นาทีนี้ถ้าถามถึงศิลปินที่น่าจับตามองของวงการเพลงไทย หนึ่งในชื่อที่ปรากฏเป็นลำดับแรกๆ ต้องเป็น เจฟ – วรกมล ซาเตอร์ (Jeff Satur) ศิลปินหนุ่มหน้าใหม่ของ เวย์เฟอร์ เรคอร์ดส (Wayfer Records) ภายใต้ชายคาค่ายเพลงระดับโลก วอร์นเนอร์ มิวสิก ไทยแลนด์ (Warner Music Thailand) และที่สนามจังหวัดขอนแก่น เวทีแรกเปิดประเดิมรอบแสดงสดของ THE POWER BAND 2022 SEASON 2 ซึ่งจัดโดยวิทยาลัยดุริยางคศิลป์ มหาวิทยาลัยมหิดล ร่วมกับ คิง เพาเวอร์ ไทย เพาเวอร์ พลังคนไทย เจฟคือหนึ่งในบรรดาหลายๆ ศิลปินที่ร่วมผลักดันแรงบันดาลใจให้กับผู้เข้าประกวดด้วยคอนเซปต์ “กล้าฝัน กล้าทำ” แน่นอนว่าเขาได้รับเสียงกรี๊ดต้อนรับจากแฟนเพลงบนเวทีนั้นอย่างท่วมท้นถล่มทลาย
เรียกได้ว่าเขาคือชายหนุ่มผู้มีความสามารถรอบด้าน ไม่เพียงแค่จับไมค์โดดเด่นอยู่เบื้องหน้าท่ามกลางแสงสปอตไลต์ แต่งานหนักในแบบฉบับของคนเบื้องหลังเจฟก็สู้ไม่ถอย ทั้งแต่งเพลง สร้างสรรค์ดนตรี ไปจนถึงรับหน้าที่เป็นโปรดิวเซอร์ และอีกหลายหน้าที่ที่เขามีส่วนร่วมในการสร้างสรรค์ผลงานเพลง
ที่ว่ามาทั้งหมดคือ การสะสมแรงบันดาลใจ ประสบการณ์ และทุกเรื่องราวบนถนนสายบันเทิง ตั้งแต่ปีพ.ศ. 2558 ไม่ว่าจะเป็นการร้องเพลงที่อัดแน่นอารมณ์มาเต็ม เทคนิคที่หลากหลาย ท่วงทำนองของดนตรี เนื้อหาของเพลง รวมไปถึงภาพลักษณ์ของเขา มาพร้อมกับทัศนคติ “No boundaries” ที่สะท้อนจากตัวตนที่เติบโตขึ้น ว่าเพลงคือภาษาสากล ที่ไม่ควรมาจำกัดว่าเป็นเพลงแนวไหนประเภทใด เมื่อไม่มีกรอบ ไม่มีข้อจำกัดให้ยึดติด จึงเท่ากับเป็นการเปิดพื้นที่สร้างสรรค์อย่างไร้ที่สิ้นสุด”
“สำหรับเจฟแฟนเพลงคือ ครอบครัว
give and take ในวันที่เราแย่…เขาช่วยเรา
ในขณะที่ในวันที่เขาแย่ เราช่วยเขา
ไม่ได้ต้องร้องขออะไร แค่อยู่ด้วยกันก็มีความสุขแล้ว”
วรกมล ซาเตอร์ ศิลปิน Jeff Sature
INTRO
เพลงนี้ที่รัก มีจุดเริ่มต้นที่ถอยไปเกือบ 10 ปี
“ตอนเด็กๆ ผมเป็นเด็กหลังห้องฮะ เรียนหนังสือไม่เก่งเลยได้ 0.91 มาตลอด แต่ผมเฟรนด์ลี่กับทุกคนนะ ทั้งคุณครูทั้งเพื่อนๆ มีกิจกรรมอะไรผมก็ทำ เล่นกีตาร์ รวมวงเล่นดนตรีกับเพื่อนๆ บนเวทีที่งานต่างๆ อย่างกีฬาสี จำได้ว่าเคยมีครั้งหนึ่ง เพื่อนที่เป็นมือกลอง จู่ๆ เขาก็ไม่กล้าขึ้นเวที คือเขากลัว แต่ผมอยากเล่นมากเลยร้องไห้ แล้วเพื่อนก็เลยกลับมาเล่น”
ไม่เชื่อก็ต้องเชื่อว่าเจ้าของเพลงผู้ไม่ยึดติดกับแนวเพลงใดๆ เจ้าของการถ่ายทอดอารมณ์และความรู้สึกผ่านบทเพลงอย่างลึกล้ำคนนี้ มีศิลปินขาร็อกหนักๆ เป็นไอดอล
“เจฟเริ่มที่แนวเมทัล อย่างวง Slipknot วง Linkin Park ในช่วงม.ต้น ดูวง X-Japan เล่น แล้วรู้สึกว่าเขาเท่มาก มีพลังมาก คอนเน็กคนที่ไม่รู้จักกันเลยมาร่วมร้องเพลงเดียวกันได้ ผมรู้สึกอยากจะเป็นคนที่อยู่ตรงนั้น เลยเริ่มร้องเพลง เขียนเพลงให้ได้แบบนั้นบ้าง ความเป็น X-Japan อยู่ระหว่างแนวเมทัล คลาสสิคอล ร็อก ไม่ใช่แค่แนวดนตรี แต่รวมถึงการแต่งตัวของเขาด้วย ไม่ได้ฟิกซ์ว่าต้องใส่กางเกง เขาใส่กระโปรงแต่งหน้าแบบผู้หญิง แล้วจะทำไมล่ะ”
VERSE 1
เมื่อพบว่าเพลงคือเป้าหมายใหญ่ในใจเจฟ การลงมือสร้างสรรค์เพลงจึงเริ่มต้นขึ้นตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา เขายังอธิบายถึงตัวตนและผลงานเพลงเพิ่มเติมยามที่คนสงสัยว่า…
“เจฟเป็นศิลปินที่ไม่มี boundaries ในการทำงาน…รักอิสระ แต่เป็นคนย้อนแย้งประมาณหนึ่ง อินโทรเวิร์ท(มีโลกส่วนตัวสูง) แต่ก็รู้ว่าตอนไหนต้องเปิด…แบบเอ็กซโทรเวิร์ท เก็บตัวเองไว้ในกฎเกณฑ์ที่ตัวเองสร้างขึ้นมาประมาณหนึ่ง แต่ก็อยากจะเบรกออกไปทำอะไรที่ไม่ตามแบบแผนที่เคยเป็นมา ผมว่าแบบแผนมันจำกัดจินตนาการ
ไม่มีคำจำกัดความ ดนตรีของผม… “No boundaries” หมายถึง ไม่ได้เป็นแนวเดิมๆ ต่างออกไปจากเดิม แต่มีสิ่งที่เชื่อมโยงกันไว้ คือเสียงผมเอง คือตัวตนของเรายังอยู่ในนั้น เราเขียนเนื้อ เราทำดนตรี เราเป็นส่วนหนึ่งในนั้น เพราะฉะนั้นมันจะมีอะไรที่เชื่อมโยงไว้อยู่เสมอ แค่ไม่ได้เหมือนกับเพลงแบบเดิมๆ เท่านั้นเอง ดังนั้น 4 เพลงที่ปล่อยออกมาให้ฟังจะไม่เหมือนกันเลย” อย่าง ซิงเกิลแรก “Highway” ที่เปิดตัวตนและดนตรีไร้ข้อจำกัดของ เจฟ ซาเตอร์ ให้ทุกคนได้สัมผัส ต่อเนื่องมาด้วยซิงเกิล “ทำไมมันยาก” และ “วันนี้คือพรุ่งนี้ของเมื่อวาน” ที่ปล่อยมาเพื่อย้ำถึงความสามารถในการสร้างสรรค์งานเพลงที่ลงลายเซ็นไว้ชัดเจน และล่าสุดกับซิงเกิลลำดับที่สี่คือ “แค่เงา” (Hide) ที่แสดงศักยภาพในตัวเขาออกมาได้มากขึ้น
“แรงบันดาลใจในการแต่งเพลง คือใช้ทุกอย่างได้หมดเลย อย่างล่าสุดที่ผมแต่งเพลงเพื่อใช้ในละครเวที ผมใช้ความเป็นตัวละครของ “แดน” มาเป็นคนเขียนเพลงนี้ให้กับคนรักในเรื่อง ผมก็จะใช้ความเป็นเขาในการเขียน บางทีผมก็เอามาจากเรื่องของเพื่อน แต่สุดท้ายพอมาตกตะกอนที่ตัวเรา เราก็รู้ว่าจะต้องเขียนอะไร และแต่ละเพลงสะท้อนความเป็นตัวเราในมิติที่ต่างกัน”
VERSE 2
เจฟเคยไปประกวดรายการมาสเตอร์คีย์เวที เป็นแจ้งเกิด
จากนั้นก็ประกวดรายการอื่นๆ อีก ก่อนจะเป็นศิลปินฝึกหัด และยังมีย้ายค่ายอีก 2- 3 ครั้ง เมื่อทุกครั้งที่ย้ายค่าย เจฟไปพร้อมกับความหวัง เขาสร้างงานเพลงที่ดังจนเริ่มเป็นที่รู้จัก แต่ความเป็นนักร้องของเจฟกลับเป็นสมการผกผัน มีหลายครั้งที่เขากลายเป็นนักร้องที่ไม่มีใครรู้จัก “ผมเคยไปโชว์ครั้งหนึ่งในห้างที่สระบุรี หน้าเวทีไม่มีใครมาดูเลย ไม่มีใครมาโฟกัสที่เราเลย มีแค่พ่อกับแม่ที่เอาดอกไม้มาเชียร์ที่หน้าเวที” นั่นคือจุดสิ้นสุดที่ทำให้เขายกธงขาว จากลาความเป็นนักร้องไปหลายปี มุ่งหน้าสู่การศึกษาจนจบปริญญาตรี สาขาการเงิน จบด้วยเกรดเฉลี่ย 3.60 เรียกว่าวงการเพลงเกือบสูญเสียนักร้องเสียงดีมีคุณภาพไปแล้ว
“มันไม่ได้รันทดขนาดนั้น คงเหมือนกับที่ผมเคยให้สัมภาษณ์ไว้ว่า นั่นเป็นเหตุการณ์แย่ๆ เหตุการณ์หนึ่งที่พาเรามาอยู่ตรงนี้ ไม่ได้มาเป็นปมในใจ ตอนนั้นผมอาจจะไม่กล้าขึ้นร้องสด เพราะคิดว่าคงไม่มีใครมาดู คงไม่มีใครร้องตามเพลงเราได้ เขาไม่รู้จักเราด้วยซ้ำ เลยมีความคิดว่าถึงเราทำเพลงต่อไปก็คงเหมือนเดิมไปเรื่อยๆ เลยรู้สึกไม่อยากจะทำเพลงต่อแล้ว ซึ่งมันแย่สำหรับการเป็นศิลปิน”
ท่อนฮุก
ชีวิตที่กระจัดกระจาย กลับมาประกอบร่างอีกครั้งในวันนี้
วันที่เขาพร้อมจะให้ทุกคนทำความเข้าใจมากขึ้น
“ผมเพิ่งจะตกผลึกตอนนี้ครับ (หัวเราะ) บางทีการให้สัมภาษณ์อยู่เรื่อยๆ แบบนี้มันก็ได้สอนเรา ให้มานั่งรีไวส์ตัวเองไปกับสิ่งที่เกิดขึ้น เราจะได้เข้าใจตัวเองมากขึ้นในทุกๆ การสัมภาษณ์ ซึ่งมันคือสิ่งที่อยู่ข้างในแหละ แต่เราไม่ได้พูดออกมา คือไม่รู้ว่ามันจะตกตะกอนเมื่อไหร่” สุดท้ายแล้วความเป็นศิลปินก็คือศิลปิน เราเป็นสี่เหลี่ยมที่พยายามจะยัดลงไปในวงกลม มันยัดลงไปไม่ได้ เพราะเป็นคนละพิมพ์กัน เราเปลี่ยนแปลงตัวเองไม่ได้ ต่อให้เราเลิกร้องเพลงไป เราก็ยังเป็นคนแบบนี้ ยังอินสไปร์แบบนี้ มาเขียนลงในอะไรสักอย่างอยู่ดี เราหนีความเป็นเราไม่ได้ ต่อให้คุณไม่ได้เป็นนักร้องที่ร้องเพลงแล้วก็ตาม ความเป็นศิลปินยังคงอยู่เหมือนเดิม สุดท้ายแล้ว ก็ทำเลยสิ ทำต่อไป”
3-2-1 ACTION!
ซีรีส์วาย แนว แอ็กชัน KinnPorsche The Series (คินน์ พอร์ช เดอะซีรีส์)
จุดชนวนความปังให้เจฟเป็นการกลับมาโลดแล่นในวงการบันเทิงอีกครั้ง
“การได้ร่วมงานกับนักแสดงทุกคน บอกเลยว่า รู้สึกแฮปปี้มากครับ ด้วยความที่เราต่างก็ใหม่กับงานส่วนนี้ พอมาออกกอง เหมือนได้แลกเปลี่ยน มาเติมเต็มกัน ทำให้บรรยากาศการทำงานสนุกมาก เหมือนได้มาแลกเปลี่ยนเอเนอร์จี ได้เห็นในสิ่งที่เราไม่เคยเห็น ผมเองได้เรียนรู้อะไรหลายๆ อย่าง เช่น มุมมองความรัก ผ่านตัวละครคิม” นอกจากนั้นเขายังเคยฝากฝีมือการแสดงไว้ในซีรีส์หลายเรื่อง จนคว้าตำแหน่ง “Rising Foreign Coupled of the Year 2020” จากงาน Voice Point 2021 ของประเทศฟิลิปปินส์ รวมถึงตำแหน่ง GQ Popular Vote 2021 มาครองด้วย
“จริงๆ แล้ว category เหล่านี้ คือร้องเพลง เขียนเพลง แสดง เขียนหนังสือ เขียนบล็อก… ก็คือการเล่าเรื่อง ผมชอบเรื่องราว…เป็นแฟนเรื่องราว เพราะผมชอบอ่านหนังสือมาตั้งแต่เด็ก เลยอยากเป็นคนที่จะถ่ายทอดออกมาบ้าง ไม่ใช่เป็นแค่คนเสพอย่างเดียว เจฟรู้สึกว่า บางประโยค บางคำในหนังสือ ในเนื้อเพลง มันเปลี่ยนชีวิตคนได้ได้เลย ถ้าเราอ่านหรือฟังมันจริงๆ เหมือนที่ผมอ่านหนังสือเรื่องปลาที่ว่ายในสนามฟุตบอลเขียนโดย คุณวินทร์ เลียววาริณ เนื้อหาของหนังสือมันเปลี่ยนชีวิตเจฟจากนั้นมา…แบบคอมพลีตลีวิธีคิดให้เปลี่ยนไปหมดเลย ทำให้เราตื่น…กล้าตั้งคำถาม แม้ว่าบางเรื่องอาจจะเป็นสิ่งที่เราถูกฝังหัวมาตั้งแต่เด็ก แต่เราก็ยังกล้าจะตั้งคำถาม ซึ่งเป็นสิ่งที่สำคัญมาก เพราะถ้าสมมติเราไม่ตั้งคำถาม เราจะติดอยู่ตรงจุดเดิม… มนุษย์ก็จะยังคงใช้ไฟ ใช้หินล่าเนื้ออยู่ตามเดิม แต่เฮ้ย เราตั้งคำถามได้นี่หว่า ถึงจะไม่ใช่สิ่งที่คนเขาตั้งคำถามกัน…ไม่ผิดนี่หว่า เพราะฉะนั้นผมเชื่อว่า หนังสือบางเล่มมันเปลี่ยนคนได้จริงๆ”
เมื่องานแสดงทำท่าจะแซงงานเพลง จึงไม่แปลกใจว่าแฟนคลับที่หลงใหลในน้ำเสียงที่มีเสน่ห์และสไตล์การร้องที่โดดเด่น จะตั้งคำถามด้วยความกังวลว่าเขาจะมุ่งหน้าสู่การเป็นนักแสดงอย่างเต็มตัวกว่านี้หรือไม่
“เราเลือกเอางานที่อยากทำจริงๆ มากกว่า ไม่ได้ว่า อะ ร้องเพลง 50% เราเลือกตามความรู้สึกว่าเราชอบหรือเปล่า ส่วนมากบทบาทที่เจฟได้แสดงจะเป็นศิลปินหมดเลย เรื่องแรกก็นักเรียนที่อยากเป็นนักดนตรี เรื่องที่สองก็นักดนตรีที่ทำตามความฝัน เรื่องที่สามถึงจะเป็นลูกมาเฟียแต่มีความเป็นศิลปิน เพราะชอบเล่นกีตาร์ พอมาถึงละครเวทีได้เล่นเป็นนักเขียน เลยอยากลองเล่นอะไรที่มันฉีกออกจากตัวเองบ้าง เช่น ฆาตกรโรคจิต ความเป็น Horror จิตวิทยามากๆ หรือเป็นนักสืบ เป็นตำรวจ…บทที่มันฉีกออกไปไกลๆ ตัวเองเลย หรืออาจจะเป็นชาวนาที่อยู่ต่างจังหวัด บทที่ห่างไกลเรามาก จะน่าสนใจมากๆ เพราะบางครั้งเมื่อเราเข้าไปอยู่ในบท มันอินสไปร์ให้ตัวเราได้รู้ว่า ตัวละครเหล่านี้ คนแบบนี้ เขาใช้ชีวิตแบบไหน มีความคิดแบบไหน แล้วมันยังกลับมาอินสไปร์ให้เราทำเพลงได้อีก
แรงบันดาลใจเหล่านี้
คือพลังที่ส่งให้เจฟขึ้นเวทีพร้อมพลังบวก
“การขึ้นเวทีทุกครั้ง คือการมอบ inspiration ให้คนอื่น การเขียนบล็อกก็มอบแรงบันดาลใจให้คนอื่น บางคนฟีดแบ็กกลับมาว่า เขากลับมาทำตามความฝันได้เพราะเรา เขากำลังจะฆ่าตัวตาย แต่เราหยุดเขาให้กลับมาได้ สำหรับเจฟ นั่นคือ Meaning of Life คนเดี๋ยวนี้ชอบบอกว่าตัวเองไม่ดีพอ เจฟอยากให้คิดอยู่เสมอ พูดอยู่เสมอว่าเราดีพอ เจฟเองก็พูดกับตัวเองแบบนี้ คิดแบบนี้ทุกวัน ให้เราเอนจอยกับชีวิตมากขึ้น ชีวิตคนเรามันไม่ได้มีแค่คำตอบเดียว มัน No Boundary
“สำหรับเจฟแฟนเพลงคือครอบครัว give and take ในวันที่เราแย่…เขาช่วยเรา ในขณะที่ในวันที่เขาแย่ เราช่วยเขา ไม่ได้ต้องร้องขออะไรจากเขา แค่อยู่ด้วยกันก็มีความสุขแล้ว แค่ได้เจอกันตามงาน สื่อสารกันผ่านโซเชียลมีเดีย ครอบครัวเจฟแค่นี้ก็พอ อยากไปเจอครอบครัวของเจฟรอบโลกเลย”
ติดตามเจฟได้ทางช่องทางเหล่านี้ของเขา
Twitter: JEFFSATUR
Instagram: JEFFSATUR
TikTok: JEFFSATUR
เจฟเป็น…ลูกครึ่งไทย-อังกฤษ เป็นนักร้องไทย
นิสัยประจำตัว…ทั้ง introvert และ extrovert ในคนเดียว
สีที่ชอบ…สีเหลือง (ของไข่ทอดที่หนูสองตัวปรุงเป็นขนมให้สัตว์ในป่าจากนิทานเรื่องกุริกับกุระ โดยริเอโกะ นาคางาวะที่คุณแม่เคยอ่านให้เจฟฟังตอนอนุบาล)
แนวหนังที่ชอบ…หนังผี หนังสยองขวัญ
คำพูดติดปาก… “ไม่เป็นไร เข้าใจ” “It’s a miracle”
สิ่งที่ต้องชอป (แบบที่ไม่ซื้อไม่ได้)…เสื้อผ้าดีๆ
สิ่งที่คนไม่รู้…ทำเพจเขียนข้อความให้แรงบันดาลใจคนอื่น เพราะชอบ “เขียน”
โมเมนต์ดีที่สุด…ได้ร้องเพลง ได้แต่งเพลง สำหรับเจฟคือดีที่สุดแล้ว