Passion

เห็นหน้านิ่ง แต่จริงๆ นึกโน้ต
คุยกับวง Airtemp เรื่องดนตรี
ที่ไม่มีคำว่า “อะไรก็ได้”

ณัฏฐาประภา สถาปนาชัย 7 Sep 2023
Views: 934

Summary

เรื่องวุ่นๆ วัยรุ่นสุดติสต์ ที่พลิกความชอบที่แตกต่างของทุกคนให้เป็นเสน่ห์ ในเมื่อเธอชอบเพลงแนวนั้น ฉันชอบแนวนี้ ก็มิกซ์รวมทุกแนวที่ทุกคนชอบลงในเพลงให้หมด จนได้แนวเพลงใหม่ฟังแล้วดุเดือดไฟลุก กวาดคำชมจากกรรมการมาแบบจุกๆ สร้างชื่อบนเวทีแถมยังสร้างเรื่องให้สงสัย ว่าไปทำอีท่าไหนถึงได้ชื่อวงมาจาก “คอมเพรสเซอร์แอร์” บทความนี้มีคำตอบ

วง Airtemp จากสนามกรุงเทพฯของ THE POWER BAND 2023 Season 3 จัดโดยวิทยาลัยดุริยางคศิลป์ มหาวิทยาลัยมหิดล ร่วมกับ คิง เพาเวอร์ ไทย เพาเวอร์ พลังคนไทย It’s Possible, Music Make Life Possibleพวกเขาคือการรวมตัวรุ่นพี่รุ่นน้องของคณะดุริยางคศาสตร์ มหาวิทยาลัยศิลปากร มีสมาชิก 7 คน นำทีมโดย โอม – นฤปนาท สัตยภรณ์ (มือกลอง) นน – ภานุวัชร ตั้งยืนยง (คีย์บอร์ด) เลนส์ – กันตพงศ์ ศรีนวลขาว (ทรัมเป็ต) โฟก – จักรพล โพธิจักร์ (เบส) ดาม – โภคิน รอดนาโพธิ์ (กีตาร์) พี – รพีวิชญ์ ริดำรงค์ (กีตาร์) และ แพร – เกณิกา ภูวดลรุ่งเรือง (ร้องนำ)

นี่คือจุดเริ่มต้นของความขรึมซ่อนโก๊ะของวงสุดติสต์ หน้านิ่งๆ ดูหยิ่ง แต่จริงๆ กำลังนึกโน้ตเพลง

“ดนตรีคือความหลากหลาย ไม่ได้จำกัด อะไรที่เรียกว่าดนตรีแล้ว เอามา Mix แล้วมัน Match กัน มันเกิดขึ้นได้หลายๆ อย่าง”

วง Airtemp Class B กรุงเทพฯ
THE POWERBAND 2023 SEASON 3 สนามกทม.

 

จากคำชมของกรรมการ “วง Airtemp เป็นวงที่มีความสามารถสูง เขาทำเรื่องยากมากๆ ให้มันง่ายผ่านเสียงร้องของเขา” ทำให้เราพุ่งเป้าไปหา แพร นักร้องสาวสวยคนเดียวในวง (เพราะสมาชิกในวงที่เหลือเป็นผู้ชายทั้งหมด)

“คณะดุริยางคศาสตร์มีผู้หญิงน้อยค่ะ” แพรเริ่มบทสนทนาแบบคนคูลๆ แม้ว่าจุดเริ่มต้นของเสียงที่หนักแน่นกังวานของแพรบนเวทีไม่ได้มาแบบคูลๆ สักเท่าไร

  • แพรเริ่มร้องเพลงและลงประกวดตั้งแต่อายุ 7 ขวบ
  • เริ่มโตขึ้นก็เลิกเรียนร้องเพลง แต่หันมาฝึกด้วยตัวเอง
  • เข้ามหาวิทยาลัยมาได้เจอครูสอนร้องเพลงที่รู้ใจ ทำให้เริ่มกลับมาเรียนร้องเพลงจริงจังอีกครั้ง
  • ฟอร์มทีมกับเพื่อนๆ ตระเวนแข่งดนตรี

การได้กลับมาประกวดกับเพื่อนๆ ทำให้แพรแฮปปี เหมือนเป็นจังหวะที่ใช่ ในเวลาที่ใช่ เป็นการกลับมาใหม่ในฐานะนักดนตรีตัวจริง “เป็นนักร้องก็เหมือนกับการเป็นนักดนตรี เราก็อยากทำในสิ่งที่นักดนตรีทำได้เหมือนกัน”

แพร (ร้องนำ)

  โอม (กลอง) – เลนส์ (ทรัมเป็ต) – นน (คีย์บอร์ด)           ดาม (กีตาร์) – พี (กีตาร์) – โฟก (เบส)

“ดนตรีมันคือ… “ชีวิต” โอมพูดโพล่งขึ้นมา แล้วก็ช็อตฟิล นิ่งไป 3 วิ. เหมือนรู้สึกคุ้นๆ ว่าประโยคนี้คือเนื้อร้องของเพลงดังในตำนาน ทำเอาทุกคนหลุดขำกันยกใหญ่ “ใช่ครับ มันคือชีวิต ผมว่ามันคือส่วนหนึ่งของชีวิตเลยแหละ บางทีมันคือการบอกเล่าอารมณ์ของเรา ซึ่งตอบโจทย์กับในอะไรหลายๆ อย่าง”

ทุกโน้ตของวง Airtemp เกิดจากความตั้งใจทำใหม่จากแนวดนตรีที่ทุกคนชอบ ไม่ยึดติด ไม่เลือกอย่างเดียว แต่จะออกแนวหยุมรวมแล้วสวมจิตวิญญาณ จัดจานให้สวยพร้อมเสิร์ฟ

“สมาชิกในวงของเราอาจจะชอบแนวเพลงคล้ายๆ กัน หรือชอบคนละแนว แต่พอเรามารวมตัวกันแล้วเราสามารถทำให้เพลงหนึ่งเกิดขึ้นมาได้ โดยที่ไม่ได้ยึดติดกับคำว่าดนตรีต้องเป็นแบบนี้เท่านั้น การ Re-arrange ของวงเราเลยไม่เหมือนใคร คิดว่าตรงนี้แหละที่เป็นจุดเด่นของวงเรา” โอมเล่าที่มาของแนวเพลงประจำวง

แนวดนตรีของวง Airtemp มีความเป็นเอกลักษณ์ ฟุ้ง ฟังสบายแต่หนักแน่น แอบซ่อนหลากหลายแนวเพลงไว้ในบทเพลงได้ดี “ผมรู้สึกว่าดนตรีคือความหลากหลาย ไม่ได้จำกัดว่าอันนี้คือป็อป อันนี้คือแจ๊ส หรือว่าอะไรคือร็อก ผมว่าถ้าเรียกว่าดนตรีแล้วมันเอามา Mix กันแล้วมัน Match กัน มันเกิดขึ้นได้หลายๆ อย่าง”

ถามเร็วตอบเร็ว กับ (ตัวแทน) วง Airtemp

1 เพลงอกหัก หรือ เพลงแอบรัก?

“ชอบเพลงอกหักมากกว่าครับ ไม่ใช่อกหักบ่อยนะครับ แต่ Mood มันได้ เพลงจะเงียบ ๆ สบาย ๆ ไม่ฉูดฉาดเพราะเพลงเศร้าเราจึงมีอยู่ครับ”

“เรื่องดนตรี..ไม่มีคำว่า “อะไรก็ได้” ช่วงเวลาที่ยากและวุ่นวายที่สุด คือการเลือกเพลงและเรียบเรียงใหม่ ต้องเปลี่ยนเพลงวนไปจนกว่าจังหวะมันจะจึ้ง! “ตอนที่ส่งคลิป พวกเราเปลี่ยนเพลงไปรอบหนึ่ง เพราะเพลงรอบแรกเอาไปทำใหม่ตามสไตล์ของแล้วรู้สึกเลยว่ายากมาก เพลงบางเพลงมีเนื้อหากระชับอยู่แล้ว พอปรับจังหวะใหม่ ก็ต้องมาตัดคำออกเยอะมาก รู้เลยว่ามันยากสู้ไม่ไหว ก็เลยโละเอาใหม่ กว่าจะได้อัดคลิป ได้ส่งคลิป”

 

ความหมายของคำว่า AirTemp ในความคิดของแต่ละคน..

“หมายถึงสายลมที่พัดพวกเราจากต่างที่ต่างถิ่นมารวมกัน”

“วงเราเปรียบเสมือนสายลมที่พัดพาเอาจังหวะหนึ่งไปอีกจังหวะหนึ่งได้
แล้วก็สามารถพัดพาได้กับทุกจังหวะของเพลงเพลงหนึ่งได้เลย”

“เหมือนกับดนตรีที่ดูเยือกเย็น แต่เล่นออกมาแล้วร้อนแรง”

ความหมายของชื่อวงส่วนมาก ออกมาค่อนข้างสุนทรีย์ แต่ใครจะรู้ว่าไอเดียดีๆ ชอบมาจากความงง “ชื่อวงของเรามาจากเราเห็นคอมเพรสเซอร์แอร์ค่ะ” เอ้า งงหงายเงิบไปเลยสิ!

“วันนั้นเป็นวันที่พวกเราเพิ่งฟอร์มวงวันแรกเพื่อที่จะไปแข่งขันรายการหนึ่ง เป็นงานแรกที่เราตกลงจะลงแข่งกัน วันนั้นถ่ายรูปเสร็จแล้วกำลังเตรียมจะส่งสมัคร แต่ยังไม่รู้ว่าชื่อวงชื่ออะไร มือเบสก็เลยชี้ไปที่คอมเพรสเซอร์แอร์ ก็เลยรวมคำว่า Air ที่หมายถึง อากาศ รวมกับคำว่า Temperature ที่แปลว่า อุณหภูมิ”

 

ถามเร็วตอบเร็ว กับ (ตัวแทน) วง Airtemp  (ต่อ)

2 ร้องเพลงจีบ หรือ ส่งเพลงจีบ?

“ส่งเพลงจีบสิครับเท่กว่า เพราะถ้าส่งเพลงเราสามารถส่งได้เรื่อย ๆ และหลากหลาย ไม่ชอบเพลงนี้ก็เปลี่ยนเพลงใหม่ ไม่ชอบแนวไหนก็เปลี่ยนแนว ส่วนถ้าเขาไม่ชอบ เราก็ตื้อต่อได้ครับ ส่งเพลงไปเรื่อย ๆ แต่ถ้าเราร้องเพลงปุ๊บ ถ้าเขาไม่ชอบเสียงเรา คือจบเลยครับ”

 

เป็นที่ 1 มาเสมอ จนมาเจอเวที THE POWER BAND เปลี่ยนชีวิต!

“วงเราได้ที่ 1 ตลอด” โอมเล่าถึงดีกรีของวง Airtemp กับดีกรีความเป็นที่ 1

“วงของเราจะเป็นวงที่จับฉลากได้ที่ 1 เสมอครับ งาน THE POWER BAND เป็นงานแรกที่เราจับฉลากได้วงที่ 2 ผมก็ไม่รู้ว่าวงเราถูกชะตาอะไรกับเลข 1 นะครับ แต่ไม่ว่าจะจับฉลากเวทีไหน หรือใครเป็นคนจับ ก็จะได้เล่นเป็นวงแรกของงานตลอดเลย พอได้วงแรก ระหว่างวันเราก็จะว่างกัน พวกผมก็จะมีงานอดิเรกเป็นการนอนรอผลกันทุกงาน”

จบจากกิจกรรมนอนกลางวัน หลังประกาศผล น้องๆ ก็มีกิจกรรมมื้อเย็นร่วมกันต่อ “ไม่รู้ทำไม แข่งเสร็จเราจะนัดไปกินหมูกระทะกันที่บ้านโอมแบบไม่ได้นัดหมาย บางทีไปแบบกะทันหันมาก จนแม่โอมบ่นว่าเตรียมของไม่ทัน มากันอีกแล้วเหรอ!! (น้ำเสียงรำคาญเต็มทน)” หลังจากนั่งฟังมานาน พีเริ่มอยากร่วมวงเมาท์ พยายามเลียนเสียงของแม่โอม ได้อรรถรสสุดๆ

พอเริ่มสุมไฟได้ที่ เราก็เริ่มถามวีรกรรมของแต่ละคนต่อ..

โอมเล่าต่อว่าความสนิทของวงมีที่มา ไม่ใช่เพราะเวลาที่ได้ซ้อมด้วยกัน แต่มาจากวีรกรรมที่จำไม่ลืม

“เวลามีออกงานเช้า เราจะมารวมตัวกันห้องพักห้องหนึ่งไปเลย เพราะเคยมีเหตุการณ์สมาชิกคนหนึ่งไม่ตื่น คือมาไม่ทันแน่ๆ ตอนนั้นทำอะไรไม่ได้นอกจากทำใจ จากนั้นมาคือนอนรวมกัน แล้วไปพร้อมกันเลย

ดีที่สุด!”

“อย่างพี่นนเนี่ย เป็นนักชงตัวพ่อ เป็นสีสัน เป็นมาสคอตของวง คอยชงมุกให้ตบ เวลาเครียดก็จะมาร้องมาเต้นบ้าๆ ตลกๆ ให้ทุกคนหายเครียด” โอมยังคงครองไมค์ขอเมาท์ต่อเรื่อยๆ “ตอนที่ผมเจอพี่นนครั้งแรก แกดูมีความมาดขรึมอยู่ แต่เวลาแกยิ้มก็คือโลกสดใส ผมชอบรอยยิ้มแกมาก แกก็เป็นคนที่ทำให้พวกเรายิ้มได้ตลอดครับ”

“หูยยยยยยยยยยยยยยยยยยยย!” คำพูดโอมทำเอาทั้งวงโห่ฮิ้วขึ้นมาพร้อมกัน และในส่วนของนนนั้น.. บิดตัว เอาผมทัดหู (แต่นนผมสั้น) ตอบสั้นๆ กับโอมว่า “บ้า!”

ตอนนี้บทสนทนาของเรากลายเป็นการบอกรักผ่านสื่อซะแล้ว..

 

การแข่งขันคือการพบเจอผู้คน

“เราก็น้อมรับและมองเห็นข้อผิดพลาดตามที่กรรมการแนะนำ ตอนซ้อมมากับบนเวทีก็ไม่เต็ม 100 หรอกครับ ไหนจะตื่นเต้น ไหนจะบรรยากาศ แต่ในเรื่องความรู้สึก ความสนุก คือเต็ม 100 เรารับฟังและจะนำไปแก้ไข แล้วในครั้งหน้าเราจะกลับมาแบบเต็มที่มากขึ้นไปอีก อยากให้ลองเดากันเองดีกว่าว่าเราจะมี   เซอร์ไพรส์อะไร แต่ดุเดือดกว่าครั้งนี้แน่นอน”

“ขอบคุณ THE POWER BAND ด้วยนะครับที่เปิดอากาศ เอ่อ.. โอกาส” โอมยังคงโบ๊ะบ๊ะแบบไม่ทิ้งคอนเซปต์วง ขนาดจะทิ้งท้ายยังเล่นมุกให้เข้ากับชื่อวงได้อีก “ขอบคุณที่เปิดโอกาสให้พวกเราได้เข้ามาแสดงศักยภาพ ให้นักดนตรีหน้าใหม่ไฟแรงได้เข้ามาลองโลดแล่นบนเส้นทางของนักดนตรี อยากให้เวที THE POWER BAND จัดขึ้นอีกเรื่อยๆ ทุกปี จะได้มีเวทีหรือพื้นที่ให้ได้แสดงความสามารถกันต่อไปด้วยครับ”

“ตราบใดที่ยังมีเสียงดนตรีอยู่ในหัวใจทุกคน มันก็จะมีเด็กรุ่นใหม่ ๆ มาช่วยกันยกระดับวงการดนตรีไทยไปสู่สากลได้ในสักวันครับ” ถึงจะตลกร้าย แต่ลงท้ายด้วยรัก เล่นเสร็จไม่ต้องเดาว่าไปไหนกันต่อ “ไปกินหมูกระทะที่บ้านโอมครับ!!!”
Author

ณัฏฐาประภา สถาปนาชัย

Author

หญิงสาวผู้หลงใหลช่วงชีวิตในทุ่งลาเวนเดอร์ เสียงคลื่น และการตื่นมากินกาแฟตอนเช้า บทความของเธอเกิดจากเวทมนต์ และนานทีปีหนเธอจะหนีไปใช้ชีวิตใต้ทะเล

Author

อำพน จันทร์ศิริศรี

Photographer

ช่างภาพอิสระมากว่า 30 ปี...ที่คร่ำหวอดกับการถ่ายภาพรายการทีวีต่างๆ เช่น The Voice, The Rapper, The Stars Idol เป็นต้น และถ่ายภาพคอนเสิร์ตต่างๆ