คุกกี้สีเหลืองนวล กลิ่นหอมเนย ชิ้นกลมพอดีคำ หวานนิด เค็มหน่อย อร่อยมัน ด้วยเม็ดมะม่วงหิมพานต์ที่ถูกวางเด่นอยู่ด้านบนของชิ้นขนม…ชวนให้หยิบ ความพิเศษของคุกกี้สิงคโปร์ ขนมที่มีชื่อมาจากเมืองไกล๊…ไกล แต่อร่อยโดนใจผู้รักขนมกินเล่นมานานเกือบ 40 ปีนี้ คือหยิบเข้าปากแล้วหยุดกินต่อไม่ได้!
จากฝีมือของ LISA BAKERY ต้นตำรับสูตรลับความอร่อยของคุกกี้สิงคโปร์เจ้าแรกในเมืองไทย ที่หลังจากครองใจชาวไทยมาเนิ่นนานก็ได้จับมือกับคิง เพาเวอร์ สร้างตำนานบทใหม่ ส่งต่อตำนานความอร่อยไปทั่วโลกที่ใช้รสชาติไทยสร้างอัตลักษณ์ให้ขนมสัญชาติสิงคโปร์นี้กลายเป็นของฝากอันทรงคุณค่าจากเมืองไทย ด้วยการมอบความอร่อยทุกคำฉบับโฮมเมดเรท 5 ดาวให้นักเดินทางและคนรักขนมทั่วโลกได้ลิ้มลอง
ที่มาของความอร่อย
คุกกี้สิงคโปร์ ชื่อนี้มีหลายที่มา บ้างก็ว่านำเข้ามาจากสิงคโปร์ บ้างก็ว่าใช้ส่วนผสมจากสิงคโปร์ ในฐานะเจ้าแรกของเมืองไทยลิซ่าเบเกอรี่พร้อมคลายข้อสงสัยแล้ว
“เราคือเจ้าแรกในเมืองไทยครับ โดยเริ่มต้นตั้งแต่ปี พ.ศ. 2526 ซึ่งคุณป้าของผมได้สูตรมาจากสิงคโปร์ เลยลองนำสูตรมาลองทำขายที่ไทย” วรวัฒน์ วัฒกียานนท์ ทายาทผู้นำความรู้ระดับดีกรีปริญญาโทจากชิคาโกเข้ามาพัฒนาและสานต่อตำนานความอร่อยของครอบครัวย้อนเล่าถึงวันแรกของการเปิดเตา
คุกกี้สิงคโปร์ของลิซ่าเบเกอรี่ เริ่มต้นด้วยการทดลองทำแจกคนรู้จักกันก่อน เสียงตอบรับคือทุกคนชมกันว่าอร่อยดี ชื่อที่ใช้มาจากชื่อลูกสาวของคุณป้า ลิซ่าเบเกอรี่จึงเริ่มเปิดเตาขายคุกกี้โดยไม่มีหน้าร้านของตัวเอง แต่นำขนมไปฝากขายตามร้านอาหารสวนอาหาร ย้อนหลังกลับไปสมัยนั้น หลายคนน่าจะเคยได้ชิมหรือหยิบติดมือกลับบ้านมาจากร้านอาหารชื่อดังอย่างร้านบัวกันมาอย่างยาวนาน
ขอบอกว่าปัจจุบันยังเห็นลูกค้าหลายท่านตามหาคุกกี้สิงคโปร์ในความทรงจำกันอยู่ไม่น้อย ความอร่อยในวัยเด็กนั้นยากที่จะลืมเลือน “ฟีดแบ็กจากลูกค้าที่เราได้รับเสมอไม่ว่าจะขายที่ไหน คือทุกคนจะติดใจในรสชาติ เวลานั้นเราเป็นเจ้าแรกในไทย รสชาติแปลกใหม่ หลายท่านบอกว่ารับประทานแล้วหยุดไม่ได้ ทานแล้วทานอีก ก็เลยติดใจ และผูกพันกันมานานตั้งแต่ซื้อจากที่ร้านบัว”
Suggestion
ปฏิทินเปลี่ยนหน้า ถึงเวลาแห่งการปรับเปลี่ยน
ความนิยมที่ลิซ่าเบเกอรี่ได้รับและขยับเพิ่มขึ้นทุกปี ทำให้แบรนด์หยุดนิ่งไม่ได้แล้ว การออกเดินทางบนถนนสายใหม่จึงเริ่มต้นขึ้น
“ในปี 2536 คุณป้าส่งต่อกิจการให้คุณแม่อย่างเต็มตัว สูตรการทำขนมต่างๆ ยังเหมือนเดิม ขั้นตอนการทำก็ไม่เปลี่ยนแปลง แต่เราเริ่มขยับขยายช่องทางการขาย เริ่มปรับรูปแบบบรรจุภัณฑ์ จากถุงพลาสติกที่แตกง่าย เวลาลูกค้าหยิบจับ เสียหายง่าย มาจัดลงในกล่องอย่างสวยงาม เพื่อวางขายในห้างสรรพสินค้าต่างๆ ตามเทศกาลสำคัญอย่างปีใหม่ ลูกค้าก็ให้ความสนใจเยอะขึ้น”
แต่ด้วยสาขาของร้านอาหารที่ลิซ่าเบเกอรี่ไปวางขายเริ่มลดลง คุกกี้สิงคโปร์เจ้าแรกจึงไม่หยุดนิ่ง…เริ่มมองหาตลาดใหม่อย่างนักท่องเที่ยวต่างชาติต่อไป อย่างเช่น จีน ฮ่องกง ไต้หวัน เขาจึงไปติดต่อร้านของฝากในเยาวราชและพัทยาเพิ่มเติม ตอนนั้นลิซ่าเบเกอรี่เริ่มพัฒนาบรรจุภัณฑ์ในรูปแบบกล่อง ก็เพื่อให้ขนมที่ไม่เพียงแต่เป็นของโปรดของคนไทยแล้ว สะดวกสำหรับการเดินทางไปได้ไกล เหมาะกับการซื้อไปเป็นของฝากในต่างแดนด้วย
“ผมรับช่วงต่อจากคุณแม่ช่วงประมาณปี พ.ศ. 2550-2551 ก็มาพัฒนาบรรจุภัณฑ์ให้เล็กลง เพื่อสะดวกในการหยิบจับ และสำหรับการขนส่งขนม โดยยืดอายุสินค้าจาก 2-3 เดือน ให้ได้นาน 6 เดือนขึ้นไปเมื่อมาบรรจุลงในซองสุญญากาศ นอกจากนั้นยังมีการพัฒนาเพิ่มรสชาติตามความชอบของลูกค้า จากเพียงสูตรดั้งเดิมก็มีรสทุเรียน ที่เราคัดหมอนทองเกรดเอมาจากทางจันทบุรี โจทย์นี้เราใช้เวลาปรับปรุงอยู่นานถึง 6 เดือนจนได้รสชาติที่ถูกใจ”
ใครที่เคยลองชิมคุกกี้สิงคโปร์ที่เติมรสชาติที่มีเฉพาะของไทยเท่านั้น คงยังจำกันได้ดีถึงกลิ่นหอมละมุนของทุเรียนหมอนทองแบบแค่ฉีกซองกลิ่นก็หอมเตะจมูกชวนให้หยิบเข้าปาก ความพิเศษของคุกกี้สิงคโปร์รสทุเรียนอยู่ที่ความหอมแบบไม่ฉุนจัดจนกลบกลิ่นกับรสชาติของคุกกี้ นอกจากนั้นยังมีอีกหนึ่งรสชาติที่เพิ่มคุณประโยชน์เพื่อคนรักสุขภาพอย่างรสงาดำ หอมๆ รสชาติกลมกล่อม ที่ทำออกมาแล้วก็ได้การตอบรับที่ดีเช่นกัน
ตำนานความอร่อยที่ไม่เคยเปลี่ยน
แม้คุกกี้สิงคโปร์ของลิซ่าเบเกอรี่จะยืนความอร่อยมาอย่างยาวนาน จนมีการปรับเปลี่ยนในหลายส่วน แต่สิ่งสำคัญที่ยังคงไว้เป็นอันดับแรกคือรสชาติที่ครองใจนักชิมมาโดยตลอด
สิ่งที่ทำให้คุกกี้สิงคโปร์ของลิซ่าเบเกอรี่เป็นตำนานของความอร่อย คือการใช้วัตถุดิบชั้นดี มีคุณภาพดี ทุกอย่างเกรดดีเยี่ยมที่สุด ไม่ว่าจะเป็นแป้งแบบเดิมแบบเดียวกับจุดเริ่มต้น น้ำตาลใช้เจ้าดั้งเดิม ที่ไม่หวานจัด ส่วนน้ำมันก็ไม่มีกลิ่นหืน ไม่มีไขมันทรานส์ สร้างความแตกต่างให้รสสัมผัสที่กรอบและนุ่ม หวานนิด แถมด้วยรสเค็ม…มัน
ที่สำคัญคือคุกกี้สิงคโปร์ของที่นี่ไม่ได้ใช้ควันเทียน ไม่ได้ใช้สีผสมอาหาร มีเม็ดมะม่วงหิมพานต์เม็ดโตรูปร่างสวยน่ารับประทานเป็นจุดเด่นที่คัดมาจากเจ้าประจำที่จังหวัดชลบุรี ซึ่งเป็นสวนที่ผลิตเม็ดมะม่วงโดยตรงเลย ถึงแม้ราคาสูงแต่ลิซ่าเบเกอรี่ก็ยอมจ่ายเพื่อคุณภาพและใช้เป็นมาตรฐานมาโดยตลอด
โดนใจลูกค้าส่วนใหญ่ที่บอกว่าชอบความอร่อยที่ไม่เหมือนใคร…เป็นความอร่อยที่เขาตามหามานาน
“ผมโตมาพร้อมกับคุกกี้ของที่บ้าน จากวันแรกจนวันนี้เรายังใช้เทคนิคไม้นวดแป้งแบบเดิม ผลิตด้วยขั้นตอนเดิม ทั้งผสมแป้ง คลุกเคล้า วางลงโต๊ะนวดแป้งตัวเดิม ลงไม้นวดจนได้ตามระดับ จิ้มพิมพ์ออกมาเป็นวงกลม วางลงบนถาด ติดเม็ดมะม่วง แล้วเอาเข้าเตาอบ ออกมาพักเย็น แล้วจึงบรรจุลงกล่อง ทุกอย่างยังไม่เคยเปลี่ยน จะมีเพิ่มเติมคือรสชาติที่หลากหลาย และคุณภาพของสินค้าที่เราได้อาจารย์ที่ปรึกษาจากทางมหิดลมาช่วยเรื่องพัฒนาการผลิตโดยตรงด้วย
เรายังคงเป็น SME ขนาดเล็ก ที่คิดค้นและพัฒนารสชาติกันเอง ลงมือกันเอง คือเป็นคุกกี้ทำมือจากฝีมือของคน 15 คน ที่ช่วยกันทำหมดเลยทุกขั้นตอนครับ”
Suggestion
จับมือสู่ตลาดโลกกับ King Power
คุกกี้สิงคโปร์ที่อร่อยไม่เหมือนใครนี้ยืนหนึ่งในไทยมากว่า 40 ปี นาทีนี้การออกเดินทางไปทั่วโลกคือก้าวใหม่ที่ยิ่งใหญ่ของลิซ่าเบเกอรี่ที่ได้คิง เพาเวอร์มาช่วยขับเคลื่อนให้ส่งความอร่อยไปได้ไกลยิ่งขึ้น
“ต้องขอบคุณคิง เพาเวอร์ที่มองเห็นเรา และให้โอกาส SME เล็กๆ ได้เข้ามามีส่วนร่วมสร้างความสำเร็จ ตั้งแต่วันแรกประมาณปี 2560 ทั้งยังให้ข้อคิดและแนวทางที่ดี ไม่ว่าจะเป็นเรื่องบรรจุภัณฑ์ ไปจนถึงชื่อสินค้า ที่แนะนำเราว่า นักท่องเที่ยวที่มาเที่ยวเมืองไทยก็ต้องอยากซื้อสินค้าของไทยไปเป็นฝาก เราเลยเปลี่ยนชื่อจากคุกกี้สิงคโปร์ เป็นคุกกี้เม็ดมะม่วงหิมพานต์ ซึ่งก็ตรงตัวกับชื่ออังกฤษอยู่แล้ว และใช้มาจนถึงทุกวันนี้ กระแสตอบรับจากลูกค้าดีมากตั้งแต่ในช่วงแรก เรายิ้มทุกครั้งที่ไปสนามบินแล้วได้เห็นนักท่องเที่ยวหิ้วคุกกี้ของเราออกเดินทางไปด้วย
อ่านมาถึงบรรทัดนี้หลายคนที่ยังไม่เคยชิม คงอยากจะได้ลอง แต่ขอบอกว่าลิซ่าเบเกอรี่ไม่ได้มี (ดี) แค่คุกกี้สิงคโปร์ แต่เขามีเนยถั่วด้วย!!
เป็นเพราะช่วงโควิดมาสะดุดความอร่อยนิดหน่อย ยังโชคดีที่ตัวคุกกี้ไปต่อได้ แต่ลิซ่าเบเกอรี่อาจต้องปรับลดปริมาณการขายลง โดยพยายามเน้นรักษามาตรฐานคุณภาพเอาไว้ การผลิตที่น้อยลงบ้างนั้นกลับเพิ่มโอกาสในการพัฒนาให้เกินโปรดักต์ใหม่ๆ ที่ไม่ซ้ำใครอีกเช่นเคย
“ผลิตภัณฑ์ตัวล่าสุดของเรา ซึ่งเพิ่งทดลองขายเป็นสเปรดเนยถั่วเม็ดมะม่วงหิมพานต์ ซึ่งเรานำเม็ดมะม่วงชิ้นเล็กชิ้นน้อยที่คัดออกจากการทำคุกกี้ มาทำเป็นเนยถั่วเม็ดมะม่วงหิมพานต์แทนถั่วลิสง ซึ่งประโยชน์ทางโภชนาการมีมากกว่า และเราทำออกมา 4 รสชาติ คือ รสดั้งเดิม ช็อกโกแลต ทุเรียน และเมเปิลไซรัป โดยหลังจากนี้ก็กำลังจะเริ่มพัฒนาคุกกี้เม็ดมะม่วงหิมพานต์รสชาติใหม่ๆ ที่ผสมผลไม้ไทยมากขึ้นด้วย อย่างรสมะม่วงที่ใช้มะม่วงอกร่องชั้นดี หรือรสมังคุดจากมังคุดคุณภาพ อีกทั้งยังมีรสชาไทยสุดเข้มข้น รสแครนเบอร์รี่เอาใจคนรักสุขภาพ รับรองได้รสชาติแปลกใหม่ไม่ซ้ำใคร”
คุกกี้เม็ดมะม่วงหิมพานต์รสทุเรียน เราว่าล้ำแล้ว ยังจะมีคุกกี้เม็ดมะม่วงหิมพานต์ รสมังคุด รสมะม่วงอกร่อง ไปจนถึงรสชาไทยแบบนี้ เรียกว่าไม่ธรรมดาจริงๆ จนอยากชิมแล้ว…
LISA BAKERY
ที่ตั้ง : 12 ถ.สุทธิสารวินิจฉัย แขวงสามเสนใน เขตพญาไท กทม. 10400
Facebook: LISA BAKERY
ข้อมูลสินค้าเพิ่มเติมที่ตลาดพลังคนไทย
คลิก: LISA BAKERY
สนใจสินค้าพลังคนไทย สามารถสนับสนุนได้ที่คิง เพาเวอร์ทุกสาขา
ปักหมุดจุดเช็กอิน–แชะรูป–ท่องเที่ยวใกล้เคียง
• บ้านขนมปังขิง เสาชิงช้า ร้านกาแฟในเรือนไทยสไตล์ฝรั่ง บ้านโบราณอายุนับร้อยปี ที่พร้อมต้อนรับนักแชะ นักชิม และนักชิลจากทั่วโลก
• พระปรางค์วัดอรุณฯ จุดปักหมุดถ่ายรูปสวย อวดความงามของวัดอรุณราชวรารามราชวรมหาวิหาร เป็นสถาปัตยกรรมของวัดกับวิวริมแม่น้ำเจ้าพระยาที่โดดเด่นและมีความสำคัญในประวัติศาสตร์ไทยมาตั้งแต่สมัยอยุธยา อย่าลืมแวะสักการะพระประทานเพื่อสิริมงคล
• พิพิธภัณฑ์เด็กกรุงเทพมหานครแห่งที่ 1 (จตุจักร) อยากชวนเด็กในวันนี้ และอดีตเด็กในวันโน้น ไปสนุกกับแลนด์มาร์กแห่งการเรียนรู้ด้วยเทคโนโลยีที่แห่งใหม่ ซึ่งเพิ่งเปิดสดๆ ร้อนๆ เมื่อไม่นานมานี้เอง