Summary
18.00 น. วงดนตรีชื่อแปลก วงที่รวบรวมคนรักดนตรีที่มีฝันเดียวกัน เคมีเข้ากัน คุยกันรู้เรื่อง แม้บางคนเพิ่งจะเจอกันเพียง 4 ครั้ง!!! วันนี้พวกเขาก้าวลงสนามอีกครั้งเพื่อสร้างแพสชันใหม่ๆ ในชีวิต การรวมตัวครั้งนี้มีทั้งความบังเอิญ ความตั้งใจ ความตื่นเต้น ความเป็นไปได้ และเป็นไปแล้ว ตอนนี้พวกเขาถอยไม่ได้แล้ว ต้องลุยเท่านั้น
เวลา 18.00 น.พอดีเป๊ะกับที่วงดนตรีนามว่า 18.00 น. ได้ยินประกาศชื่อวงตัวเองผ่านเข้าสู่รอบชิงชนะเลิศ ช่างเป็นความบังเอิญที่เหมือนชะตาฟ้าลิขิต แต่นี่ไม่ใช่เรื่องที่เหมือนจะบังเอิญเรื่องเดียวที่เกิดขึ้นกับวงนี้ แต่จะมีเรื่องอะไรอีกนั้น เดี๋ยวพวกเขาจะเล่าให้ฟัง
ณ เวที THE POWER BAND 2024 SEASON 4 “เป็นได้สุด เป็นไปได้ ด้วยพลังแห่งดนตรี” เวทีประกวด วงดนตรีสากลคุณภาพระดับประเทศ จัดโดย คิง เพาเวอร์ ไทย เพาเวอร์ ร่วมกับ วิทยาลัยดุริยางคศิลป์ มหาวิทยาลัยมหิดล ในธีม “Let The Music Power Your World” ที่สนามเชียงใหม่ เราได้เจอวงดนตรีคุณภาพอีกวง ที่มาท้าทายตัวเอง เพื่อตามหาและสนองแพสชันของตัวเองเท่าที่ชีวิตนี้จะทำได้
“You Only Live Once คุณมีชีวิตเดียว
มันคอยเตือนเพราะไม่รู้ว่าเราจะอยู่ได้อีกนานแค่ไหน
อยากรู้จักใคร อยากทำอะไรก็ทำเลย”
วง 18.00 น. (เชียงใหม่)
รุ่นบุคคลทั่วไป: เส้นทางสู่ศิลปิน (Professional Class: Road to Artist)
THE POWER BAND 2024 SEASON 4 สนามเชียงใหม่
ไอซ์ (ร้องนำ)
ฟรองซ์ (กลอง) – จ็อบ (คีย์บอร์ด) – เฟิร์ส (เบส)
ต้าร์ (กีตาร์)
การรวมตัวของผู้คนที่หลากหลายแต่มาด้วยใจทุกคน
วง 18.00 น. เพิ่งรวมตัวกันได้ไม่นาน เรียกว่ารวมตัวกันเพื่อภารกิจ THE POWER BAND เลยก็ว่าได้ แต่ดีกรีประสบการณ์ทางดนตรีสายอาชีพเต็มเปี่ยม…ต่างคนมาจากต่างที่ ทั้งลำพูน เชียงราย เชียงใหม่ อุบลราชธานี พอมีคนเริ่มชวนปุ๊บ คนอื่นๆ ก็ตอบตกลงมาด้วยกันปั๊บในเสี้ยววินาที เพราะแต่ละคนต่างมีความฝันเดียวกัน จูนกันลงตัว พร้อมจะเดินไปด้วยกัน ก่อนอื่นไปรู้จักสมาชิกแต่ละคนกันดีกว่า
ไอซ์ – ณัฏฐ์ลิตา พึ่งเพียร (นักร้อง) สาวสวยเพียงหนึ่งเดียวของวง เล่าถึงชีวิตตัวเองว่า เธออยู่กับดนตรีก่อนที่จะรู้ตัวเสียอีก เพราะตอนเด็กๆ ถ้าไอซ์งอแงพ่อจะเปิดเพลงหรือไม่ก็ซื้อไมค์ของเล่นมาให้แล้วเธอจะเงียบ พอโตมาไอซ์ก็ทำทุกอย่างที่เกี่ยวกับดนตรี ไม่ว่าจะเล่นเมโลเดี้ยนในวงโยธวาทิต ระดับประถม ร้องเพลง อยู่วงโปงลาง วงลูกทุ่ง วงดนตรีไทย และวงสตริง “เราคลุกคลีและอยู่แบบนี้มาตลอด จนร้องเพลงเป็นอาชีพหลักถึงวันนี้”
ต้าร์ – กฤตภาส เนตรนิลพฤกษ์ (กีตาร์) เริ่มเล่นกีตาร์มาตั้งแต่ 10 ขวบจนถึงทุกวันนี้ “ผมก็อยากลองเล่นเครื่องดนตรีหลายอย่างนะ แต่ตอนนี้ยังฝึกแค่กีตาร์อยู่ อยากทำตรงนี้ให้สุดก่อนที่จะไปเริ่มอย่างอื่น”
จ็อบ – อนุชา เมืองวงค์ (คีย์บอร์ด) เริ่มต้นจากการเล่นดนตรีพื้นเมืองของภาคเหนือ ตอนขึ้น ม.ต้น จ็อบก็เข้าชมรมลูกทุ่งและได้เล่นคีย์บอร์ดเป็นครั้งแรก ส่วนเหตุผลที่เลือกคีย์บอร์ดน่ะเหรอ… “ตีกลองมันดูเหนื่อย เสียงดัง ซ้อมเองที่บ้านก็ไม่ได้ ดีดกีตาร์ก็เจ็บนิ้วครับ นิ้วจะด้าน แถมต้องตั้งสายบ่อย ผมว่าคีย์บอร์ดแค่เสียบปลั๊กแล้วเล่นได้เลย ไม่ต้องใช้แรงก็เลยชอบ” เอาจริงดิ
ฟรองซ์ – ธนดล คำใส (กลอง) ก็เริ่มเล่นดนตรีจากดนตรีพื้นบ้านมาตั้งแต่อายุ 7 ขวบ โดยตีฉาบก่อนเลย และเริ่มมาตีกลองเพราะเห็นพี่เฟิร์ส (พี่ชายแท้ๆ) ซื้อซีดีของวง Silly Fools มาเปิดที่บ้าน “ผมเห็นพี่ต่อมือกลองของวง เขาเท่มาก ผมก็เอาถัง เอาตะกร้าแม่มาตี แล้วให้พี่เฟิร์สวาดรูป Silly Fools มาติดหน้าตะกร้าให้”
เฟิร์ส – ธนบดี คำใส (เบส) เริ่มเล่นดนตรีมาตั้งแต่อายุ 14 จนตอนนี้อยู่กับดนตรีมาเกือบ 20 ปีแล้ว โดยเริ่มต้นจากเบสและเป็นเครื่องดนตรีเดียวที่ทุ่มเทกับมันเต็มที่ ส่วนที่ต้องเป็นเบสก็เพราะ “ผมเข้าห้องซ้อมดนตรีครั้งแรกกับเพื่อน เห็นว่าเบสมันมีแค่ 4 สายน่าจะเล่นง่าย ก็หยิบมาลองฝึกเองเลย” โอ๊ย เหตุผลไม่ต่างจากจ็อบ
และเหตุผลที่วงชื่อ 18.00 น. ก็เพราะพวกเขาอัดคลิปส่งประกวดเสร็จและกดปุ่มส่ง ณ เวลานั้นนั่นเอง
“ผมเชื่อในพลังของการทำซ้ำ ผมไม่รู้ว่าลูกดอกที่ปาไปนั้นมันจะถูกตรงกลางเป้าหรือเปล่า
แต่ผมจะปาบ่อยๆ ถ้าเรามีลูกดอกในมือ 100 อัน มันต้องถูกเป้าสักอันแหละ”
วง 18.00 น.(เชียงใหม่)
Suggestion
หรือนี่จะเป็น “ลาง” (ดี) บอกเหตุ
วง 18.00 น. ผ่านเข้าสู่รอบชิงชนะเลิศได้เรียบร้อย เราขอแอบล้วงลึกถึงแผนขั้นต่อไปของวงสักหน่อย จ็อบรีบบอก “ผมเคยพูดไว้ว่าถ้าเราเข้ารอบชิงชนะเลิศได้ ผมจะซื้อคีย์บอร์ดใหม่ เพราะคีย์บอร์ดผมพัง”
เหตุเพราะจ็อบลืมรูดซิปกระเป๋าตอนขับมอเตอร์ไซค์ ทำให้คีย์บอร์ดตกและเป็นรู “เมื่อตอนที่เราซ้อมอยู่ เพื่อนของต้าร์ทักมาถามจะขอซื้อคีย์บอร์ดตัวเก่าของผม เพราะเขาชอบสตอรี่ที่มันเป็นรู ผมเลยคิดว่าหรือนี่จะเป็นลาง(ดี) ที่เราจะได้ซื้อคีย์บอร์ดใหม่ ตอนนี้ผมได้ซื้อคีย์บอร์ดใหม่จริงๆ แล้ว” เอ๊ะ หรือนี่จะเป็นเรื่องบังเอิญอีกครั้ง
นอกจากเรื่องซื้อคีย์บอร์ดแล้ว ทางวงยังไม่ได้มีแผนอะไร เพราะการเข้ารอบชิงชนะเลิศนั้นอยู่เหนือความคาดหมายของทุกคน “เราคิดไม่ถึงว่าจะไปถึงรอบชิงชนะเลิศ เราทำแต่ละรอบตามขั้นตอน ก็เผื่อใจไว้ตลอด เพราะไม่รู้ว่ามันจะออกมาเป็นอย่างไร”
คีย์บอร์ดที่พังอาจไม่ใช่เรื่องบังเอิญ
ความรู้สึกสดใหม่อีกครั้งบนเวที
แม้สมาชิกวงนี้จะเป็นนักดนตรีอาชีพกันทุกคน แต่การกลับมาขึ้นเวทีประกวดอีกครั้งก็ตื่นเต้นกันไม่น้อย ต้าร์บอกว่า “ผมงี้มือสั่นไปหมด ดีใจที่ได้มาเล่นกับพี่ชาย เห็นกันมาตั้งแต่เด็ก แต่เราไม่เคยเล่นดนตรีด้วยกันเลย ผมแค่อยากมาเล่นกีตาร์ที่มีพี่ฟรองซ์ตีกลองให้แค่นั้น” ตื่นเต้นแค่ไหนดูได้จากการที่วงตกลงกันว่าให้ต้าร์ตะโกนคำว่า Let’s go บนเวที แต่ความตื่นเต้นทำให้ต้าร์ลืม เลยตะโกนว่า “อ๊ากกกกกกกกกก” ทำเอาคนตกอกตกใจกันทั่วทั้งงาน
ส่วนไอซ์นั้นใจฟูเพราะว่า “เราได้ทำอะไรใหม่ๆ มีแพสชันใหม่ๆ มันเติมไฟให้เรา บางทีทำงานประจำมันก็เบื่อๆ แล้วพอมาทำอะไรแบบนี้มันรู้สึกได้ปลดปล่อย ยิ่งได้เข้ารอบลึกๆ มันยิ่งฮึบ”
“ผมรู้สึกว่าวันนี้เป็นวันผลิดอกออกผลจากที่ปลูกที่ซ้อมกันมา แล้วผลตอบรับมันดีเกินคาด เราซ้อมกันมาหลายชั่วโมง เพื่อตรงนี้ เพื่อ 10 นาทีในการโชว์ครั้งนี้ เราตั้งใจมาสนุกด้วยกันมากกว่า เคมีของคนในวงมันตรงกัน พอได้มาทำดนตรีด้วยกันก็สนุก” จ็อบบอกความรู้สึกหลังได้ปล่อยพลังบนเวทีไปแล้ว พี่เฟิร์สก็เห็นด้วยกับจ็อบและเสริมว่า “รู้สึกดีที่ได้ขึ้นเวทีนี้ เราตั้งใจกันมาก”
“และนี่เป็นครั้งแรกที่พี่เฟิร์สและฟรองซ์ได้เล่นดนตรีด้วยกัน เป็นพี่น้องกันไม่เคยเล่นดนตรีด้วยกันเลย มาอยู่วงเดียวกันครั้งแรกก็คือกการประกวดนี้” จ็อบเล่าให้ฟัง
การที่คนที่มีเป้าหมายและความฝันแบบเดียวกันมาเจอกันน่าจะไม่ใช่เรื่องบังเอิญนะ
เพลงที่ช่วงนี้ 18.00 น. กำลังอิน
เฟิร์ส: เพลง ‘Situationship’ (4EVE)
ต้าร์: เพลง ‘รจนา’ (TaitosmitH)
จ็อบ: เพลง ‘IU’ ทั้งอัลบั้ม
ฟรองซ์: เพลง ‘Too Sweet’ (Hozier)
ไอซ์: เพลง ‘Sad Song’ (We The Kingsfeat. Elena Coats)
Suggestion
ต้องที่นี่และเพื่อสิ่งนี้เท่านั้น
เมื่อปีที่แล้วมีคนมาเล่าให้ฟังว่าการได้ผ่านเข้ารอบชิงชนะเลิศของ THE POWER BAND แล้วได้ไปเข้าแคมป์ที่ได้ความรู้ต่างๆ เกี่ยวกับดนตรี มาปีนี้เฟิร์สจึงไปอยากไปสัมผัสบรรยากาศแบบนั้นบ้าง จึงเริ่มชวนจ็อบ “เราค่อยๆ หาคนมาเติมในวง วันที่เราจะอัดคลิป ผมขับรถมาจากเชียงรายล่วงหน้า 1 วัน เพื่อมาซ้อมกับวง อีกวันก็ซ้อมอีกแล้วก็อัดคลิปส่งเลย ก่อนหน้ารอบแสดงสด ผมก็ขับรถมาก่อน 1 วัน มารวมตัวกันซ้อม 3-4 ชั่วโมง เพื่อวันนั้น” จ็อบเล่าถึงจุดเริ่มต้นของการรวมตัว
“หนูก็อยากลองไปแคมป์ อยากไปรับอะไรใหม่ๆ เพื่อกลับมาทำงานของเรา” ไอซ์บอก “มันดีจริงๆ นะ” พี่เฟิร์สกระซิบเบาๆ “เขาก็มาอวดผมแบบนี้เหมือนกัน ผมนี่เนื้อเต้นมาก ผมชอบดนตรี ชอบหาความรู้ เราเลยมาทำวงกัน” จ็อบก็อยากไปแคมป์
“ตอนเข้าแคมป์มันเปิดโลกให้เห็นถึงอุตสาหกรรมดนตรีที่เราไม่เคยรู้มาก่อน นอกจากการเล่นดนตรีกลางคืน เลยเป็นสิ่งที่จุดประกายให้ผมอยากทำสิ่งนี้” เฟิร์สผู้ที่เอาแคมป์มาหลอกล่อ
ส่วนฟรองซ์ผู้ที่เคยผ่านทั้งเวทีนี้และแคมป์มาก่อน ก็ชักชวนสมาชิกด้วย “ผมเอาชื่อโบกี้ไลอ้อนที่เคยมาแคมป์ชักจูงเพื่อนครับ ยิ่งปีนี้มีคุณอิ้งค์ด้วย เพราะจ็อบเป็นติ่งอิ้งค์ วรันธร” “หนุ่มๆ อยากเจอคุณอิ้งค์หมดเลยค่ะ” ไอซ์แซวสมาชิก
การที่วงมารวมกันที่เวทีแห่งนี้เพื่อการประกวดครั้งนี้ก็คงไม่ใช่เรื่องบังเอิญอีกเหมือนกัน
“ผมว่าดนตรีมันเหมือนมายากล ตอนที่เราเป็นเด็กธรรมดามันก็ไม่มีอะไร แต่พอเราเล่นดนตรีอยู่บนเวทีมันจะดูเท่ขึ้นมา” จ็อบปิดท้ายอย่างคนเท่ ใช่ เราเห็นด้วย พวกนายเท่จริงๆ เท่ที่ทุ่มเทให้กับสิ่งที่เลือกและสิ่งที่รักอย่างสุดพลัง สุดหัวใจ
ฝากอะไร
ถึงคนที่รักดนตรีเหมือนกันหน่อย
ต้าร์: ฝึกเยอะๆ และต้องมีวินัยกับตัวเอง
ฟรองซ์: ฝึกเยอะๆ อย่าไปท้อ เดี๋ยวก็เก่งเอง
ไอซ์: เป็นตัวของตัวเองดีที่สุด
เฟิร์ส: ถ้าชอบก็ลองเล่นเลย
แม้ไม่ได้ทำเป็นอาชีพหลัก ก็ทำเป็นงานอดิเรก
เป็นการผ่อนคลาย ทำให้เรามีความสุข
จ็อบ: ดนตรีไม่มีถูกผิด ไม่มีกติกา ไม่มีสูตรตายตัวด้วย
ทำให้มันมีความสุขที่สุด นั่นคือสิ่งที่ถูกต้อง