“มันมีช่วงอายุที่เราออกจากงานประจำเพราะอยากทำอะไรเป็นของตัวเอง เลยลองถามเพื่อนในเฟซบุ๊กว่าทำอะไรดี เพื่อนสนิทคนหนึ่งมาคอมเมนต์ว่า ขายกะเพรา”
จากความรู้ใจของเพื่อนและความรักในเมนูกะเพราเป็นทุนเป็นจุดเริ่มต้นของร้านเพรา ร้านที่เรียกได้ว่าเป็นเจ้าแรกๆ ในไทยที่มุ่งขายเฉพาะเมนูกะเพรา เพราะสำหรับเจ้าของร้านคุณอ้อ – นันทิยา เดชอมรธัญ กะเพราไม่ใช่แค่เมนูประดับร้านอาหารตามสั่ง แต่สามารถเป็นเมนูหลัก เป็นอาหารจานเด่นได้ ไม่ต่างไปจากอาหารขึ้นชื่อของประเทศไทยอื่นๆ อย่างผัดไทยหรือต้มยำ บางทีเมนูกะเพราที่หลายคนมองว่าสิ้นคิดอาจเป็นอะไรมากกว่าที่คิด
“เมนูกะเพรามันไม่มีถูกมีผิด เลยทำให้ร้านเพราเป็นร้านที่มีท็อปปิ้งมากมาย
ที่จะสร้างสรรค์กะเพราในแบบที่เราชอบมากที่สุด…
พยายามปรุงรสโดยที่ไม่ใช้ผงชูรสเลยเป็นเรื่องยากมาก ตรงนี้เป็นจุดเด่นของเรา”
นันทิยา เดชอมรธัญ
เจ้าของร้านเพรา Thai Taste Hub ตึกมหานครคิวบ์
จากเมนูโปรดสู่ร้านเพรา
“อ้อเป็นคนชอบกินกะเพรามากมาตั้งแต่เด็ก อยู่โรงเรียนมีร้านอาหารตามสั่งก็สั่งกะเพราทุกวัน ไปต่างประเทศที่ไหนที่เขาขายอาหารอะไรก็ตาม เราก็จะอยากกินแต่กะเพราตลอดเวลา”
เพราะความชอบอาหารเอเชียที่มีรสจัด รสชาติเผ็ดร้อน กลิ่นหอมและความฉุนนิดๆ ของกะเพราเป็นเสน่ห์ที่ทำให้คุณอ้อติดใจ จนถึงขั้นไปอยู่ต่างประเทศตอนไปเรียนด้านการค้าปลีกแฟชั่น ที่ลอนดอน ประเทศอังกฤษ คุณอ้อก็ยังซื้อเครื่องปรุงสำเร็จรูปติดตัวไปด้วย และแม้ว่ารสชาติของเครื่องปรุงสำเร็จรูปที่ซื้อติดมือจะไม่ถูกปากนัก แต่ก็เป็นแรงบันดาลใจให้คุณอ้อทดลองทำกะเพราสูตรของตัวเอง
‘เพรา’ เมนูกะเพราจากความรักของอ้อ นันทิยา
• หยิบเอาความชัดในสิ่งที่ตัวเองชอบมาสร้างสรรค์เป็นสิ่งใหม่โดนใจคน
• เก็บเกี่ยวความรู้ในทุกๆ อย่างที่ได้เรียนรู้มาปรับใช้ แฟชั่นไม่ใช่แค่เสื้อผ้าแต่เป็นทุกอย่างรอบตัว
• สูตรอาหารและการเลือกสรรวัตถุดิบ ทุกอย่างผ่านมือผ่านตาคุณอ้อมาแล้วทั้งสิ้น
“ลองชิมแล้วมันไม่ถูกใจเรา ก็เลยไปซูเปอร์มาร์เก็ตจีน ด้วยความที่ชอบกินอาหาร เราพอจะรู้ว่ารสนี้มาจากไหน ต้องใช้วัตถุดิบอะไร ก็เลือกที่จำเป็นมาลองผสมสูตรของตัวเองดู ต้องขอบคุณเครื่องปรุงสำเร็จรูปนั้นที่ทำให้ได้ลองทำอาหาร จากที่เราทำอาหารไม่เป็นเลย” คุณอ้อเล่าว่าพอได้ส่วนผสมของกะเพราในแบบที่ชอบแล้ว ก็ไม่จำเป็นต้องพึ่งเครื่องปรุงสำเร็จรูปที่อุตส่าห์ซื้อตุนไปอังกฤษอีกเลย และเป็นแรงบันดาลใจให้อยากลองทำธุรกิจของตัวเอง
หลังกลับจากลอนดอนและตัดสินใจทำธุรกิจของตัวเอง คุณอ้อเริ่มต้นจากการตั้งโพสต์บนเฟซบุ๊ก “ทำธุรกิจอะไรดี” คอมเมนต์ของเพื่อนสนิทที่บอกให้ขายกะเพราเป็นคอมเมนต์ตรงใจที่สุด โปรเจกต์ร้านเพราจึงเริ่มต้นมาตั้งแต่นั้น
Suggestion
ความรักและความรู้ มุมมองที่ดีสร้างร้านเพรา
“ตอนไปซื้อของ เคยมีคนถามว่าทำไมเราซื้อเยอะจัง ขายอะไร เราก็ตอบว่าขายกะเพราอย่างเดียว เขาบอกขายกะเพราอย่างเดียวจะขายได้เหรอ อ้อรู้สึกว่ากะเพราสามารถเป็นตัวเอกได้ และควรจะเป็นตัวเอกด้วยซ้ำ และมันเป็นไปได้มากๆ ที่กะเพราจะเป็นอาหารที่คนไทยกินมากที่สุดต่อวัน”
สำหรับหลายคนเมนูกะเพราอาจเป็นแค่เมนูหนึ่งในร้านอาหารตามสั่ง ที่สามารถสั่งได้แทบทุกร้านในประเทศไทย แต่กับคุณอ้อเมนูนี้เป็นเมนูแสนรักที่มอบความสบายใจให้ทุกครั้งที่ได้กิน ไม่ใช่แค่เมนูดาษดื่นหรือเมนูสิ้นคิด แนวคิดที่อยากให้เมนูกะเพราเป็นเมนูเลื่องชื่อเป็นที่รู้จักของคนต่างชาติเหมือนผัดไทยหรือต้มยำจึงเกิดขึ้น ซึ่งคุณอ้อนำเอาความรู้ที่ได้จากการเรียนด้านการค้าปลีกแฟชั่นของตัวเองมาปรับใช้ด้วย
“อ้อคิดว่าการค้าปลีกแฟชั่นสามารถปรับใช้ได้กับสินค้าทุกๆ อย่าง ช่วงที่เราเปิดแล้วค่อนข้างจะโด่งดังมันก็เป็นแฟชั่นบางอย่างที่เราใส่เข้าไป ทุกอย่างที่เราทำมันผ่านขั้นตอนการคิดภาพลักษณ์อะไรบางอย่างที่เราเซตไว้”
ทั้งความรู้ที่เรียนมา ความรักในอาหารไทย โดยเฉพาะกะเพราเป็นองค์ประกอบสำคัญที่ผลักดันให้คุณอ้อมีแรงที่จะพัฒนาสูตรและทำร้านอาหารขึ้นมา โดยมีคุณอ้อเริ่มต้นทำทุกอย่างคนเดียวในปี 2018 ตั้งแต่คิดสูตรอาหารจากคนที่ทำอาหารไม่เป็น ทำคอนเทนต์ กราฟิก หน้าร้าน ทุกๆ อย่างเกิดขึ้นจากความตั้งใจและความรักในกะเพราของคุณอ้อทั้งสิ้น
กะเพราฉีกกฎตามใจอ้อ
ความรักในรสชาติของกะเพราเมนูโปรดของคุณอ้อ จึงเป็นจุดเริ่มต้นที่ทำให้คุณอ้อพยายามคิดค้นสูตรกะเพราที่แตกต่างจากคนอื่นและสรรหาวัตถุดิบที่มีคุณภาพมาใช้ “อ้อมั่นใจว่าในส่วนผสมของซอสของเรา ไม่มีร้านไหนใช้ส่วนผสมนี้แน่นอน การที่จะพยายามปรุงรสโดยที่ไม่ใช้ผงชูรสเลยเป็นเรื่องยากมาก ตรงนี้เป็นจุดเด่นของเรา” นอกจากสูตรที่กะตวงอย่างดีแล้ว ในเมนูกะเพราที่มีให้เลือกยังมีส่วนผสมวัตถุดิบจากต่างประเทศเข้ามาปรับใช้ด้วย อาทิ หมาล่า ที่นำมาทำเป็นกะเพราหมาล่า ชีสและไข่กุ้ง
จากสูตรที่คุณอ้อคิดปรุงขึ้นเอง วัตถุดิบโปรตีนก็เป็นจุดเด่นของร้านด้วยการเลือกใช้วัตถุดิบที่มีความสะอาด ถูกสุขอนามัย โดยเลือกใช้เนื้อหมู เนื้อไก่ จากผลิตภัณฑ์แบบแพ็กขายอย่างดีในห้าง นำมาผ่านกระบวนการผัดและทอดที่ทางร้านมีหลากหลายวิธีให้เลือก ทั้งการผัดน้ำมันและการผัดแบบธรรมดาที่ใช้น้ำมันรำข้าว นอกจากวัตถุดิบที่เลือกสรรอย่างดีแล้ว ความเป็นเพราที่แตกต่างคือ มุมมองของคุณอ้อที่มองว่ากะเพราไม่มีขอบเขต
“กะเพรามันไม่มีถูกมีผิด ส่วนตัวอ้อก็ชอบกินกะเพราที่มีแค่ใบกะเพราเหมือนกัน แต่บางครั้งเราก็อยากใส่หัวหอมบ้าง บางอารมณ์อยากใส่กะหล่ำ อ้อก็เลยทำให้ร้านเพราเป็นร้านที่มีท็อปปิ้งมากมายให้ทุกคนสามารถที่จะสร้างสรรค์กะเพราในแบบที่เราชอบมากที่สุด ใส่ผัก ใส่เครื่องปรุงบางอย่างที่เปลี่ยนรสชาติให้สนุกขึ้น” เมนูกะเพราที่มีการถกเถียงกันว่าต้องมีแต่ใบกะเพราเท่านั้น สำหรับคุณอ้อ กะเพราเป็นอะไรได้มากกว่านั้น นอกจากเมนูที่คิดค้นแล้วจึงมีอีกพาร์ตให้ลูกค้าทดลองปรุงกะเพราในแบบฉบับของตัวเอง
เมนูแนะนำร้านเพรา
• กะเพราหมูตุ๋น หมูกรอบ…เมนูที่หยิบเอาหมูตุ๋นและหมูกรอบวัตถุดิบที่คนไทยชื่นชอบมาผัดกะเพรา รสชาติกะเพราเข้มข้นวางลงบนข้าวสวยร้อนๆ ให้เยอะ
• กะเพราหมูสับเบคอนกับไข่เจียวไขมันต่ำ…หมูสับและเบคอนเป็นหนึ่งในจานพื้นฐานของกะเพรา ผัดน้ำมันรำข้าวดีต่อสุขภาพ กินคู่กับไข่เจียวไขมันต่ำทำให้กะเพราจานนี้ไม่รู้สึกหนักจนเกินไป
• กะเพราไก่ไข่ดาวไข่กุ้ง…กะเพราไก่ไข่ดาวเมนูยอดฮิตของคนไทย เพิ่มเติมรสชาติด้วยวัตถุดิบสีสันสดใส อย่างไข่กุ้ง เป็นเมนูยอดฮิตที่มีรสชาติจัดจ้านและเทกเจอร์แปลกใหม่
Suggestion
การต่อสู้กับทุกสรรพสิ่งรอบด้าน
“ตอนที่ทำร้านแรก จะมีประโยคหนึ่งที่เราทำเป็นไฟนีออนติดอยู่ที่ผนัง เขียนว่า You’re the first I think of. หมายความว่า กะเพราเป็นสิ่งแรกที่เราคิดถึง อาหารสิ้นคิดไม่ใช่ไม่สำคัญ”
คุณอ้อเล่าว่าหนึ่งในความท้าทายของการทำร้านเพรา ไม่ใช่แค่สูตรอาหารหรือการออกแบบร้าน แต่เป็นทัศนคติของคนที่มีต่ออาหารจานนี้ ซึ่งมองว่าเป็นอาหารจานด่วน อาหารสิ้นคิดที่ควรจะมีราคาถูก “สิ่งที่เจอบ่อยคืออาหารจานนี้ทำไมถึงแพง อาจจะด้วยมุมมองของคนที่มองว่ากะเพราเป็นอาหารที่มีขายทั่วไป การที่กะเพราขายถูกเลยกลายเป็นว่ามันจะต้องถูกอยู่อย่างนั้น แต่จริงๆ แล้ว แพงหรือไม่แพงมันขึ้นอยู่กับว่าเราใช้อะไรในการปรุง”
แต่ระยะเวลากว่าห้าปีที่ผ่านมา พิสูจน์แล้วว่าอาหารที่คนมองว่ามีราคาถูก สามารถเป็นอาหารที่โดดเด่นได้ ความสำเร็จนี้เองที่เป็นอีกหนึ่งจุดเปลี่ยนสำคัญของวงการอาหาร ที่ทำให้เริ่มเกิดร้านขายกะเพราใหม่ๆ ขึ้น แม้ว่าจะมีการแข่งขันสูงมาตั้งแต่นั้นและเจอกับสถานการณ์โควิด – 19 แต่คุณอ้อก็พาร้านเพราฝ่าฟันอุปสรรคมาได้ด้วยความรักที่มีต่อร้านเพราที่สร้างขึ้นกับมือและเมนูกะเพรา
ปัจจุบันร้านเพราเข้ามาตั้งอยู่ใน Thai Taste Hub ชั้น 1 ของตึกมหานครคิวบ์ เป็นร้านกะเพราเจ้าเดียวในนั้นที่ขายกะเพราหลากหลายสไตล์ เป็นโอกาสที่ไม่ใช่แค่ให้ชาวออฟฟิศหรือคนไทยได้ลิ้มรสกะเพราแสนอร่อย แต่ยังตรงกับเป้าหมายที่อยากให้กะเพราเป็นอาหารที่คนต่างชาตินึกถึงเมื่อพูดถึงอาหารไทย
“อ้อรักร้านเพราและรักอาหารจานนี้มากๆ ถึงอ้อไม่มีร้าน อ้อก็ยังกินกะเพราอยู่ดี”
ความหลงใหลในรสชาติกะเพราที่คุณอ้อลิ้มรส ชื่นชอบมาตั้งแต่ยังเป็นเด็กพาคุณอ้อเดินทางมาไกลและฝ่าทุกอุปสรรคมาได้ และสำหรับการสร้างร้านอาหารที่เริ่มต้นทำทุกอย่างด้วยตัวเอง คุณอ้อบอกว่าสิ่งสำคัญที่สุดคือความรักในสิ่งที่ทำ ชีวิตเหมือนกระดาษเปล่าและเราต้องวาดภาพนั้นออกมาให้ได้สิ่งที่ทำถึงจะสำเร็จ