“จำไม่ได้ก็ซ้อมจนมันเข้า Cerebrum (ซีรีบรัม) ไปเลย พอพูดแบบนี้กันบ่อยๆ กลายเป็นเล่นพลาดน้อยลง พอจะตั้งชื่อวง งั้นก็เอาชื่อนี้เลยละกัน” พู่ พี่ใหญ่ของวงเล่าให้ฟังเมื่อเราถามว่าชื่อวงมีที่มาที่ไปอย่างไร Thaipower.co เชื่อมั่นว่าบทสนทนาที่เต็มไปด้วยประสบการณ์บนเวที (กับก่อนและหลังขึ้นเวที) ของพวกเขาจะถ่ายทอดพลังให้กับคนที่กำลังเตรียมตัวมาสมัครแข่งขัน THE POWER BAND 2023 Season 3 ภายใต้คอนเซปต์ “THE POWER OF POSSIBILITIES ชีวิตไม่หยุดค้นหาความเป็นไปได้” นี้ได้ไม่มากก็น้อย
แม้ว่าการเดินทางกว่า 200 กิโลเมตร ของ 5 คนดนตรีมือสมัครเล่นจากโรงเรียนสตรีประเสริฐศิลป์ จังหวัดตราด พู่ – ไมกิ ดันเร มูยาโน (เบส) เบสท์ – ศุภวิชญ์ เจริญสุข (กลองชุด) เบลล่า – แองเจเลีย อีซาเบล มูยาโน (ร้องนำ) เนย – ภัททิยา เจริญกิจ (คีย์บอร์ด) และ สตางค์ – ภัทร รังษีกูล (กีตาร์) เพื่อคว้าฝันใหญ่บนเวทีการแข่งขัน THE POWER BAND 2022 Season 2 ที่ผ่านมา ซึ่งเป็นการประกวดวงดนตรีสากล จัดโดยวิทยาลัยดุริยางคศิลป์ มหาวิทยาลัยมหิดล ร่วมกับ คิง เพาเวอร์ ไทย เพาเวอร์ พลังคนไทย ที่สนามชลบุรีของพวกเขาจะพลาดเข้าสู่รอบชิงชนะเลิศ แต่เชื่อหรือไม่ว่า การแสดงบนเวทีของเด็กมัธยมที่ดูจะธรรมดาๆ กลับเป็นที่จดจำ…แบบฝังเข้าไปใน Cerebrum ของเราจนถึงวันนี้
บเป็นเรื่องปกติที่วงเปิดเวทีจะมีความประหม่าและแสดงบาดแผลให้เห็นเป็นระยะ แต่วง Cerebrum แทบจะไม่เผยบาดแผลใดๆ ให้กรรมการเห็น พวกเขาเปิดโชว์ได้ราวกับนี่คือเวทีของพวกเขา และแสดงราวกับว่ามันไม่ใช่เวทีแรก….แต่…ใช่แล้ว! นั่นเป็นเวทีใหญ่เวทีแรกของพวกเขา
“คิดว่านี่คือเวทีของเรา พอเสียงดนตรีขึ้น ก็ไม่คิดอะไรแล้ว” สตางค์ มือกีตาร์สุดเท่เริ่มต้นคุยให้เราฟัง
เธอคิดเหมือนกันหรือเปล่า?
รวมตัวกันได้อย่างไร? คำถามทลายกำแพงระหว่างเราและ 5 คนดนตรีรุ่นจิ๋ว โดยมี พู่ มือเบสพี่ใหญ่ของวงและยังเป็นพี่ชายของ เบลล่า นักร้องนำไซซ์จิ๋ว ผู้เป็นน้องเล็กของวงบอกว่า ตัวเขาเองฝันอยากขึ้นแสดงบนเวทีใหญ่มานานแล้ว ทั้งยังเป็นนักดนตรีประจำโรงเรียน และมีเบสท์ (กลอง) กับ สตางค์ (กีตาร์) อยู่วงเดียวกัน พอเห็นว่าเวทีประกวดก็เลยชวนน้องสาวและเนย (คีย์บอร์ด) มาร่วมวงกัน
“ผมถามทุกคนว่ามีความฝันหรือเปล่า? รักเสียงดนตรีใช่ไหม? ทุกคนคิดเหมือนกัน เลยเป็นการวมตัวกันง่ายๆ แบบนี้เลยครับ” พู่ ยังเล่าต่อว่า ที่ชวนเบลล่า (ร้องนำ) มารวมวงด้วยกันเพราะเห็นน้องของตัวเองมีพรสวรรค์ และอยากให้เธอได้มีประสบการณ์บนเวทีใหญ่ๆ แบบนี้
“ผมเป็นคนมีมาตรฐานสูงครับ ทุกอย่างต้องเต็มที่ ไหนๆ เป็นคนชวนทุกคนแล้วก็รับหน้าที่เป็นคนดูแลทุกอย่าง ตั้งแต่เลือกเพลง เรียบเรียงดนตรีให้เพื่อนๆ และผมจะรู้ว่าเบลล่าเสียงเหมาะกับคีย์ไหน ส่วนท่อนโซโลก็อยากให้ทุกคนในวงได้มีส่วนร่วมด้วย เพราะอยากให้เข้ากับสไตล์ของตัวเขาเองด้วย”
เบสท์ เสริมว่า ที่ตกลงมาประกวดเพราะเห็นว่าเป็นเวทีแรกของพวกเราทุกคน “ถึงพวกเราจะเคยขึ้นเวทีใหญ่แต่นั่นเป็นแค่การแสดงครับ เวทีนี้คือการแข่งขัน ถ้าพลาดคือตกรอบ คนอื่นคิดยังไงไม่รู้นะ แต่ผมตื่นเต้นมากๆ คนดูเยอะมากเต็มหอประชุมเลย ดีนะผมอยู่ข้างหลัง (หัวเราะ)
เนย บอกว่า เธอเองก็มีความฝันอยากทำวงดนตรี เวลาเห็นศิลปินที่ชอบบนเวทีก็ฝันอยากเห็นตัวเองขึ้นไปยืนบนนั้นบ้าง แต่ก่อนที่เธอจะมายืนประจำตำแหน่งคีย์บอร์ด เนยเคยจับไมค์ในฐานะนักร้องและลองเล่นกีตาร์มาแล้ว ก่อนจะค้นพบว่าคีย์บอร์ดเหมาะกับตัวเองที่สุด “จริงๆ ก็อยากเป็นนักร้องนะคะ แต่คงต้องซ้อมอีกเยอะเลย”
ส่วนสตางค์ สาวลุคเท่ที่ดูภายนอกเหมือนจะมาพร้อมความมั่นใจ แต่เธอบอกว่า “สั่นมากเลยค่ะ ตอนแรกกลัวทำไม่ได้ ลังเลนิดหน่อยตอนพี่พู่มาชวนเพราะเป็นเวทีใหญ่ แต่พอเห็นทุกคนกล้าเราก็ต้องกล้าไปด้วย และตลอดเวลาที่อยู่ด้วยกันทุกคนซัปพอร์ตกันดีมากๆ”
เมื่อถาม เบลล่า นักร้องนำ น้องเล็กของวงว่าอะไรทำให้เธอตกปากรับคำชวนจากพี่ชาย เธอบอกว่า “อยากเป็นศิลปินค่ะ อยากยืนร้องเพลงบนเวที เบลล่าจะคล้ายกับพี่เนย คือเล่นดนตรีได้หลายอย่าง เล่นฟลูตได้ ก็เลยเอามาใช้ตอนประกวดด้วย กีตาร์ก็ได้ แต่ชอบร้องเพลงที่สุด”
Suggestion
เวลาที่มาเจอกันสำคัญที่สุด
เรื่องเวลาซ้อมก็เป็นปัญหาของวงนี้ เพราะถึงจะอยู่โรงเรียนเดียวกัน แต่เรียนกันคนละชั้น กิจกรรมที่แต่ละคนต้องทำก็เยอะ ทำให้เวลาซ้อมเหลือน้อยลงทุกที แต่พู่บอกว่า เพราะเวลามีน้อยทำให้เราต้องใช้เวลาที่ได้มารวมตัวกันให้คุ้มค่าที่สุด
“ทุกคนมีความฝันและมีความสามารถมากๆ และเราก็ตั้งใจกันมาก เรียนด้วย หาเวลาซ้อมด้วย ต้องเหนื่อยแน่นอนครับ แต่ก็ไม่เห็นมีใครบ่นและยอมแพ้เลย ยิ่งทำให้ผมมั่นใจว่าเราจะต้องเป็นทีมเวิร์กที่ดี” พู่บอก
พวกเขาเล่าว่า พู่จะทำหน้าที่จัดแจงว่าเวลารวมวงต้องซ้อมอะไรก่อนหรือหลัง และเวลาไปซ้อมส่วนตัว ใครควรจะเน้นเรื่องไหนเป็นพิเศษ และเวลาซ้อมครบทีมจะคิดเสมอว่า นี้คือการขึ้นเวทีจริง
ทว่า…ภายใต้ความเอาจริงและซ้อมบ่อยกันจังแบบที่พวกเขาบอก พอถามว่ามีอะไรเหมือนกันจนทำให้มองตาก็รู้ใจ พวกเขาตอบพร้อมกันว่า “เพี้ยน! (หัวเราะ)” พวกเขายอมรับว่า ประสบการณ์ของวงยังน้อย เพราะเพิ่งมารวมตัวกันได้ไม่นาน ดังนั้นเรื่องฝีมือคงต้องฝึกปรือกันอีกเยอะ ถ้าการประกวดครั้งนี้จะไปไม่ถึงฝั่งฝันก็ยอมรับได้ เพราะทุกคนคิดเหมือนกัน คือต้องการลงแข่งเพื่อหาประสบการณ์
เคล็ดวิชาปลุกความกล้าแบบ Cerebrum
สตางค์: “คิดแล้วทำเลย เป็นคนไม่เคยขัดความฝันตัวเอง หมายถึงถ้าฝันว่าจะเป็น อะไรทำให้เราเป็นได้ก็จะทำทันที โอกาสดีๆ ไม่ได้มีบ่อยๆ”
พู่: “ซ้อมให้เต็มที่ และบนเวทีก็แค่สนุก นี่คือสิ่งที่ผมคิดครับ ทำไปก่อน ลุยไปเลย ไม่ใช่ว่าพวกเราไม่กลัวนะ ทุกคนมีความกลัว แต่ถึงจะกลัวมันก็ต้องทำครับ ถ้าไม่ทำมันก็ไม่มีทางรู้ว่าสิ่งที่เราฝันจะเป็นจริงหรือเปล่า”
เบสท์: “ก็แค่ซ้อมจนชิน ซ้อมจนเข้า Cerebrum พอขึ้นเวทีความกังวลมันก็หายไปเยอะเลยครับ อย่างน้อยๆ ก็ไม่ต้องกลัวว่าจะเล่นผิดคีย์เพราะผมมั่นใจว่าซ้อมมาดี”
เบลล่า: “คิดคล้ายกับพี่ๆ เลยค่ะ ตั้งใจซ้อมเยอะๆ เวลาอยู่บนเวทีจะได้ไม่ต้องกังวล และอาจเพราะเราเด็กสุดในวงด้วยเลยรู้สึกอุ่นใจเวลาอยู่บนเวทีกับพี่ๆ ลึกๆ ก็คิดว่าตัวเองเริ่มต้นเร็วก็ดีนะ ผิดพลาดก็มีเวลาปรับปรุงอีกตั้งเยอะ พอคิดแบบนี้ก็เลยกล้ามากขึ้น
เนย: “เราน่าจะเป็นคนเดียวในวงที่กลัวเล่นผิดบ่อยมากๆ ถ้ารู้ว่าทำไม่ดีก็ตีมือตัวเองเลยค่ะ (หัวเราะ) เอาให้จำ แต่ถ้าถามว่าอะไรทำให้เรากล้า ก็คงเพราะได้อยู่กับเพื่อนๆ ในวงค่ะ ความกล้าน่าจะส่งมาถึงเรา”
ถึงวันนี้ Cerebrum จะไม่ผ่านเข้ารอบ แต่คอมเมนต์จากคณะกรรมการก็เป็นสัญญาณที่ดีว่าพวกเขาทำให้คณะกรรมการจดจำ ไม่แน่อาจจะได้เห็นพวกเขาลงชิงชัยใน THE POWER BAND 2023 Season 3 ก็เป็นได้
“ไม่เสียใจเลยครับ เพราะเราตั้งใจมาหาประสบการณ์ สิ่งที่คณะกรรมการคอมเมนต์ทำให้พวกเราเห็นว่าอะไรคือจุดอ่อนของทีม อะไรยังต้องปรับปรุง ถ้าไม่ได้มาแข่งเราก็คงไม่รู้ อาจจะคิดว่าพวกเราก็เจ๋งอยู่แล้ว และคงไม่มีไฟในการซ้อมขนาดนี้” เบสท์กล่าวทิ้งท้าย