Passion

KLW Band วงดนตรีรวมการเฉพาะกิจ
สาย Progressive Rock

วรากร เพชรเยียน 10 May 2022
Views: 581

เพลงร็อก จังหวะมันๆ เร้าหัวใจให้เต้นระส่ำ บนเวทีการประกวด THE POWER BAND ครั้งแรกที่ผ่านมา มีก๊วนเด็กหนุ่มทั้ง 8 คนแบกความรักและความฝันไว้บนบ่ามาร้อง เล่น โชว์ดนตรีในหัวใจผ่านตัวโน้ต แม้ลีลาจะมีมามาก แต่จังหวะยากๆ พวกเขาก็ทำให้ได้

บนเวทีการแข่งขันการประกวด THE POWER BAND การประกวดดนตรีสากลสมัยนิยมผสมเครื่องเป่าครั้งนั้นเป็นการประกวดครั้งแรก จัดโดยวิทยาลัยดุริยางคศิลป์ มหาวิทยาลัยมหิดล ร่วมกับ คิง เพาเวอร์ ไทย เพาเวอร์ พลังคนไทย โครงการนี้กำลังจะเปิดโครงการอีกครั้งประจำปี 2022 เป็นการประกวดรอบล่าสุด

ที่ผ่านมามีนักดนตรีเปี่ยมฝันย่างกรายเข้ามาประชันฝีมือกันหลากหลาย หนึ่งในนั้นคือเด็กนักเรียนชายทั้ง 8 คน จากวง KLW BAND วงดนตรีตัวแทนจากโรงเรียนกันทรลักษ์วิทยา มุ่งหน้าตรงมาจากจังหวัดศรีสะเกษ เพื่อประลองฝีมือบนเวที โดยมี เจมส์-สรวิศ อารีพงศ์ รับตำแหน่งนักร้องนำ ตั้ม-บุญสม ทุ่มโมง มือกลอง ไต้ฝุ่น-ศักรินทร์ สีด้วง มือกีตาร์ วุฒิ-สะราวุฒิ มาดำ มือเบส และอีกสี่สมาชิกวงมาร่วมบรรเลงเพลงร็อกมันๆ ชวนโยกอยู่บนเวที

 

วงดนตรีรวมการเฉพาะกิจ

KLW BAND เกิดขึ้นจากการรวมกันเฉพาะกิจเพื่อการประกวดในครั้งนี้โดยเฉพาะ หลังจากวงดนตรีของรุ่นพี่รุ่นก่อนที่จบออกไป วงจากชั้น ม.ต้น และ ม.ปลายก็ได้มารวมตัวกันจนออกมาเป็นวงของโรงเรียน “วงนี้ก็เป็นการรวมกันเฉพาะกิจมากๆ เพราะจริงๆ แล้วถ้าเป็นวงที่จะแข่งจริงๆ ก็มีกันแค่สี่คน ด้วยความที่โครงการกำหนดให้ต้องมีเครื่องเป่าด้วย ก็เลยต้องมีคนจากวงโยธวาทิตมาร่วมด้วย” ตั้ม มือกลองเล่าให้เราฟังถึงจุดเริ่มต้น ซึ่งชื่อ KLW ก็มาจากชื่อย่อของโรงเรียนกันทรลักษ์วิทยา เพื่อเป็นเสมือนวงดนตรีตัวแทนของโรงเรียน

หลังจากรวมวงกันได้ไม่นาน บททดสอบใหม่ก็มีเข้ามาเรื่อยๆ ตั้งแต่เวลาการซ้อมที่มีน้อยและการทำวงที่มีเครื่องเป่าเพิ่มเข้ามานั้นต้องใช้การปรับตัวมากกว่าจะเล่นเข้ากันได้ดี

“เรานัดกันมาซ้อมกันที่ห้องดนตรีของโรงเรียน ฝึกกันประมาณสองเดือนเศษๆ ก่อนที่จะถ่ายวิดีโอมาส่งประกวด เพราะว่าตอนแรกวงของพวกเราไม่เคยมีเครื่องเป่า แต่รายการนี้ต้องใช้เครื่องเป่าด้วยก็เลยต้องปรับตัวกัน” เจมส์ นักร้องนำเล่าให้เราฟังถึงการรวมตัวกันซึ่งก่อนหน้านี้มีเพียงแค่นักร้อง มือกลอง กีตาร์ และมือเบสเท่านั้น

การได้มารับตำแหน่งนักร้องในวงนี้ก็เป็นหนึ่งในแพสชันของเขาด้วย “ผมก็อยากเอาดีด้านการร้องเพลง ผมชอบร้องเพลงแต่เพิ่งมาร้องจริงจังช่วงสามปีนี้ อนาคตผมก็คิดว่าอยากจะเรียนด้านดนตรี ในคณะดนตรีด้วย” การได้ขึ้นไปร้องเพลงบนเวทีการประกวดในครั้งนี้น่าจะเป็นผลงานชิ้นสำคัญสำหรับอนาคตของเขาเลย

อีกหนึ่งคนที่เคยเป็นสมาชิกในวงเก่า เล่นดนตรีมากับเจมส์ คือไต้ฝุ่น มือกีตาร์ ที่นอกจากจะเป็นมือกีตาร์แล้วยังร้องเสียงประสานในวงด้วย ไม่เพียงเท่านั้นเขายังฝึกฝน เรียนรู้การเล่นกีตาร์ด้วยตัวเองด้วย “ผมเห็นครูเล่นกีตาร์แล้วรู้สึกว่ามันเท่ดี ผมก็เลยลองดูจากในยูทูบ ลองฝึกฝนเองมาเรื่อยๆ จนมาขออยู่ในวงของโรงเรียน ผมลองฝึกมาตั้งแต่ ม.4 ก็เลยมาขอครูที่คุมวงนี้เล่นด้วย”

ความชอบด้านกีตาร์นั้นก็เริ่มมาจากการได้ฟังเพลงมาตั้งแต่เด็กๆ ซึ่งเริ่มต้นมาจากพ่อของเขา “ผมชอบเพลงเพื่อชีวิต หมอลำ เพราะพ่อผมเปิดให้ฟังมาตั้งแต่เด็กเลยครับ ผมก็เลยชอบมาตั้งแต่นั้น”

ดนตรีแบบ Progressive Rock สานต่อรุ่นพี่

ก่อนที่สมาชิกวง KLW BAND จะได้มารวมตัวกัน ก่อนหน้านี้มีวงดนตรีของรุ่นพี่ในโรงเรียนที่เป็นเหมือนวงรากฐานก่อตั้งมาก่อนใช้ชื่อวงว่า อรุณสวัสดิ์มันเดย์ และ KLW BAND ก็ได้ผลพวงมาจากสิ่งที่รุ่นพี่ของพวกเขาปลูกฝังเอาไว้

ด้วยสไตล์การเล่นแบบ Progressive Rock “ปกติเพลงทั่วไปมันจะนับ 4/4 หรือ 3/4 แต่ว่าถ้าเป็นโพรเกรสซิฟร็อกมันจะไม่นับ 4 ตลอด บางครั้งก็นับ 1-2-3-4-5 บางครั้งก็นับ 1-2-3-4 มันจะเปลี่ยน Time Signature ที่เป็นตัวกำหนดจังหวะของเพลง มันเป็นแนวเพลงที่จังหวะมันไม่นิ่ง มันก็จะยากขึ้นเรื่อยๆ

“ทีแรกผมตั้งวงกับเพื่อน ความที่คนอื่นเขาแย่งเครื่องดนตรีอื่นไปหมดแล้ว เหลือแต่กลองก็เลยได้เล่นกลองตั้งแต่นั้นมา ทีแรกเล่นวงลูกทุ่ง พอมัธยม ครูให้เล่นเพลงร็อกแบบโพรเกรสซิฟ”

ตั้ม-บุญสม ทุ่มโมง KLW Band (กลอง)

 

ถ้าเป็นในเรื่องของการแข่ง ทุกคนในวงก็โอเคกับการเล่นแนวนี้” ตั้ม มือกลองอธิบายให้เราฟังถึงแนวเพลงโพรเกรสซิฟร็อกที่เป็นสไตล์เพลงของวง ซึ่งเพลงที่ถูกนำมาใช้ประกวดรวมถึงเพลงบังคับอย่างเพลงรางวัลแด่คนช่างฝันก็ถูกนำมาปรับให้เข้ากับสไตล์ของวงด้วย

ด้วยความที่การประกวดบนเวทีแห่งนี้จำเป็นต้องมีนักดนตรีเครื่องเป่าเข้ามาผสมด้วย จึงต้องปรับจากวงร็อกหนักๆ ให้เข้ากันได้กับเครื่องเป่า

“พอมาถึงรายการนี้เราก็ยังคงกลิ่นอายโพรเกรสซิฟไว้ แต่แค่เพิ่มเครื่องเป่ามาประยุกต์ เพลงรางวัลแด่คนช่างฝันนี้เราให้ครูช่วยเยอะมาก ด้วยความที่โรงเรียนของผมมีวงดนตรีน้อยจากสองวง แล้วยุบเหลือแค่วงเดียว เราไม่เคยเอาวงสตริงกับวงโยฯ มารวมกัน แต่ด้วยความที่เขาบังคับให้มีเครื่องเป่า ก็เลยต้องให้ครูช่วย ให้ครูเขียนโน้ตให้” เจมส์เล่าถึงการทำเพลงที่ใช้ประกวด ซึ่งมีครูผู้คุมวงเป็นส่วนสำคัญในความสำเร็จ

 “ผมอยากเอาดีด้านการร้องเพลง ผมชอบร้องเพลงแต่เพิ่งมาร้องจริงจังช่วงสามปีนี้ อนาคตผมก็คิดว่าอยากจะเรียนด้านดนตรี ในคณะดนตรีด้วย”

เจมส์-สรวิศ อารีพงศ์ KLW Band (ร้องนำ)

 

คนที่ดูเหมือนว่าจะชอบเพลงโพรเกรสซิฟร็อกมากเป็นพิเศษก็เห็นจะเป็นตั้ม มือกลอง ที่มีแพสชันด้านนี้แรงไม่แพ้ใคร “ทีแรกผมตั้งวงกับเพื่อนแล้วเห็นครูท่านหนึ่งเขาเปิดสอน ด้วยความที่คนอื่นเขาแย่งเครื่องดนตรีอื่นไปหมดแล้ว จนเหลือแต่กลองก็เลยได้เล่นกลองตั้งแต่นั้นมา ทีแรกก็เล่นวงลูกทุ่ง พอเริ่มเข้ามัธยม ครูก็ให้เล่นเพลงร็อก ร็อกแบบโพรเกรสซิฟแบบนี้ก็มาจากรุ่นพี่ เพราะครูบอกว่าเพลงที่พวกผมเลือกมันง่ายเกินไป อยากให้เพิ่มระดับความยากขึ้นก็เลยให้ฝึก จนสุดท้ายก็เลยกลายมาเป็นแนวนี้” ซึ่งเพลงอีกเพลงที่ KLW BAND ใช้ในการประกวดบนเวทีก็คือ ‘ยิ่งโตยิ่งสวย’ ซึ่งเป็นเพลงที่รุ่นพี่ของพวกเขาเคยเล่นมาก่อนแล้ว จึงถือเป็นการสานต่อสิ่งที่รุ่นพี่เคยทำไว้ ประยุกต์ให้เข้ากับการแข่งขันและแปลกใหม่ขึ้นกว่าเดิม

การประกวดครั้งที่ใหญ่ที่สุดในชีวิต

“นี่คือรายการใหญ่ที่สุดแล้วที่เราได้ประกวด มันจะเป็นแบบอย่าง เป็นตัวอย่างให้รุ่นน้องได้มาแสดงความสามารถบนเวทีนี้” ไต้ฝุ่น มือกีตาร์เล่าถึงการประกวดบนเวที THE POWER BAND ในครั้งนี้ให้ฟัง ซึ่งทุกคนก็ลงความเห็นว่ามันเป็นการประกวดที่ใหญ่ที่สุดจริงๆ จากที่เคยลงประกวด “พวกเราเคยลงประกวดในงานที่จัดขึ้นตามจังหวัด งานกาชาด เราแข่งกันมาทุกปีแล้วก็ได้รับรางวัลกันมาทุกปีด้วยเหมือนกัน” เสียงเจมส์ดังขึ้น บอกเป็นนัยๆ ว่าแม้จะเป็นเวทีใหญ่แต่พวกเขาก็ไม่หวั่น

แม้ผลการประกวดจะออกมาว่า KLW BAND ไม่ได้ผ่านเข้ารอบหรือได้รับรางวัล แต่การประกวดในครั้งนี้ก็ให้รางวัลกลับมาเป็นประสบการณ์ชั้นดีและทำให้พวกเขาเห็นในเรื่องที่ตัวเองต้องกลับไปทำการบ้าน “ผมได้เรื่องการปรับซาวนด์หน้าตู้ เพราะเวลาซ้อมส่วนมากซาวนด์มันจะดังกว่าเพื่อน แล้วก็ได้ประสบการณ์ด้วยเพราะผมก็ไม่เคยมาออกกล้องแบบนี้” วุฒิ มือเบสที่นั่งเงียบอยู่แทบจะตลอดการสัมภาษณ์พูดขึ้น เขาเป็นน้องเล็กของวงที่เพิ่งเริ่มเล่นดนตรีมาได้ไม่นานมานี้ แต่ก็ได้เข้ามาเป็นส่วนสำคัญของวง

 “ถ้าผิดหวังก็ไม่เป็นไร ถือว่าเป็นประสบการณ์ที่ดีของพวกเรา

เราคิดว่ามันเต็มที่ของพวกเราแล้วในวันนี้”

วุฒิ-สะราวุฒิ มาดำ (เบส) KLW Band

 

“ผมเห็นครูเล่นกีตาร์แล้วรู้สึกว่ามันเท่ดี เลยลองดูจากในยูทูบ ลองฝึกฝนเองมาเรื่อยๆ

จนมาขออยู่ในวงของโรงเรียน…ฝึกมาตั้งแต่ ม.4”

ไต้ฝุ่น-ศักรินทร์ สีด้วง (กีตาร์) KLW Band

 

“ผมเพิ่งเริ่มเล่นดนตรีตอน ม.ต้น ไปฝึกมาจากยูทูบ ฝึกหาความรู้เกี่ยวกับเบสด้วยตัวเอง จากนั้นก็ฝึกมาตลอดจนมาขอร่วมวงกับพี่ๆ จริงๆ แล้วผมชอบเพลงทางหมอลำนิดหน่อย เพื่อชีวิตนิดหน่อย แนววาไรตี้ ผมชอบเพราะว่ามันเพราะ สนุกดี” ถึงแนวดนตรีที่วุฒิชอบจะไปกันคนละทางกับสไตล์เพลงของวง แต่พวกเขาทำหน้าที่เป็นมือเบสที่เติมให้เพลงของวงร็อกได้เมามัน

“ถ้าผิดหวังก็ไม่เป็นไร ถือว่าเป็นประสบการณ์ที่ดีของพวกเรา คิดว่ามันเต็มที่ของพวกเราแล้วในวันนี้”

คำพูดของเจมส์ เป็นตัวแทนของทั้งวง แม้วันประกวดจะไม่ได้รับรางวัลใดกลับไปกอด แต่การเดินทางบนเส้นทางสายดนตรีของสมาชิกวง KLW BAND นี้จะยังคงไปต่อและจะเป็นพลังที่ส่งต่อจากรุ่นสู่รุ่นเหมือนกับที่วงได้รับอิทธิพลแนวเพลงมาจากวงของรุ่นพี่ ถึงครั้งนี้จะเป็นการรวมกันเฉพาะกิจที่ยังไม่ประสบความสำเร็จอย่างที่สมาชิกทุกคนหวังไว้ แต่ก็ได้สร้างรากฐานที่มั่นคงไว้แล้ว ที่เหลือก็แค่พัฒนาต่อไป เหมือนอย่างที่สมาชิกทั้งสี่จะยังคงพัฒนาฝีมือของตัวเองต่อไป ไม่แน่วันหนึ่งเราอาจได้เห็นพวกเขาในฐานะคนทำงานเพลงแนวโพรเกรสซิฟร็อกก็เป็นไปได้

 

เพลงสไตล์ในแบบของ 4 จาก 8 สมาชิกวง KLW Band

เจมส์-สรวิศ อารีพงศ์ : Tattoo Colour – เจ้าพระยา

ตั้ม-บุญสม ทุ่มโมง : DragonForce – Through the Fire and Flames

ไต้ฝุ่น-ศักรินทร์ สีด้วง : คาราบาว – เพื่อชีวิตติดล้อ

วุฒิ (มาดำ)-สะราวุฒิ มาดำ : อ๊อฟ สงกรานต์ Ft.เเร็พอีสาน – ล่ะแมนวา1.2(ชาบู)

Author

วรากร เพชรเยียน

Author

อดีตแอร์โฮสเตสผันตัวมาเป็นนักเขียน ผู้หลงใหลศิลปะและการเดินทาง นิยมการบอกรักประสบการณ์ผ่านตัวหนังสือ