Passion

‘โค้ชก็อต’ เก็บฝันในวันวาน
มาเป็นโค้ชเยาวชน Rising Stars

วรากร เพชรเยียน 8 Jul 2024
Views: 553

Summary

ทำความรู้จักโค้ชก็อต – ภาณุวัฒน์ เพลิดพราว โค้ชฝึกหลัก ทีม Rising Stars Football Academy Suphanburi ที่เริ่มต้นจากการเป็นนักกีฬาสู่เส้นทางที่จะพาเด็กๆ ก้าวไปถึงฝั่งฝันของพวกเขาเอง เรื่องราวที่บอกเราว่า แม้เส้นทางชีวิตจะเปลี่ยนแปลงไปบ้าง แต่สิ่งที่เรารักจะยังเหมือนเดิม

ตอนนั้นที่ผมคิดนะครับ บอลลูเดียวทำไมคนเป็นสิบๆ ต้องแย่งกันแล้วออกไปยิงประตู ตอนนี้ก็รู้แล้วว่า พอยิงเข้า คนข้างนอกก็ดีใจ เราเองก็ดีใจ มันมีความสุข

ประโยคของโค้ชก็อต – ภาณุวัฒน์ เพลิดพราว หนุ่มวัย 28 ปี ที่ปัจจุบันผันตัวมาเป็นโค้ชพูดถึงกีฬาฟุตบอล เป็นมุมมองที่น่าสนใจและน่าจะเป็นคำตอบซึ่งแฝงความนัยว่ากีฬาชนิดนี้เองที่เป็นจุดเริ่มต้นของความสุข และเท่าที่เราได้พูดคุยกับโค้ชก็อตก็พอจะรู้ว่าในเส้นทางนี้มีทั้งสุข ทั้งทุกข์ ทั้งเศร้า และความทรงจำ  ที่แสนดี

วันนี้เราได้มาพูดคุยกับโค้ชฝึกหลัก ทีม ไรส์ซิง สตาร์ ฟุตบอล อคาเดมี สุพรรณบุรี (Rising Stars Football Academy Suphanburi) ผู้ใช้ประสบการณ์การเป็นนักฟุตบอลอาชีพและความรักในกีฬาฟุตบอลมาเป็นแรงผลักและดันเด็กๆ ที่มีความฝันเดียวกันกับเขา

… ความฝันที่เหมือนกับเขาในวันวาน

 

ฟุตบอลเล่นที่ไหนก็ได้ แต่การจะสร้างนักฟุตบอลที่มีคุณภาพได้ก็ต้องเริ่มจากสนามที่มีมาตรฐานก่อน

นับเป็นสิ่งสำคัญสำหรับวงการนักฟุตบอลไทยในตอนนี้

ภาณุวัฒน์ เพลิดพราว (โค้ชก็อต)
โค้ชฝึกหลัก ทีม ไรส์ซิง สตาร์ ฟุตบอล อคาเดมี สุพรรณบุรี

 

กีฬาที่อยู่คู่ชีวิตมาตลอด

สำหรับบางคนเส้นทางชีวิตก็ชัดเจนตั้งแต่เด็ก ส่วนเส้นทางชีวิตของบางคนเริ่มชัดขึ้นเมื่อตอนโต บางคนกำลังพยายามตามหาหนทางของตัวเอง สำหรับโค้ชก็อตน่าจะจัดอยู่ในประเภทแรก คือเส้นทางชัดเจนมาตั้งแต่ยังเด็กแล้ว สิ่งนั้นก็หล่อเลี้ยงหัวใจเขามาจนโต

“ตอนแรกก็เล่นฟุตบอลอย่างเดียวครับ พอดีคุณพ่อเป็นโค้ชเซปักตะกร้อที่โรงเรียนก็เลยได้เล่นเซปักตะกร้อจนถึงช่วง ม.3 จะขึ้น ม.4 ก็รู้สึกว่าไม่ใช่ ไปคัดตัวที่ไหนก็ไม่ติด พอได้เจอกับพี่บอล จักรพันธ์ พรใส   ตอนนั้นพี่เขาติดทีมชาติไทย อยู่สโมสรเมืองทอง ยูไนเต็ด แล้ว ถึงได้รู้ว่าตะกร้อไม่ใช่ทางของเรา ตั้งแต่นั้นมาก็เปลี่ยนความคิดเลย เราต้องเป็นนักฟุตบอลอาชีพให้ได้”

หลังจากนั้นเส้นทางนักฟุตบอลอาชีพของโค้ชก็อตก็เริ่มต้นขึ้น เริ่มจากที่ได้เล่น U19 โค้กคัพ ที่เชียงรายหลังจากนั้นก็ได้เข้ามาอยู่ในทีมสีหมอก เอฟซี ทีมดิวิชัน 2 ของสุพรรณบุรี เอฟซี

“อยู่สีหมอก เอฟซี ปีกว่า จึงย้ายไปม.ปทุม เล่นดิวิชัน 2 ผมไม่เคยขึ้นไปเล่นลีกสูงสุดของไทยลีกเลย ผมจะวนเวียนกับดิวิชัน 2 ง่ายๆ ก็คือไม่ได้ประสบความสำเร็จในด้านฟุตบอลอาชีพ” เสียงโค้ชก็อตพูด หลังจบประโยคนี้ เราคิดว่าเรื่องราวการเป็นนักฟุตบอลอาชีพอาจมีอะไรมากกว่าแค่ความชอบและความหลงใหล

ขอบคุณภาพจาก โค้ชก็อต

 

Q: ทำไมบางครั้งเราถึงเห็นนักกีฬากระทบกระทั่งกัน?

โค้ชก็อต: “อารมณ์ครับ อย่างผมสมัยก่อนเป็นอารมณ์ของวัยรุ่น เราอยากชนะด้วย

เล่นแล้วเราตั้งใจ ด้วยอารมณ์วัยรุ่นก็อาจจะมีการพูดจายั่วยุกัน มันอยู่ที่เราด้วยว่าเราจะคุมอารมณ์ตัวเองได้ไหม”

ณ ขณะหนึ่งที่สับสน

ในชีวิตการเป็นนักฟุตบอลของเรา มีช่วงเวลาไหนที่ยากกับชีวิตบ้างไหม?

“น่าจะเป็นช่วงที่เล่นฟุตบอลอาชีพแล้ว เรารู้สึกว่าทักษะของเราไม่ค่อยดีครับ พื้นฐานบางอย่างของเราไม่ดีเหมือนคนอื่น อย่างการใช้อุปกรณ์ เพื่อนเขาทำได้ทุกอย่างเลย กับเราบางอย่างยังทำไม่เป็น”

ที่เป็นอย่างนั้น ส่วนหนึ่งมาจากในสมัยนั้น การฝึกซ้อมของโรงเรียนอาจจะยังไม่พร้อม มีบอลลูกเดียวก็ลงเล่นกันเลย ไม่มีโปรแกรมซ้อม ยืด วอร์มร่างกายจริงจัง หรือไม่อย่างนั้นโค้ชก็อตก็ฝึกซ้อมตามความเข้าใจของตัวเอง มีโทรทัศน์เป็นคุณครู และเพราะเทคนิคพื้นฐานไม่แข็งเท่าเพื่อน ก็ตามมาด้วยความรู้สึกกดดันตัวเองที่โค้ชก็อตเล่าว่าต้องหาวิธีสร้างความมั่นใจให้ตัวเองทุกครั้งที่ลงแข่ง

“ตอนที่ผมเล่นกองหน้า ถ้าวันไหนผมจับบอลแรกดี หรือเลี้ยงบอลผ่านคู่ต่อสู้ได้ครั้งสองครั้ง ผมจะรู้สึกคลายความกดดันตัวเองแล้ว พอเรามั่นใจก็จะไม่คิดเยอะ”

แต่แล้วเส้นทางชีวิตก็เปลี่ยน จากที่เล่นอยู่ในสโมสรโค้ชก็อตที่เจอกับเรื่องราวชีวิตก็เลยตัดสินใจถอยออกมาเป็นโค้ชฟุตบอลแทน เป็นเส้นทางที่ถึงจะไม่ใช่ความฝันที่มีมาตั้งแต่เด็ก ก็ยังได้ยืนอยู่บนสนาม มีแค่บทบาทที่เปลี่ยน

ขอบคุณภาพจาก โค้ชก็อต

 

โค้ชฟุตบอล เส้นทางใหม่บนพื้นสนาม

Rising Stars Football Academy กลายเป็นสถานที่ทำงานของโค้ชก็อตในปัจจุบัน ที่อะคาเดมีนี้เป็นแห่งที่สี่แล้ว หลังจากที่โค้ชก็อตเปลี่ยนเส้นทางมาเป็นโค้ชฟุตบอล ที่นี่โค้ชก็อตฝึกเด็กตั้งแต่อายุ 8-16 ปี เรื่องช่วงอายุของเด็กจึงเป็นความท้าทายใหม่ในชีวิต

“เด็กเล็กอายุ 8 ปี เราจะไปใช้คำไม่สุภาพหรือดุด่าไม่ได้ เพราะเด็กวัยนี้เขากำลังเรียนรู้ฟุตบอล มาวิ่งเล่นกันแค่นั้น โตขึ้นมาอายุ10-12 ปี ก็เริ่มจะมีรูปแบบในการซ้อม การแข่ง มีเป้าหมายของการเล่น และกับเด็กโต อันนี้เราใส่ระบบได้เต็มที่ ใส่แรง ฟิตเนส ความเขี้ยว เพราะบางคนอายุ 15 เขาเล่นลีกอาชีพได้แล้ว มีเด็กสองสามคนที่เล่นอาชีพอยู่ที่สโมสรฟุตบอลทัพหลวง ยูไนเต็ด พอเราเห็นรูปก็ดีใจที่เขาได้ทำตามที่ฝันไว้”

ขอบคุณภาพจาก โค้ชก็อต

พอเปลี่ยนบทบาทมาเป็นโค้ช ก็มีสกิลที่โค้ชก็อตต้องพัฒนาขึ้น จากการแก้ปัญหาเฉพาะหน้ามาเป็นการวางแผนตั้งแต่ต้นเกม “มันให้เราคิด วางแผนที่สามารถใช้ได้ในการใช้ชีวิต สอนให้เราวางแผนทำอะไรต่อไปทีละสเต็ป เราต้องมองช็อตนี้ก่อน แล้วพอไปเจอสถานการณ์จริงมันอาจจะไม่เป็นไปตามที่เราวางแผนไว้ ทีนี้เราก็ต้องแก้ปัญหาเฉพาะหน้าต่อไป”

จริงๆ แล้วความภูมิใจของโค้ชก็อตไม่ใช่แค่เด็กๆ เล่นฟุตบอลแล้วได้ชัยชนะ หรือมีเด็กในทีมได้เดินไปต่อในเส้นทางนักกีฬาฟุตบอลอาชีพ เรื่องเล็กๆ อย่างการสอนให้เด็กคนหนึ่งเล่นฟุตบอล และหลงรักในกีฬาชนิดนี้ก็เป็นรางวัลของโค้ชก็อตแล้ว

 

Q: มีอะไรที่อยากให้วงการฟุตบอลประเทศไทยพัฒนาบ้างไหม?

โค้ชก็อต: “อยากให้วงการฟุตบอลหรือสมาคมฟุตบอลแห่งประเทศไทย มองเห็นความสำคัญ

ในทุกพื้นที่ของประเทศไทย ถ้าอยากได้นักฟุตบอลที่มีความสามารถ

และอยากให้เขาไปต่อยอดในระดับสูงจริงๆ ต้องไปกระจายโอกาสในพื้นที่ทุรกันดาร

พื้นที่ด้อยโอกาส บางคนที่ผมได้ผมเจอมา เขาเก่งมาก แต่สุดท้ายแล้วเขาไปต่อยอดไม่ได้”

 

สนามฟุตบอลสร้างคน

ฟุตบอลมันเล่นที่ไหนก็ได้ แต่การจะสร้างนักฟุตบอลที่มีคุณภาพได้ก็ต้องเริ่มจากสนามที่มีมาตรฐานก่อน มันจำเป็นมากเลยที่จะไปมอบสนามให้กับเด็กๆ ที่มีโอกาสน้อยมากที่จะได้เล่นในสนามดีๆ รู้สึกว่ามันสำคัญสำหรับวงการนักฟุตบอลไทยในตอนนี้”

โค้ชก็อตเป็นหนึ่งในทีมที่ได้เดินทางไปเปิดสนามฟุตบอลหญ้าเทียมในโครงการ 100 สนามฟุตบอล สร้างพลังเยาวชนไทย ของกลุ่มบริษัท คิง เพาเวอร์ เพื่อสร้างสนามหญ้าเทียมสีน้ำเงินที่โรงเรียนบ้านบาตูปูเต๊ะ เกาะลิบง จังหวัดตรัง เป็นประสบการณ์ที่ทำให้โค้ชได้เห็นว่ายังมีพื้นที่ในประเทศไทยที่รอคอยพื้นที่สำหรับเล่นกีฬาและทำกิจกรรมของชุมชนอยู่

“ผมว่ามันน่าจะเป็นศูนย์กลางของเกาะนั้นที่จะมีพื้นที่ให้คนไปเล่น ใช้สนามอย่างมีความสุข เด็กๆ จะได้มีสนามฟุตบอลเล่น มีที่เล่นที่ได้มาตรฐาน ผมไม่เคยไปภาคใต้เลย แต่ได้เห็นว่าคนที่นั่นเขายิ้มแย้ม ใจดี โบกมือให้ตลอดทางเลย” เป็นเรื่องราวความประทับใจหนึ่งที่โค้ชก็อตได้รับกลับมา ส่วนผลคะแนนท้าดวลกับเด็กๆ ที่โรงเรียนบ้านบาตูปูเต๊ะ ทีมก้าวคนละก้าว เอาชนะไปได้ 4-0 เป็นประสบการณ์ที่โค้ชก็อตประทับใจที่ได้เป็นส่วนหนึ่งของเรื่องราวดีๆ

 

คำถามสุดท้าย ความฝันของโค้ชในวันนี้คืออะไร?

“ผมอยากเห็นเด็กที่ตัวเองเคยปลุกปั้น เคยจับเท้าแปบอลสักคนหนึ่งได้เล่นทีมชาติไทย แค่นั้นเลย”

กีฬาที่ท่ามกลางสนามที่มีผู้เล่นเป็นสิบ แต่ละคนใช้ความหลงใหลเป็นกำลังวิ่งไปเพื่อเตะฟุตบอลลูกเดียว พอได้มองมุมนี้จากคำพูดของโค้ชก็อตก็พอจะเข้าใจแง่มุมของการมีสิ่งที่ตัวเองหลงรัก และแม้ว่าวันหนึ่งเส้นทางชีวิตจะบิดพลิ้วไปสักเล็กน้อยก็อาจจะไม่เป็นไร เพราะวงจรที่อยู่ก็ยังเหมือนเดิม

ขอบคุณภาพจาก โค้ชก็อต

Author

วรากร เพชรเยียน

Author

อดีตแอร์โฮสเตสผันตัวมาเป็นนักเขียน ผู้หลงใหลศิลปะและการเดินทาง นิยมการบอกรักประสบการณ์ผ่านตัวหนังสือ

Author

บริษัท เอ็กเปิร์ดคิด จำกัด

Photographer

การรวมตัวของคนโปรดักชั่น ที่ยังเชื่อในพลังสร้างสรรค์ เราจึงคิดและผลิตงานศิลปะทุกรูปแบบ