นอกจากรางวัลชนะเลิศ Class B (รุ่นบุคคลทั่วไป) ในนามของวง Jazz Passion แล้ว เบอร์ลิน – สุภัสสรา สีสุด นักร้องนำของวง ยังสามารถคว้ารางวัล Outstanding นักร้อง/นักดนตรียอดเยี่ยม บนเวที THE POWER BAND 2022 SEASON 2 จัดโดยวิทยาลัยดุริยางคศิลป์ มหาวิทยาลัยมหิดล ร่วมกับ คิง เพาเวอร์ ไทย เพาเวอร์ พลังคนไทย มาครองอีกหนึ่งรางวัล จากน้ำเสียงและ เพอร์ฟอร์มที่แข็งแรงทรงพลัง สะกดคนทั้งฮอลล์และทั้งโลกออนไลน์ คงการันตีได้แล้วว่า เบอร์ลิน มีความสามารถที่โดดเด่นมากมายเพียงใด
ในรอบชิงชนะเลิศที่โรงละครอักษรา คิง เพาเวอร์ รางน้ำ กรุงเทพฯ เราเชื่อว่าทุกคนที่ได้ชมการแสดงของวง Jazz Passion ต้องร้องว้าวนับไม่ถ้วนไปกับโชว์สุดพลังของเธอและเพื่อนร่วมที่อัดมาแน่นตลอดโชว์ ทำให้เราอดคิดไม่ได้ว่า เธอต้องฝึกซ้อมอย่างมุ่งมั่นขนาดไหน ถึงทำได้ขนาดนี้กัน
TP: ความรู้สึกแรกหลังคว้ารางวัลเป็นอย่างไร
BERLIN: ช็อกค่ะ ตื่นเต้นมาก แข่งมาหลายเวทีแล้ว แต่ว่าความตื่นเต้นก็ยังไม่หายไป แล้วแข่งครั้งนี้เป็นรายการใหญ่ด้วย ช่วงที่มีโควิดเราห่างหายไปตั้งหลายปี ก็มีความรู้สึกว่า ถ้าเรากลับมาทำเรื่องเพลงอีกรอบจะดีเหมือนเดิมไหม แต่ว่าก็เกินคาดค่ะกับผลที่ออกมาทุกอย่าง ค่อนข้างเตรียมตัวหนักมากค่ะ เพราะว่าเราไม่อยากมีคำที่พูดย้อนหลังว่ารู้อย่างนี้เราน่าจะทำอย่างนี้ เราก็ทำเต็มที่ให้มันเต็มที่ที่สุดไปก่อน แล้วก็ได้ผลตอบรับที่พอใจมากๆ ดีใจมาก ตอนเล่นเสร็จก็มีลุ้น ก็มีลุ้นตั้งแต่เล่นเสร็จแล้วว่าเป็นวงเราได้รางวัลไหม เพราะว่าเพลงที่เราใช้ประกวดยากมาก แล้วเราทำเต็มที่ ตอนเล่นจริงเราทำได้ดีกว่าตอนซ้อมเยอะมากๆ แล้วพอยิ่งอ่านคอมเมนต์อีก มีแต่บวกบวกบวกทั้งนั้นเลย ก็รู้สึก 80 เปอร์เซ็นต์ละตอนนั้น ที่เหลือก็ไปลุ้นข้างเวทีอีก ที่สอง ที่สามไปละ เหลือที่หนึ่งแล้วต้องวงนี้แหละ
“ชอบร้องเพลงมาตั้งแต่สามสี่ขวบ เคยมีไปขึ้นเวทีแข่งร้องเพลงบ้าง ก็ร้องแบบงูๆ ปลาๆ
มาเรียนจริงๆ จังๆ ตอนประกวด…จะร้องได้อย่างนี้มีแค่เทคนิคไม่พอค่ะ ร้องสองเพลงติดกันได้ต้องใช้ประสบการณ์ ต้องเก็บแรงไว้เยอะมากๆ ด้วย เราต้องเตรียมตัวมาให้พร้อม”
เบอร์ลิน – สุภัสสรา สีสุด นักร้องนำวง Jazz Passion
รางวัล Outstanding
TP: ที่ว่าเตรียมหนัก นี่หนักระดับไหน
BERLIN: ด้วยความที่หนูเรียนดนตรีไปด้วย เรียนมหาวิทยาลัย ปี 1 ที่มหาวิทยาลัยศิลปากร คณะดุริยางคศาสตร์…เรียนวอยซ์แจ๊ส ต้องซ้อมทุกวันค่ะกับการเรียนดนตรี แล้วพอมีแข่งปุ๊บก็ต้องซ้อมหนักกว่าเดิม ด้วยแนวเพลงที่แตกต่างก็ทำให้ต้องซ้อมหนักและยังต้องแบ่งเวลาดีๆ ว่าเราต้องตื่นเช้ามาเรียนด้วยนะ ต้องแบ่งเวลาซ้อมของที่เราจะต้องสอบด้วยนะ ต้องแบ่งเวลามาซ้อมกับที่วงด้วยนะ แบ่งเวลามาซ้อมเดี่ยวแยกเก็บจุดบกพร่องของตัวเองด้วยนะ มันก็เลยหนักค่ะ ค่อนข้างหนักมาก เพราะว่าเราอยากทำให้มันออกมาดีมากๆ
TP: คิดว่าจุดบกพร่องที่ว่าคืออะไร
BERLIN: พวกท่อนร้องยากๆ ค่ะ ใครได้ดูโชว์เพลงที่วงทำมาประกวดจะเห็นว่าคีย์สูงมาก แล้วหนูต้องวอร์มเสียงหนักมากๆ แล้วยิ่งไม่ค่อยได้นอนก็จะยิ่งหนักขึ้นไปอีกค่ะ หนูต้องดื่มน้ำเยอะมากๆ ต้องทำทุกอย่างเพื่อเซฟตัวเองให้ได้มากที่สุด พอนอนน้อยก็เสี่ยงที่จะเป็นภูมิแพ้หรือเป็นหวัด ยังอยู่ในช่วงหน้าฝนด้วย ทุกอย่างมันถาโถมเข้ามาหมดเลยค่ะ แต่เราก็ต้องดูแลตัวเอง จัดการดีๆ ทั้งหมดเลย
Suggestion
TP: ค้นพบตัวเองเมื่อไหร่ ว่าอยากจับไมค์ร้องเพลง
BERLIN: หนูชอบร้องเพลงมาตั้งแต่เด็กๆ เลยค่ะ ตั้งแต่สามสี่ขวบ เพราะคุณแม่เป็นนักร้อง แต่หนูก็ร้องแบบงูๆ ปลาๆ มีไปขึ้นเวทีแข่งร้องเพลงบ้าง แต่ก็ไม่ได้จริงจัง ก็ขึ้นเวทีไปเฉยๆ ร้องเพี้ยนๆ แต่เพิ่งมาเอาจริงๆ จังๆ ตอนเข้ามัธยมช่วง ม.1 เพราะไปเข้าชมรมผิดค่ะ คือว่าหนูเป็นสายศิลปะก็จะอยู่กับกิจกรรมนาฏศิลป์มาตลอด เป็นสายรำสายเต้นมาก่อน กิจกรรมอะไรก็จะมีหนูด้วยตลอด
พอเข้ามัธยมตอนแรกก็สอบติดด้วยเรื่องรำ แต่ว่ามาเลือกเรียนที่สาธิตรามฯ เพราะว่าหนูอยากเข้าที่นั่น หนูจะเข้าชมรมรำ แต่ไม่รู้ว่าจะเข้ายังไงก็เลยตามเพื่อนเข้าไปชมรมดนตรีค่ะ ตอนแรกจะไปเล่นกีตาร์ด้วย แล้วเหมือนไปร้องเพลงให้อาจารย์ฟัง แล้วอาจารย์เขาเห็นแวว หนูก็เลยได้แข่งมาเรื่อยๆ เราไม่ได้เรียนร้องเพลงมาตั้งแต่เด็ก มาเรียนตอนมาประกวดนี้เพราะต้องใช้เทคนิคเยอะ หนูเลยต้องไปเรียนร้องเพลงเพื่อเก็บเทคนิค แต่ที่จริงเหมือนเราได้พัฒนาตัวเองมาเรื่อยๆ จากการแข่งที่ผ่านมา ก็เริ่มชอบค่ะ แล้วก็เลยมาแนวนี้ยาวเลยเพราะรู้สึกว่าตัวเองทำตรงนี้ได้ค่อนข้างดี
TP: เวทีไหนของการประกวดร้องเพลงที่ประทับใจจนถึงทุกวันนี้
BERLIN: ประทับใจที่สุดตอนนี้น่าจะเป็นรายการศิลปหัตถกรรม จำไม่ได้ว่าปีไหน แต่ตอนนั้นหนูอยู่ ม.3 เป็นนักเรียนไปแข่งร้องเพลงพระราชนิพนธ์ ตอนนั้นเสียงยังใสแจ๋วอยู่เลยค่ะ ร้องเพราะ ดีเลย หนูชอบเสียงตอนนั้นมาก เสียงกำลังใสเลยค่ะ ยังไม่ได้ใช้งาน
TP: ค้นพบวิธีการร้องและแนวทางการร้องเพลงของตัวเองยังไง
BERLIN: ด้วยความที่เพลงของวงเราเป็นเพลงแนวที่ต้องใช้เสียงว้ากเยอะๆ หนูก็เลยต้องยิ่งเตรียมตัวเองหนัก โดยหาในยูทูบแล้วฝึกบ้าง ไปเรียนเก็บเทคนิคทุกอย่างเพื่อที่จะนำมาพัฒนาตรงนี้ แล้วการที่เราจะร้องให้ได้อย่างนี้จะมีแค่เทคนิคอย่างเดียวไม่พอค่ะ การที่เราจะร้องสองเพลงติดกันได้ต้องใช้ประสบการณ์เยอะ แล้วต้องเก็บแรงไว้เยอะมากๆ กับการที่เราจะใช้ซัปพอร์ต ต้องร้องบ่อยจริงๆ เราถึงจะสามารถทำตรงนี้ได้
TP: มีวิธีการฝึกฝนแบบพิเศษในแบบของเบอร์ลินไหม
BERLIN: อย่างแรกเลยตอนอยู่บนเวทีต้องมีสติมากๆ อย่างถ้าจะไปท่อนนี้เราต้องทำอย่างนี้นะ ห้ามปลิ้นเด็ดขาดนะ เราต้องหายใจยังไง เราจะต้องเก็บลมไว้ที่ไหน เราจะต้องเกร็งหน้าท้องท่อนนี้นะ ประมาณนี้ค่ะ เราจะต้องทำยังไงให้เราออกมาดูดีที่สุด แต่ทุกคนสามารถฟังได้ ทำยังไงให้เสียงเราไม่บีบ ค่อนข้างหลายอย่างอยู่ค่ะกับการที่จะเตรียมตัวมาให้พร้อมกับการประกวดรายการหนึ่ง ต้องทำให้คนประทับใจด้วย ใช้เทคนิคที่เรียนรู้มาจากตัวเอง แล้วก็เรียนเพิ่มเติมจากการเรียนร้องเพลง แล้วก็จากการเรียนจากยูทูบบ้าง
Suggestion
TP: จริงๆ แล้วเบอร์ลินชอบร้องเพลงแบบไหน
BERLIN: จริงๆ หนูร้องทุกแนวเลยค่ะ แจ๊ส ลูกทุ่ง ป็อป เพลงไทย เพลงสากล…ทุกแนวเลยค่ะ ถ้าถนัดจริงๆ น่าจะเป็นเพลงสากล แต่ว่าหนูร้องลูกทุ่งมาก่อน พอมาร้องสากลบ่อยๆ เทคนิคร้องลูกทุ่งเริ่มหายไปบ้าง แต่ว่าลูกคอก็ยังอยู่ ก็ร้องได้ทุกแนว ร็อกก็ร้องได้นะคะ
TP: เริ่มต้นจากการเรียนดนตรีแบบไม่ตั้งใจ แล้วอะไรที่ทำให้ไปต่อด้วยการสอบเข้ามหาวิทยาลัย เอกดนตรี
BERLIN: อาจเป็นเพราะว่าตั้งแต่ ม.1 ก็ร้องเพลงมาตลอด หนูไม่สามารถไปทางอื่นได้แล้ว ถ้าไปทางอื่นปุ๊บหนูเชื่อว่าหนูต้องเสียดายตรงนี้แน่นอน เพราะว่าเราไม่ได้ทำในสิ่งที่เราทำมาตลอด มันกลายเป็นสิ่งที่รักไปแล้ว เราอยู่กับมันมาตลอดเวลา 24 ชั่วโมงทุกวันมา 6 ปี 7 ปี ก็ต้องเป็นสายนี้แล้วแหละ เลยมุ่งไปทางสายร้องเพลงนี้เลย แล้วก็เลือกถูกแล้วที่มาทางนี้ค่ะ เลือกเรียนแบบตั้งใจสอบเข้าที่เดียวเลย
TP: มองเส้นทางการเป็นนักร้องของตัวเองไว้ยังไง
BERLIN: หนูใฝ่ฝันอยากเป็นศิลปินเหมือน Bruno Mars ค่ะ ฝันแบบอยากเป็นเหมือนเขาเลยค่ะ อยากมีเวิลด์ทัวร์ของตัวเองมาก อยากเป็นศิลปินเดี่ยวที่เป็นความภาคภูมิใจของคนไทย แล้วก็อยากเล่นคอนเสิร์ตที่อิมแพคอารีน่า กับราชมังคลาฯ ค่ะ
TP: ตอนนี้ก็เหมือนจะเริ่มเดินเข้าสู่เส้นทางที่จะเป็นจริงมากยิ่งขึ้น คิดว่ารางวัลที่ได้รับจะเป็นจุดสตาร์ตเลยไหม
BERLIN: หนูคิดว่าเป็นจุดที่เติมไฟให้ตัวหนูมากขึ้นในการที่จะเรียน…ในการที่เราจะใช้ชีวิตในด้านนี้ต่อ เราไม่รู้อนาคตว่าจะเกิดอะไรขึ้นบ้าง อนาคตหนูอาจจะได้ออกอัลบั้มหรืออาจจะมีคอนเสิร์ตของตัวเอง มันก็เป็นแค่ความฝันที่หนูต้องเดินไปให้ถึงให้ได้ แล้วก็ทำทุกวันให้ดี พัฒนาตัวเองไปเรื่อยๆ ห้ามหยุด
3 เรื่อง ที่อยากให้รู้จักเบอร์ลินเพิ่มขึ้น
• คุณแม่ของเธอเป็นนักร้องอาชีพ
“คุณแม่เป็นนักร้องวงซูเปอร์แดนซ์ ที่เป็นเกิร์ลกรุ๊ปเมื่อก่อน ในตอนนั้นชื่อน้ำหวานค่ะ ถ้าหนูจำไม่ผิด คุณแม่ไม่ได้สอนหนูร้องเพลง แต่เขาเปิดเพลงให้หนูฟัง หนูก็อาจจะซึมซับมาเอง”
• ที่มาของชื่อเธอคือสถานที่ในเยอรมนี
“ชื่อเบอร์ลินมาจากกำแพงเบอร์ลินค่ะ พ่อหนูอยู่เยอรมนี แต่พ่อเป็นคนไทยนะคะ หนูไม่มีลูกเสี้ยวหรือลูกครึ่งเลย คนไทยแท้เลยค่ะ”
• นิสัยไม่ตรงกับภายนอกที่เห็น
“หน้าหนูดูหวานแต่จริงๆ หนูเป็นคนห้าวมากค่ะ เพราะว่าหนูมีเพื่อนผู้ชายเยอะมาตั้งแต่เด็กๆ หนูก็เลยจะเป็นคนห้าวมาก ฟิลใสๆ จะไม่ใช่ตัวหนูเลย”