ถ้าได้ยินแค่เสียง คุณอาจจะคิดว่า “โค้ชไมเคิล” คือ คนไทยคนหนึ่ง เพราะภาษาไทยของเขานั้นชัดเจนมาก!
“ไมเคิล โธมัส เบิร์น (Michael Thomas Byrne)” อดีตนักฟุตบอลเยาวชนทีมชาติเวลส์และหนึ่งในนักฟุตบอลต่างชาติที่ดีที่สุดของไทยลีก เขาจากบ้านที่เมืองแมนเชสเตอร์ ประเทศอังกฤษ เดินทางมาไทยเมื่อเกือบ 14 ปีที่แล้ว
พร้อมกับการเริ่มต้นงานในฟุตบอลลีกสูงสุดของประเทศไทย ไมเคิลได้เรียนรู้ภาษาและวัฒนธรรม โดยมีห้องแต่งตัวนักกีฬาเป็นห้องเรียน และมีเพื่อนร่วมทีมฟุตบอลเป็นครู
หลังจากโลดแล่นบนสนามไทยลีกนานเกือบ 10 ปี ไมเคิลตัดสินใจกลับไปอังกฤษ และ 5 ปี ต่อมาเมื่อได้กลับคืนสู่ “บ้านหลังที่สอง” อีกครั้ง ภาษาไทยของเขาก็ยังคงใช้ได้อย่างคล่องแคล่ว
“อยากเห็นสักคนหนึ่งติดทีมชาติ …อยากให้เด็กๆ มีความสุขในการเล่นฟุตบอล”
ไมเคิล โธมัส เบิร์น
ก่อนหน้าที่จะหวนคืนสู่เมืองไทย ไมเคิล เบิร์น เคยพูดคุยกับเพื่อนรัก – จักรพันธ์ พรใส อดีตนักกีฬาทีมชาติไทย เรื่องการสร้างโรงเรียนสอนฟุตบอล
และในปี 2565 “ไรส์ซิง สตาร์ ฟุตบอล อคาเดมี สุพรรณบุรี” จึงถือกำเนิด โดยมีมูลนิธิก้าวคนละก้าว รวมทั้ง อาทิวราห์ คงมาลัย (ตูน บอดี้สแลม) ร่วมสนับสนุน เพื่อให้โอกาสเด็กๆ ในพื้นที่จังหวัดสุพรรณบุรีได้ฝึกอบรมและพัฒนาทักษะฟุตบอลโดยไม่มีค่าใช้จ่ายใดๆ
ภายใต้การดูแลของผู้ฝึกสอนที่มีดีกรีเป็นนักฟุตบอลไทยลีกและทีมชาติ เด็กๆ ของ ไรส์ซิง สตาร์ ฟุตบอล อคาเดมี สุพรรณบุรี ทั้ง 125 คน ซึ่งมีอายุระหว่าง 4 – 16 ปี ได้เรียนรู้เรื่องฟุตบอลอย่างเป็นระบบ “และเราไม่ได้สอนแค่ฟุตบอล”
โค้ชไมเคิล เล่าถึงความพยายามในการผสมผสานข้อดีของระบบแบบไทยและอังกฤษเข้าด้วยกัน รวมไปถึงหน้าที่ในการสร้างเด็กที่มีมารยาทและมีวินัย
“เรามีเป้าหมายที่จะสร้างมายด์เซต (Mindset – กรอบความคิดหรือทัศนคติทางจิตใจ) ที่ดี พยายามให้เด็กเรียนรู้ว่า ถ้ามีมายด์เซตที่ดี เราสามารถจะทำได้ทุกอย่าง ไม่ใช่แค่เรื่องฟุตบอลอย่างเดียว ถ้าอยู่ในเกม เราพยายามทำให้เด็กคิดในภาพบวก คิดว่าทำได้และมั่นใจตัวเอง”
ในอนาคตโค้ชไมเคิล อยากเห็นเด็กๆ จากอคาเดมี “ได้เล่นในไทยลีก อยากเห็นสักคนหนึ่งติดทีมชาติ …” แต่เหนือสิ่งอื่นใดคือ “อยากให้เด็กๆ มีความสุขในการเล่นฟุตบอล”
…..
• นักบอลอาชีพชาวเวลส์
• นักกีฬาสังกัดสโมสรไทยเกินกว่า 10 ปี
• “ตัวหลัก” ของ “ไรส์ซิง สตาร์ ฟุตบอล อคาเดมี สุพรรณบุรี”
• เหตุการณ์ “ช็อตฟีล” ของไมเคิล
…..
Suggestion
กับหน้าที่โค้ชไมเคิล เบิร์น ได้ถ่ายทอดความรู้และประสบการณ์ฟุตบอลที่สั่งสมมาตลอดชีวิต โดยเฉพาะประสบการณ์บนเส้นทางการค้าแข้งในไทยลีก ซึ่งเริ่มต้นนับหนึ่งในปี 2552 กับทีมนครปฐม เอฟซี ก่อนจะไปต่อที่ชลบุรี เอฟซี, บางกอกกล๊าส, ชัยนาท ฮอร์นบิล, อยุธยา เอฟซี และ หัวหิน ซิตี้ ระหว่างนั้น ไมเคิล เบิร์น เป็นที่รักของแฟนบอลด้วยความสามารถอันโดดเด่น ถึงแม้จะเลิกเล่นไปแล้ว แต่เขาก็ยังได้รับการจดจำเสมอในฐานะตำนานคนหนึ่ง
“แฟนบอลส่วนใหญ่อาจจะจำภาพของผมตอนอยู่กับชลบุรี ในแมตช์ที่ผมยิงไกลจากเกือบครึ่งสนาม” และโมเมนต์ที่เขาประทับใจเป็นส่วนตัวคือ “โมเมนต์ที่ผมติดทีมไทยลีกออลสตาร์ เขาคัดเลือกนักเตะที่ดีที่สุดในลีกมาเตะกับทีมแอตเลติโก มาดริด ตอนนั้นในไทยลีกมี 16 หรือ 18 ทีม มีนักเตะเป็นร้อย ผมถูกเลือกมาเป็น 1 ใน 20 คน รู้สึกภูมิใจ”
แม้ระหว่างทางมีเหตุการณ์ “แย่มากๆ” เกิดขึ้น เช่น ไม่ได้เงินเดือนจากสโมสรแห่งหนึ่งที่เขาสังกัดอยู่นานเป็นปี “แต่ผมไม่อยากกลับไปคิดถึง เพราะทุกอย่างที่เมืองไทยดีมากๆ มีแค่ช่วงเวลานั้นที่แย่”
ในสถานการณ์เช่นนั้น เขายังคงเล่นเต็มที่ทุกนัด “เราต้องเป็นมืออาชีพ ผมทำงานหนักและอยากเป็นตัวอย่างให้น้องๆ ในทีมได้เห็น”
ไมเคิล เบิร์น ให้ความสำคัญกับมายด์เซต ด้วยเชื่อว่าเป็นสิ่งที่ทำให้นักฟุตบอลประสบความสำเร็จ “เทคนิคสอนกันได้พัฒนาได้ แต่มายด์เซตมันอยู่ที่ตัวเราเอง มายด์เซตที่ดีทำให้เราฟังโค้ช เก็บรายละเอียดที่โค้ชบอก เปิดรับทุกอย่างที่โค้ชสอน
“สำหรับเด็กๆ ที่อยากเป็นนักฟุตบอล อันดับแรกอยากให้เอนจอยในสิ่งที่ทำ ถ้าไม่มีความสุขเราจะทำเพื่ออะไร ผมพูดตลอดว่า เวลามาซ้อมอยากให้ทุกคนยิ้ม มีความสุขในการเล่นฟุตบอล ถ้ามีความสุข ทุกคนจะทำเต็มร้อย ถ้าทำเต็มร้อยแล้ว แม้สุดท้ายจะไม่ได้เป็นนักฟุตบอลก็ไม่เป็นไร เราจะไม่เสียใจทีหลัง”
ไมเคิล มีลูกชายอายุ 13 ปี และมีแววจะเป็นนักฟุตบอลที่ดีได้ “แต่ผมไม่กดดัน ไม่บังคับให้เป็นนักฟุตบอล พยายามให้เขาได้ลองหลายๆ อย่าง สุดท้ายถ้าเขาบอกว่าชอบฟุตบอล ผมก็จะสนับสนุน ถ้าเขามีความสุข ผมก็แฮปปี”
…..
• โมเมนต์ไฮไลต์: ติดทีมไทยลีกออลสตาร์ แข่งกับแอตเลติโก มาดริด
• ฟุตบอลคือทุกอย่างในชีวิต
…..
หลังจากรีไทร์มาหลายปี เมื่อถูกถามว่า คิดถึงการลงสนามแข่งขันหรือไม่ อดีตนักฟุตบอลอาชีพวัย 38 บอก “ผมคิดถึงแค่บรรยากาศในห้องแต่งตัวเวลาอยู่กับเพื่อนๆ แล้วก็ความรู้สึกเวลาอยู่กับแฟนบอล ไม่ค่อยคิดถึงตอนแข่งขันในสนาม”
ทุกวันนี้ไมเคิลยังลงสนามโชว์ลีลาฟุตบอลอยู่บ้างในแมตช์วีไอพีหรืองานการกุศล อย่างเช่น การแข่งขันฟุตบอลนัดกระชับมิตรร่วมกับทีมก้าวคนละก้าวเพื่อร่วมกิจกรรมเปิดสนามฟุตบอลหญ้าเทียมสีน้ำเงินมาตรฐานสากล ในโครงการ 100 สนามฟุตบอล สร้างพลังเยาวชนไทย โดย คิง เพาเวอร์ ไทย เพาเวอร์ พลังคนไทย ที่โรงเรียนบ้านแซววิทยาคม อ.เชียงแสน จ.เชียงราย ไมเคิลรู้สึกดีใจที่ได้ร่วมเป็นส่วนหนึ่งในกิจกรรมซึ่งส่งเสริมสนับสนุนและให้โอกาสกับเยาวชน
“ผมภูมิใจที่ได้ไปร่วมงานนี้ การสร้างสนามที่ดีมีคุณภาพจะดีกับทั้งเด็กและโค้ช จะได้คุณภาพในการสอนมากขึ้น เพราะว่าบางครั้งสนามหญ้าจริงที่ใช้อาจจะไม่ดีคุณภาพ บางโปรแกรมหรือบางเซสชั่นก็ทำไม่ได้ ถ้ามีสนามที่ดีเราก็ไม่มีข้ออ้าง ทำได้หมด แล้วสนามดีๆ ก็ทำให้เด็กๆ ไม่บาดเจ็บด้วย”
และทุกครั้งที่ไมเคิล เบิร์น ลงสนามลีลาของเขายังคงน่าตื่นตาและน่าติดตาม โดยเฉพาะสำหรับแฟนไทยลีกซึ่งยังคงจดจำชื่อนี้ได้ดีในฐานะที่เป็นหนึ่งในนักฟุตบอลชาวต่างชาติที่ดีที่สุดในประวัติศาสตร์ไทยลีก
…..
• หน้าที่โค้ช: ถ่ายทอดความรู้และประสบการณ์บอลให้เยาวชน
• เป้าหมาย: สร้างให้เด็กในอคาเดมี
…..
ในวันนี้นอกจากจะเป็นหนึ่งทีมโค้ช ไรส์ซิง สตาร์ ฟุตบอล อคาเดมี สุพรรณบุรี แล้ว ไมเคิล เบิร์น ยังสอนฟุตบอลคอร์สเรียนตัวต่อตัวให้กับเด็กๆ ทั้งยังทำรายการเกี่ยวกับฟุตบอลในช่อง YouTube “Lomball ล้มบอล” โดย ลีซอ – ธีรเทพ วิโนทัย และ ต๊อบซ่า – วาทิต ตรีครุธพันธุ์
สำหรับอนาคต “ผมไม่ได้ตั้งเป้าหมายระยะยาวเกี่ยวกับฟุตบอล ผมรักสิ่งที่ทำอยู่ในทุกวันนี้ แน่นอนมันจะเติบโตไปเรื่อยๆ แต่ไม่รู้ในลักษณะไหนหรืออย่างไร ผมมีเป้าหมายระยะสั้นที่จะทำให้สำเร็จไปทีละสเต็ป ทำปัจจุบันให้ดีที่สุดและก้าวไปทีละก้าว
“วันหนึ่งถึงเวลาที่ผมอายุมากขึ้น สอนไม่ไหว ผมก็คงจะยังมีฟุตบอลอยู่ แต่ไม่รู้ว่าจะในลักษณะไหน อาจจะเชียร์บอลอย่างเดียวหรือมีทีมของตัวเอง แต่แน่นอนว่าฟุตบอลจะอยู่ในชีวิตผมตลอดไป”
นับตั้งแต่เริ่มเล่นฟุตบอลตอนอายุ 5 ขวบ กลายเป็นนักฟุตบอลอาชีพกับทีมครูว์ อเล็กซานดร้า, โบลตัน วันเดอเรอร์ส และ สต็อคพอร์ท เคาน์ตี ก่อนจะมาไทย จนถึงวันนี้ ชีวิตของไมเคิล เบิร์น ผูกพันเกี่ยวข้องอยู่กับฟุตบอล ตั้งแต่ตื่นนอนจนถึงเข้านอน
“ฟุตบอลให้ผมทุกอย่าง ผมเรียนรู้มาจากฟุตบอล ตั้งแต่เรียนจบไฮสคูลตอนอายุ 16 ปี ผมก็เข้าสังคมฟุตบอลเลย ฟุตบอลทำให้เราเรียนรู้โลกมากขึ้น”
และ “… ฟุตบอลคือชีวิตของผม”
Suggestion
แฟนพันธุ์แท้ … “แมนซิตี้”ทั้งใจ
คนเมืองแมนเชสเตอร์ อย่างไมเคิล เบิร์น เป็นแฟนของสโมสรฟุตบอลแมนเชสเตอร์ซิตี้ เรียกได้ว่า ตั้งแต่เกิด!
“คนในเมืองประมาณ 60% เชียร์แมนซิตี้ พี่ชายและเพื่อนๆ ก็เชียร์ ผมก็ตามเขา แต่พ่อผมเป็นชาวเวลส์ เขาเชียร์ลิเวอร์พูล”
ผู้เล่นของแมนเชสเตอร์ซิตี้ ที่ไมเคิลชอบมากที่สุดตลอดกาลคือ เซร์ฆิโอ อาเกวโร ทีมชาติอาร์เจนตินาและกองหน้าเบอร์ 10 ที่ช่วยให้แมนซิตี้สร้างประวัติศาสตร์คว้าแชมป์พรีเมียร์ลีกในฤดูกาลปี 2011 – 2012 ทั้งยังเป็นเจ้าของสถิติทำประตูสูงสุดของสโมสรคือ 260 ประตู
ส่วน เควิน เดอบรอยน์ กองกลางของแมนซิตี้ยึดตำแหน่งผู้เล่นชุดปัจจุบันที่หนึ่งในใจไมเคิล “ผมชอบเพราะว่าเขาเล่นตำแหน่งเดียวกับผม ผมเข้าใจทุกอย่างที่เขาทำ แล้วรู้ว่ามันยากขนาดไหน”
ความสำเร็จของแมนเชสเตอร์ซิตี้ในช่วงหลายปีหลัง ไมเคิล มองว่า “มาจากผู้เล่นและโค้ช” ที่สำคัญคือ โครงสร้างที่ดี “โครงสร้างก็คือทุกอย่างที่อยู่เบื้องหลัง การทำงานร่วมกัน ความต่อเนื่อง ทุกคนหรือทุกทีมจะสำเร็จได้ต้องมีโครงสร้างที่ดี สำคัญมาก”
กับฤดูกาลใหม่ แมนเชสเตอร์ซิตีมีเป้าหมายที่คว้าทริปเปิ้ลแชมป์อีกครั้งและทำสถิติเป็นทีมแรกในประวัติศาสตร์ซึ่งคว้าแชมป์พรีเมียร์ลีก อังกฤษ ติดต่อกัน 4 สมัย
แต่สุดท้าย ไม่ว่าผลจะออกมาเป็นอย่างไร แฟนพันธุ์แท้หัวใจสีฟ้าจะยังคงสนับสนุนและอยู่เคียงข้างทีมเสมอ…ตลอดไป