Summary
พาไปพูดคุยกับเจ้าของผลิตภัณฑ์งานคราฟต์ ผู้มีความอาร์ตอัดแน่นในตัว จนต้องระเบิดไอเดียออกมาผ่านงานคราฟต์ปักไหมพรมลงบนผ้าซิ่นของแบรนด์ CinTorFar ที่มีผืนผ้าซิ่นซึ่งนำผ้าไทยมาใส่เรื่องราวประหนึ่งกำลังเล่านิทาน ขับกล่อมให้ชวนหลงใหลไปกับผลงานนั้น
“บางทีเราเล่าจากหนังสือจนลูกจำได้แล้ว เราก็ต้องเริ่มแต่งนิทานเอง มันอาจจะมาจากตรงนั้น อารมณ์ความเป็นแม่สูงแต่เป็นแม่ที่ทำงานอาร์ตนะ”
นี่คือเสน่ห์อย่างหนึ่งของ CinTorFar แบรนด์เรียกชื่อว่า “ซิ่นทอฟ้า” สร้างสรรค์งานฝีมือแบบที่ใคร ก็ทำตามไม่ได้ ด้วยทั้งอารมณ์ เรื่องราว และจินตนาการ…ทุกอย่างที่ คุณตุ้ม – ณฐอร แพรดำ เจ้าของ แบรนด์ คิดขึ้นนั้น ได้ถูกถ่ายทอดลงบนผืนผ้าซิ่นและผ้าไทย แต่งแต้มลงบนผ้าด้วยงานปักไหมพรมที่ออกแบบแต่ละผืนให้แตกต่างกันออกไปตามอารมณ์ของผืนผ้า ถือเป็นงานศิลปะที่ทำแค่หนึ่งผืนหนึ่งดีไซน์เท่านั้น
นี่คือเรื่องราวของผู้หญิงอารมณ์อาร์ตแน่นๆ ที่หยิบสิ่งรอบตัวมาเล่าใหม่ในแบบฉบับของเธอเอง (เราขอขอบคุณภาพทั้งหมดเอื้อเฟื้อโดยคุณตุ้ม ณฐอร แบรนด์ CinTorFar)
“เรารู้สึกว่าผ้าไทยมีเสน่ห์ คนไทยก็ซื้อ ต่างชาติก็ซื้อ
ปักออกมาดูร่วมสมัย เริ่มจากผ้าถุงผ้าซิ่นเอามาดัดแปลง
บางทีงานหนึ่งชิ้นก็มีผ้าจากสถานที่ต่างๆ รวมกัน 4 – 6 แห่งเลยก็มี”
ณฐอร แพรดำ
เจ้าของแบรนด์ CinTorFar
ครีเอทิฟบริษัทโฆษณามาจับงานคราฟต์
จากคนที่เรียนด้าน Visual Communication Design ในรั้วมหาวิทยาลัย เธอออกมาทำงานเป็น ครีเอทิฟในบริษัทโฆษณาแห่งหนึ่ง จนกระทั่งวันหนึ่งพบว่าการทำงานที่โดนปัดตก หรือไม่สิ่งที่คิดขึ้นนั้นได้ถูกต่อยอดต่อไปจนไม่เหลือเค้าไอเดียดั้งเดิมอีกต่อไป เธอจึงหันมาเริ่มทำงานคราฟต์ เปิดร้านแรกในสวนจตุจักร ตรงโซนขายต้นไม้…นั่นคือจุดเริ่ม
“ลองเอานั่นนี่มาถัก ทำเป็นงานสกรีนที่ขายได้ขายดี ตอนนั้นคนสิงคโปร์ คนฮ่องกงเดินจตุจักรกันเยอะ พอเริ่มมีออร์เดอร์เข้ามาเยอะขึ้นเลยตัดสินใจออกจากงานโฆษณา”
แบรนด์ Gumption Design จึงเกิดขึ้นมาจากเธอเป็นแบรนด์แรก พาผลงานของตัวเองไปออกงานแฟร์ดังประจำปี อย่าง BIG & BIH ดีไซน์งานเป็น Gift Collection หวังขาย buyer ที่มาจากทั่วโลก แต่ด้วยเจอปัญหาการโดนก๊อบปี้ผลงานไปหลายครั้ง คุณตุ้มจึงหยุดทำผลงานไปพักหนึ่ง หลังจากนั้นจึงค่อยกลับมาอีกครั้งพร้อมกับ CinTorFar ที่ขายครั้งแรกในตลาดนัดของสวน Little Tree
“คอนเซปต์งานในตอนนั้นคือใส่ผ้าซิ่นไปเดินโชว์เล่นในสวน เราก็เอาผ้าซิ่นที่ซื้อเก็บไว้มาลองปักเล่นดูเพื่อให้แตกต่าง แล้วก็เอาไปขาย ตอนนั้นก็ทำให้ลูกใส่ด้วย ปรากฏว่าคนก็ชอบผ้าซิ่นปักที่ลูกใส่ ก็เลยคนมาตามตื้อให้เราปักจนเกิดเป็นแบรนด์ใหม่ ใช้ชื่อ “ซิ่นทอฟ้า CinTorFar” โดยคำว่า ‘Far’ ของ ‘ฟ้า’ ในชื่อนี้ เธอตั้งใจให้หมายถึงการไปได้ไกล จนถึงวันนี้ที่แบรนด์ซิ่นทอฟ้าเกิดขึ้นมาเกือบสิบปีแล้ว สมกับคำว่า Far ที่มาไกลมากจริงๆ
Storytelling บนผ้าซิ่น ระบายสีด้วยไหมพรม
เห็นดีไซน์และภาพงานปักหลากรูปแบบบนผืนผ้าไทยอย่างนี้ จริงๆ แล้วแต่ละภาพสามารถเล่าเรื่องออกมาได้ราวกับเล่านิทานหลายเรื่อง
“มันเป็นการวาดแบบ Storytelling” อย่างผืนที่ปักเป็นเด็กสองคนทำกิจกรรมร่วมกันบนพื้นหญ้า เราสามารถคิดเรื่องราวได้หลายมุมมอง ถ้าจะอธิบายก็เหมือนการเล่านิทานได้หลายเรื่อง base on จากความเป็นแม่ (สายอาร์ต) อย่างแม่ตุ้มคนนี้
การจะเล่าเรื่อง นอกจากจะมาจากจินตนาการแล้ว ยังต้องดูอารมณ์ของผ้าด้วย ประหนึ่งกำลังสื่อสารกัน “พี่จะดูผ้าก่อนว่าผ้าออกมาอารมณ์ไหน ผ้าออกมาสนุก มีสีสัน เราก็สามารถลงลายกราฟิกเท่ๆ ลงไปได้ แต่ถ้าเป็นผ้าฝ้ายทอมือ พี่ก็จะลงลายดอกไม้ นกยูง ให้มันดูสวยงาม อลังการ”
ลายปักบนผ้าแต่ละชิ้น แต่ละคอลเลกชัน คุณตุ้มก็ได้แรงบันดาลใจมาจากสิ่งต่างๆ รอบตัว ที่นำมาเล่าใหม่ในรูปแบบของตัวเอง “สิ่งรอบตัวของเรามันก็เล่าเรื่องได้นะ อย่างภาพกระต่าย มันก็เป็นกระต่ายในแบบของเรา หรือดอกไม้ที่ขึ้นอยู่บริเวณบ้าน ดอกลีลาวดีหรือดอกหญ้าเล็กๆ ที่อยู่ตามพื้นดิน เราแค่ใส่สไตล์ของเราลงไป”
จากเรื่องราวและลวดลายที่ต้องการเล่าแล้ว ความยากต่อมาคือ การแต่งแต้มบนผืนผ้าที่ใช้เทคนิคปักไหมพรมที่ทั้งทำยาก ต้องฝึก ต้องอาศัยความชำนาญ มันท้าทายมาก แต่นั่นคือสิ่งที่ทำให้ผลงานของคุณตุ้มมีเอกลักษณ์ไม่เหมือนใคร
ถามสั้นๆ – ตอบยาวๆ
กับคุณตุ้ม CinTorFar
Thaipower.co: นอกจากแพสชันในงานคราฟต์แล้ว
คุณตุ้มยังชอบอะไรอีกบ้าง?
คุณตุ้ม CinTorFar: “พี่ไม่ได้รักงานศิลปะที่เป็นงานผ้าอย่างเดียว
การทำขนมก็เป็นงานศิลปะเหมือนกัน
มันสนุกที่จะได้คิดค้น ใส่ไอเดีย ค่อยๆ ดัดแปลงไปเรื่อยๆ
ตอนนี้ได้ทำขายบ้าง แจกบ้าง ทำไป กินไป สนุกดี”
“เรารู้สึกว่าผ้าไทยมีเสน่ห์ คนไทยก็ซื้อ ต่างชาติก็ซื้อ ปักออกมาประยุกต์ดูร่วมสมัย ทำให้ทั้งงานปักและตัวผ้าดูโดดเด่นขึ้นมา โดยเริ่มจากผ้าถุง ผ้าซิ่นเอามาดัดแปลง มาละลายพฤติกรรมของมัน บางทีงานหนึ่งชิ้นก็มีผ้าจากสถานที่ต่างๆ รวมกัน 4 – 6 แห่งเลยก็มีนะ”
จากผ้าถุง ผ้าซิ่นที่นุ่งในครัวเรือน ก็ขยายออกมาปักลงบนเสื้อผ้าต่างๆ ที่สวมใส่ได้ในชีวิตประจำวัน ผ้าที่เหลือจากการตัดเย็บก็ถูกนำมาดัดแปลงเป็นของใช้ประเภทอื่นๆ ต่อไป เช่น กระเป๋า พวงกุญแจ เข็มกลัด กระเป๋าใส่แว่นตา โดยใช้วาดลายด้วยมือทีละผืน แล้วจึงค่อยปักด้วยเส้นไหมพรมที่เป็นเอกลักษณ์ ซึ่งไม่ใช่การทำงานที่ง่ายในตอนที่เธอริเริ่มช่วงแรก แต่ก็อยากหาสไตล์ของตัวเองที่แตกต่างจากงานปักที่มีอยู่ทั่วๆ ไป
“พี่เริ่มต้นจากการปักด้วยจักร ใช้ไหมเส้นเล็กๆ ทำ แล้วพอรู้สึกว่าช่างของเราทำได้ก็ลองเอาไหมพรมมาทำดู ตอนแรกทำออกมาก็ไม่ค่อยสวยหรอก แต่ทำไปเรื่อยๆ ก็จะรู้เทคนิคมากขึ้น แล้วมันเวิร์กตรงที่ชิ้นงานสามารถนำไปซักด้วยเครื่องซักผ้าได้”
การปักงานแต่ละชิ้น ช่างต้องหาผ้าใส่ในสดึง ทยอยปักไปทีละนิด ยิ่งงานชิ้นเล็กยิ่งทำยาก แต่ขณะเดียวกันงานชิ้นใหญ่ที่ต้องถมสีลงบนผืนผ้าก็ไม่ใช่งานง่ายเช่นกัน “เพราะต้องขยับและขึงสดึงไปทั่วผ้าทั้งผืนเป็นสิบๆ รอบ ต้องเปลี่ยนไหมทั้งที่ตัวเข็มและตัวจักร ต้องใช้ข้อมือกดสดึงลงไปบนผ้าที่ปักหนาๆ แล้ว ซึ่งช่างจะข้อมือเคล็ดบ่อยมากๆ เลย”
เส้นไหมพรมในงานฝีมือจากซิ่นทอฟ้า ทำหน้าที่เหมือนเป็นการระบายสีบนผืนผ้า จากที่ฟังคุณตุ้มเล่าถึงเรื่องไหมพรมก็เดาได้ไม่ยากว่าเธอสนุกกับงานนี้มากๆ
“พี่ใช้ไหมพรมมาเล่นทุกอย่าง เพราะไหมพรมมีความหลากหลายมาก มีทั้งไหมพรมขนมิงค์ ไหมพรมที่มีสีเหลือบ สีเรียบ เส้นใหญ่หรือเส้นเล็กๆ เวลาออกแบบก็จะดีไซน์ไหมพรมแต่ละสีแต่ละชนิดลงไป ไหมพรมที่เป็นตุ้มๆ ก็เอามาทำเป็นเกสรดอกไม้บ้าง ดอกไม้บ้าง ลายเสื้อบ้าง พอมาปักอยู่บนผ้าไทย มันดูสวยเด้งโดดเด่นดูเป็นสองมิติ สามมิติเลยทีเดียว พี่ว่ามันมีเสน่ห์มากแล้วก็สนุกมากด้วย”
งานดีไซน์และการปักของคุณตุ้ม CinTorFar ออกมาเป็นผลงานที่มีเอกลักษณ์ในแบบของตัวเองแบบที่เดินไปเจอที่ไหนไหนก็บอกได้เลยว่ามาจากแบรนด์นี้แน่นอน
Suggestion
ถามสั้นๆ – ตอบยาวๆ
กับคุณตุ้ม CinTorFar
Thaipower.co: สายอาร์ตทำยังไงให้อยู่ได้?
คุณตุ้ม CinTorFar: “อย่างแรกเราต้องทำงานที่เรารัก ที่เราถนัดก่อน
ดัดแปลงให้โดดเด่นต่างจากที่ตลาดมีอยู่ทั่วไป พัฒนา ต่อยอด
ประยุกต์ต่อไปไม่หยุดยั้ง หาอะไรใหม่ๆ ใส่ไอเดียเราอยู่เสมอ
และก็ควรดูเทรนด์ ดูแฟชั่นของโลกด้วย ถึงจะไปต่อได้นาน
คนที่เขารักงานคราฟต์ เขาก็ยังตามซื้อ
ตามผลงานศิลปินในดวงใจอยู่วันยังค่ำ ขอเพียงเราอย่าท้อถอยก็พอ”
ขอบคุณภาพจากคุณตุ้ม CinTorFar
อินเนอร์ความสุขที่ท่วมท้นจนล้นออกมา
“ชีวิตคนเราไม่ได้มีแค่การทำงานอย่างเดียว มันยังมีเรื่องราวต่างๆ อื่นๆ เข้ามาเยอะแยะไปหมด วันหนึ่งที่เรามาทำผ้าแล้วมาอยู่กับผ้าปัก มันคือช่วงเวลาที่เรามีความสุขอาจเพราะได้ทำงานที่เรารัก เวลาที่พี่เอาผ้ามาวางตรงหน้า นั่งมองเขา ก็จะบอกว่ากับตัวเองว่า ฉันจะแต่งตัวเธอให้สวยนะวันนี้ จากนั้นก็จะเริ่มเปิดเพลง แล้วนั่งวาดไปเรื่อยๆ”
ฟังดูแล้วเป็นความสุขที่เรียบง่าย ถึงแม้จะผ่านความยากในการปัก เกร็งแข้งเกร็งขา แต่ผลตอบรับที่ได้จากลูกค้าก็ทำให้ยิ้มได้ “ตอนแรกเริ่มทำผ้าซิ่นปักแบบนี้แล้วมีคนซื้อก็ดีใจมากที่เขาชอบสไตล์ของเรา ช่วงเวลาที่ทำงาน เวลาวาดมันมีความสุข มีสมาธิมาก มันเป็นความรักที่หลงใหลอย่างจริงจัง”
ปัจจุบัน CinTorFar มีทั้งลูกค้าชาวจีน คนญี่ปุ่น และอีกหลายประเทศที่ถูกใจ ติดตามซื้อสินค้าของซิ่นทอฟ้าอยู่ตลอดเรื่อยมาจนถึงวันนี้
นอกจากนี้คอลเลกชันสินค้าของซิ่นทอฟ้า ยังเข้ามาวางจำหน่ายร่วมกับ คิง เพาเวอร์ ดิวตี้ฟรี ที่สนามบินด้วย จึงได้เป็นสินค้าของฝาก ของใช้ที่ถูกใจทั้งคนไทยและต่างประเทศ
“เรามีกระเป๋าที่ทำผ้าไทย และผสมกับผ้าคอตตอนบ้าง แต่ละใบจะบอกเล่าเรื่องราวไม่เหมือนกันเลย ต่อให้ลายจะเป็นลายเดียวกันก็ตาม ถึงแม้ทุกชิ้นจะมาจากที่เราปักทีละผืนเหมือนกันก็ตาม และมีคอลเลกชันทะเล…เป็นสัตว์ใต้ทะเล แมงกะพรุน นางเงือก เรือ ประภาคาร เอามาทำเป็นพวงกุญแจ กระเป๋า และกระเป๋าใส่แว่นตา อันนี้ขายได้ตลอดเหมือนกัน เพราะคนมาที่สนามบินก็จะผลัดเปลี่ยนกันไปเรื่อยๆ”
แพสชันในงานศิลปะและอินเนอร์ความเป็นอาร์ตติสในตัวของคุณตุ้มส่งผ่านมาถึงเราตลอดหนึ่งชั่วโมงที่ได้คุย ยิ่งคุยมากเท่าไร เห็นผลงานมากแค่ไหน ก็แน่ใจว่าในอนาคต แฟนคลับของแบรนด์ซิ่นทอฟ้าและคนที่รักงานศิลปะจะต้องได้เห็นผลงานผ้าไทยปักไหมพรมที่เล่าเรื่องราวจากจินตนาการลงบนผืนผ้าอีกเยอะแน่นอน สำหรับเรา คุณตุ้มเป็นทั้งเจ้าของแบรนด์และเป็นศิลปินผู้หญิงคนไทย ที่สร้างผลงานออกสู่สายตาชาวต่างชาติอีกคนหนึ่งเลยก็ว่าได้
ข้อมูลสินค้าเพิ่มเติมที่ตลาดพลังคนไทย
คลิก: CINTORFAR
สนใจสินค้าพลังคนไทย สามารถสนับสนุนได้ที่ คิง เพาเวอร์ ทุกสาขา
