด้วยคุณภาพยางพาราไทย ผนวกกับลวดลายไทยแล้ว สามารถพลิกโฉมรองเท้าแตะคีบที่เคยเป็นสินค้าราคาไม่ถึงร้อย สู่คู่ละหลายร้อยบาทได้อย่างไม่ตะขิดตะขวงใจ เป็นแบรนด์ไทยที่เริ่มต้นโดยคนไทย ที่กล้าคิด กล้าทำ และกล้าขายอย่างแท้จริง
FREET
ที่ตั้ง: 786/281 อาคารทองหล่อทาวเวอร์ ซอยทองหล่อ 18 ถนนสุขุมวิท 55 แขวงคลองเตยเหนือ เขตวัฒนา กรุงเทพฯ 10110
Facebook: FREET
สนใจสินค้าพลังคนไทย สามารถสนับสนุนได้ที่คิง เพาเวอร์ทุกสาขา
ปักหมุดจุดเช็กอิน–แชะรูป–ท่องเที่ยวใกล้เคียง
• วัดธาตุทอง เข้าไปกราบไหว้มีพระบรมสารีริกธาตุที่บรรจุในพระพุทธเจดีย์ใหญ่ และพระพุทธชินราชจำลอง เสริมความเป็นสิริมงคลให้กับชีวิต
• Supanniga Eating Room (ห้องทานข้าวสุพรรณิการ์) ลิ้มรสอร่อยของอาหารไทยสูตรสืบทอดจากคุณยาย ที่เน้นอาหารทางภาคตะวันออกและตะวันออกเฉียงเหนือที่ถูกปรุงอย่างพิถีพิถัน ในห้องอาหารบรรยากาศดี
• CASE Space Revolution เสพงานศิลปะในนิทรรศการงานศิลปะของเหล่าศิลปินไทยใจกลางกรุง