Passion

ว่าด้วยพลังดนตรีเปลี่ยนชีวิต
ภาคต่อ ของ “สกลพัฒน์” จากสกลนคร

วรากร เพชรเยียน 23 Jul 2024
Views: 908

Summary

พาไปติดตาม “สกลพัฒน์” ที่ผ่านการคัดเลือกเป็น 1 ใน 3 วงจากสนามขอนแก่นอีกครั้ง! ใน THE POWER BAND 2024 SEASON 4 “เป็นได้สุด เป็นไปได้ ด้วยพลังแห่งดนตรี” ที่ปรับแนวดนตรีมาเพื่อเอาชนะใจกรรมการ กับเรื่องราวของวงและดนตรีของทั้ง 8 คน

หลังสิ้นคำประกาศชื่อวงที่แสดงวงแรก ‘สกลพัฒน์’ ก็ใส่เต็ม เล่นดนตรีเปิดเวทีสนามขอนแก่นในปีนี้แบบมันจับจิต จนได้รับเสียงชื่นชมจากกรรมการมากมาย แสดงจบ…ทุกคนพูดเป็นเสียงเดียวกันว่า “โล่งงงง”

บอส(ทรัมเป็ต) / โอมา(เบส) / เพชร(แซกโซโฟน) / ปลื้ม(กลอง) / จอมขวัญ(ร้องนำ) / ปิ่น(คีย์บอร์ด) / เต้(กีตาร์) / คิมหันต์(กีตาร์)

 

“เรายังไม่รู้ว่าคู่แข่งเราจะเป็นยังไง” จอมขวัญ (นักร้อง) นำเปิดการพูดคุยด้วยการสารภาพความรู้สึกในนาทีที่วงต้องขึ้นเวทีแข่งเป็นลำดับแรกให้ฟัง “เราแข่งแต่เช้า เราเพิ่งตื่น ร่างกายก็อาจจะยังไม่ค่อยพร้อม พอทำได้เหมือนที่เราคาดหวังไว้ก็โล่งค่ะ”

การประกวดครั้งนี้ของสกลพัฒน์ต่างจากการประกวดเมื่อปีที่แล้ว ตรงที่หลายอย่างเปลี่ยน แต่ทุกคนก็ตั้งใจอยากมาคว้ารางวัลบนเวที THE POWER BAND 2024 SEASON 4 “เป็นได้สุด เป็นไปได้ ด้วยพลังแห่งดนตรี” เวทีประกวดวงดนตรีสากลคุณภาพระดับประเทศ จัดโดย คิง เพาเวอร์ ไทย เพาเวอร์ ร่วมกับ วิทยาลัยดุริยางคศิลป์ มหาวิทยาลัยมหิดล ในธีม “Let The Music Power Your World” ในปีนี้ให้ได้

 

“ครั้งนี้เราลองเปลี่ยนแนวเพลงที่เล่น

จากคอมเมนต์กรรมการที่ได้รับในซีซันที่แล้ว ที่บอกให้ลองเล่นดนตรีแนวใหม่ๆ

วง สกลพัฒน์ โรงเรียนสกลนครพัฒนศึกษา
รุ่นมัธยมศึกษา สุดยอดวงดนตรีระดับมัธยมฯ (High School Class)
THE POWER BAND 2024 SEASON 4 สนามขอนแก่น

การพูดคุยกับสมาชิกในวงทั้งหมดครั้งนี้เป็นเหมือน “ภาคต่อ” หลังจากที่วงสกลพัฒน์เคยไปถึงรอบชิงชนะเลิศมาแล้ว แต่ยังคว้าชัยชนะมาไม่สำเร็จตามที่ตั้งใจ ปีนี้พวกเขาเตรียมพร้อมกันมาให้ดียิ่งขึ้นกว่าเดิม…นำทีมมาโดย จอมขวัญ – ปุณยวีร์ ดวงพลอย  (ร้องนำ) พาเพื่อนร่วมทีมอีก 7 คน จากโรงเรียนสกลนครพัฒนศึกษา อย่าง ปิ่น – อินธิกา ภูเงินช่อ (คีย์บอร์ด, คอรัส) เต้ – ปิติธรรม ชูลักษณ์  (กีตาร์, คอรัส)  คิมหันต์ – ธนกร ไสยสนิท (กีตาร์) โอมา – ณฐพล  ทับแสง (เบส) ปลื้ม – ปฏิภาณ แก้วคำเเสน (กลอง) บอส – จักรพงศ์ งอยจันทร์ศรี  (ทรัมเป็ต) และ เพชร – เพชร  ออวิสัย (แซกโซโฟน) มาแสดงความสามารถ ตั้งเป้าว่าอยากคว้ารางวัลในครั้งนี้ให้ได้

 

ขอหนึ่งเพลงที่อยากเล่นก่อนตาย

• จอมขวัญ (ร้องนำ):
เพลงของ Beyoncé อยากร้องเพลง Love On Top

• ปิ่น (คีย์บอร์ด, คอรัส):
เพลง It’s me ของวง Sixty Miles

• เต้ (กีตาร์, คอรัส):
เพลง Leave The Door Open ของ Bruno Mars

• คิมหันต์ (กีตาร์):
เพลงสู้ ของหิน เหล็ก ไฟ เพลงนี้นักกีตาร์มักจัดให้เป็นเพลงที่เล่นกีตาร์ยากที่สุดในเพลงไทย

ปรับแนว แต่ความตั้งใจไม่เปลี่ยนไป

เมื่อตอนการประกวด THE POWER BAND SEASON 3 วงสกลพัฒน์ยังเป็นแค่วงดนตรีแนวร็อก อ่านเรื่องวงสกลพัฒน์ เมื่อ SEASON ที่แล้ว คลิก  แต่วันนี้พวกเขาเป็นมากกว่านั้น เพราะเวลาได้เปิดโลกกว้างให้ทุกคนได้เรียนรู้และรู้จักแนวทางดนตรีใหม่ๆ จนกระทั่งมาเจอแนวที่ใช่…ยิ่งขึ้น ส่วนหนึ่งเป็นเพราะคอมเมนต์จากกรรมการที่พวกเขาได้รับจากการประกวดครั้งก่อนทำให้ได้รับประสบการณ์ที่สำคัญ

“ครั้งนี้เราลองเปลี่ยนแนวเพลงที่เล่นจากคอมเมนต์กรรมการในซีซันที่แล้ว ที่บอกให้ลองเล่นดนตรีแนวใหม่ๆ พวกเราลองเล่นมาหลายเพลงแล้วแต่ยังไม่เข้ากับวง จนมาเจอเพลงลงใจกับเพลงสายตาหลอกกันไม่ได้ ที่เล่นแล้วโอเค”

ครั้งนี้เลยเป็นมาเป็นแนวป็อป R&B และเปิดด้วยฟิวชัน แต่กว่าจะได้สองเพลงนี้มาก็มีเพลงที่ซ้อมแล้ว ”ยังไม่เอา” อยู่หลายเพลง หลังจากตัดสินใจใช้เพลงลงใจและสายตาหลอกกันไม่ได้ ก็มาถึงพาร์ตของการ rearrange ใหม่ ซึ่งได้ทั้ง ครูเจษ (อาจารย์เจษฎา งอยจันทร์ศรี ผู้ควบคุมวง) และเต้ ช่วยกันดูการซ้อม

“อย่างเพลงลงใจ เป็นเพลงที่ “ทำใหม่” ค่อนข้างยาก เวลา arrange ถ้าใส่อะไรเยอะไปก็จะฟังไม่รื่นหู เรามาคิดว่า เราทำเพลงให้นักดนตรีฟังหรือคนฟัง แล้วตีโจทย์ให้เป็นเพลงจากที่นักดนตรีฟัง ก็ต้อง rearrange ให้มีความซับซ้อนมากขึ้น ส่วนเพลงสายตาหลอกกันไม่ได้ ก็คือตัดและเปลี่ยนค่อนข้างเยอะเหมือนกันครับ” เต้ ตอบ

“สมมติเราแกะเพลงลงใจมา เราเล่นแล้วมีอะไรที่ควรเพิ่มก็ลองใส่ดู แล้วก็จะเล่นให้ครูผู้คุมวงฟัง แล้วก็ฟังความคิดเห็นจากคนอื่นๆ ด้วยว่าอยากได้แบบไหน” คิมหันต์ ช่วยเสริม

แม้ตลอดทางจะต้องปรับเปลี่ยนหลายสิ่ง แต่ความตั้งใจของทุกคนที่จะมาคว้ารางวัลให้ได้ยังเหมือนเดิม มีเพิ่มเติมแค่สองสมาชิกใหม่ คือ คิมหันต์ (กีตาร์) และโอมา (เบส) ที่มาเติมแทน เซฟ กับ โอ๊คตำแหน่งดังกล่าว

“ตอนแรกกดดันมากเพราะรุ่นพี่เขาทำไว้ดี แอบคิดกับตัวเองว่าจะทำได้เท่าเขาไหม เพราะเล่นกันคนละแนวเลย ก็ต้องปรับกันจนเข้ากับวง” คิมหันต์ ตอบ

 

คิดว่าอะไรที่จะทำให้วงดนตรีประสบความสำเร็จ?

“การตั้งใจซ้อม ความตรงต่อเวลา และการฟังครูผู้คุมวง แล้วนำมาฝึกฝนตัวเอง” – โอมา (เบส)

 

ใครมีใครเป็นไอดอลบ้าง

• วง Cocktail …ศิลปินที่จอมขวัญ (ร้องนำ) ชอบ
“เขาแต่งเพลงเพราะและเขาแต่งมาให้ทุกคนฟัง ไม่ยากและไม่ง่าย เข้าถึงได้ทุกคน”

• พี่โซ่ วง …ศิลปินที่ ปิ่น (คีย์บอร์ด, คอรัส) อยากเล่นให้ได้แบบเขา

• พี่เชาว์ วง Cocktail …มือกีตาร์ที่ เต้ (กีตาร์, คอรัส) ชื่นชอบมาตั้งแต่เด็ก

• วง …วงที่อยู่มายืนยาว มีแนวดนตรีและทักษะ
ที่ คิมหันต์ (กีตาร์) คิดว่านำมาใช้ในการเล่นดนตรีของเขาได้

• วง Three Man Down …ศิลปินที่ โอมา (เบส) ชื่นชอบ
เพราะแต่ละเพลงที่เขาทำความหมายมันดี

• 1MILL…ศิลปินที่ ปลื้ม (กลอง) ชอบ

• วง Polycat…ศิลปินที่ บอส (ทรัมเป็ต) บอกว่าผลงานของวงฟังได้เรื่อยๆ
ชอบเสียงนักร้อง ฟังแล้วสบายดี

• The Toys …นักร้องมีเสียงเพราะ สำหรับ เพชร (แซกโซโฟน)
และเห็นว่าวงยังเล่นกีตาร์ได้ “โหด” มาก

ใจฟูด้วยคอมเมนต์กรรมการ

มาแข่งครั้งนี้ที่เห็นกรรมการถูกใจและให้รายละเอียดในคอมเมนต์เป็นพิเศษ เป็นผลงานจากมือกลอง ที่ได้รับเสียงชม “ดีใจครับ เป็นกำลังใจให้ผมอยากตีกลองต่อไปอีกเรื่อยๆ ครับ เล่นกลองมาได้เกือบสี่ปีแล้ว ตั้งแต่เรียน ม.1” ปลื้ม (เคยอยู่ในการแข่งขันเมื่อปีที่แล้ว) แสดงความเห็น

“พวกเรารู้สึกดีใจ เพราะเราทำอย่างเต็มที่” บอส ช่วยเสริมอีกที

แม้ว่าจะมีเสียงชื่นชม แต่ก็มีจุดที่ทุกคนอยากปรับปรุงเพื่อให้การแสดงในรอบชิงชนะเลิศออกมาดีที่สุดเช่นกัน      “ได้รับคอมเมนต์ให้ปรับปรุงเพิ่มเติมในเรื่อง Dynamic และ Groove …จังหวะในการเล่น มันไม่ค่อยตรง ส่วนมากเราชอบเร่ง” จอมขวัญ ช่วยตอบอีกแรง

 

ซีซัน 4 มาพร้อมความหวังเต็มเปี่ยม

ก่อนขึ้นเวทีมีบูมและมีคนร้องไห้ด้วย?

“ครูผู้คุมวงน่าจะอยากให้พวกเราผ่านเข้าไป อยากให้เราได้รับประสบการณ์ เราซ้อมกันมานานกว่าจะได้มาขนาดนี้ ก็อยากไปต่อ ทุกคนน้ำตาคลอ เพราะครูร้องไห้ เราก็ไม่อยากให้ครูผิดหวังด้วย” จอมขวัญ ตอบ

“พวกเราอยากเข้ารอบไฟนอล เพราะอยากไปเจออะไรใหม่ๆ ที่ไม่ได้อยู่แค่ในจังหวัดตัวเอง ไปเห็นว่าที่อื่นเล่นดนตรียังไง แนวไหน บางจังหวัด บางที่ยังไม่เปิดกว้าง ยังมีแต่แนวร็อกอยู่เลย” เพชร ช่วยเสริม

มุมของรุ่นพี่ ม. 6 อย่างปิ่นก็อยากให้น้องๆ ได้รับประสบการณ์เช่นกัน “เราอยากให้น้องได้ประสบการณ์ ให้น้องๆ รู้ว่าการไปเล่นที่กรุงเทพฯ เป็นยังไง ดนตรีต้องไปฟังสดถึงจะเข้าใจ”

ก่อนมาในครั้งนี้ทุกคนเริ่มซ้อมกันตั้งแต่ปิดเทอมช่วงเดือนมีนาคมจนถึงตอนนี้ ระหว่างนั้นก็ช่วยกันหาเพลงที่จะลงประกวดไปด้วย “เวลาซ้อม ถ้าไปข้างนอกก็ต้องเสียสองสามร้อยบาท ครูเลยตั้งกฎว่าให้กวาดห้อง ถูห้องก่อนแล้วค่อยซ้อม ซ้อมฟรีไปเลยแต่ก็ต้องช่วยกันดูแลรักษาความสะอาด” เต้ เสริม

ความพร้อมในวันที่แข่ง ทุกคนมาด้วยความหวังเต็มเปี่ยม เพราะทุกคนอยู่ในจุดที่อยากพัฒนาไปอีกขั้น ออกมาเพื่อหาโอกาสให้กับตัวเอง

 

ขอหนึ่งเพลงที่อยากเล่นก่อนตาย

• โอมา (เบส):
เพลง Run For Cover ของ Marcus Miller

• ปลื้ม (กลอง):
เพลงแสงเทียน เพลงพระราชนิพนธ์ ที่ผมเคยเอาไปเล่นแล้วรู้สึกว่าเพราะดี

• บอส (ทรัมเป็ต):
เพลงพลังงานแสงอาทิตย์ ของ Potato เพราะเนื้อหาเพลงมันมีแดดส่องแสงก่อนตาย

• เพชร (แซกโซโฟน):
เพลงแสงสุดท้าย ของ Bodyslam

 

ถ้าโลกนี้ไม่มีดนตรี สกลพัฒน์คง…

“วงเราจะขี้อาย ถ้าเหลือตัวคนเดียว” จอมขวัญ บอก

“พวกเราเป็น Introvert และ Extrovert ในเวลาเดียวกันครับ” เต้ เสริม

จากคนขี้อาย ดนตรีชักจูงให้คนเก็บตัวทั้งแปดมาอยู่ร่วมกัน สร้างพลังมากมายให้กับพวกเขา

“ดนตรีทำให้เรากล้าแสดงออก มีอาชีพ มีรายได้ ได้มีโอกาสหยิบยื่นเข้ามาให้เรามากขึ้นในเส้นทางดนตรี มีคนมองเห็นเรามากขึ้น จากคนมากมายที่เขาไม่รู้จะมาสนใจเราทำไม แต่พอเราเล่นดนตรี เขาก็เริ่มหันมาสนใจ” จอมขวัญ ตอบ

คิมหันต์ก็ช่วยเสริมทัพด้วยว่า “ถ้าเราเป็นนักเรียนธรรมดา ในโรงเรียนคนเป็นพันมันก็จะไม่โดดเด่น แต่พวกเราสามารถสร้างตัวตนใหม่ขึ้นมาได้ พลังแห่งดนตรีก็ทำให้ได้ไปในที่ที่ไม่เคยไป รู้จักคนที่ไม่เคยรู้จัก”

คิดว่าถ้าโลกนี้ไม่มีดนตรี จะเป็นยังไง?

“คงจะเหงาหงอย มันคงจะเงียบ ขนาดเข้าห้องน้ำยังต้องฟังเพลง โรงเรียนก็ยังต้องมีเพลงโรงเรียน” เพชร ตอบ

“เสียงนก เสียงกา มันก็ยังเป็นเสียงบรรเลงนะ” ปิ่น ตอบ

“บนโลกใบนี้ไม่มีมนุษย์คนไหนไม่ฟังเพลงหรอกค่ะ” จอมขวัญ เสริม

สำหรับ สกลพัฒน์ วันนี้ดนตรีเปลี่ยนโลกของพวกเขาไปตลอดกาล รวมคนเก็บตัวทั้งแปดมาเล่นดนตรีด้วยกันและสร้างโอกาสที่จะแตกต่างและหลุดออกจากกรอบเดิม เป็นวงดนตรีที่บอกเราว่ายังมีนักดนตรี นักร้องฝีมือดีอีกมากในทุกๆ หลายคนไม่เห็น ต้องการเพียงแค่โอกาสให้แสดงตัวตนและเปิดประตูสู่ความเป็นไปได้ใหม่ๆ ได้อย่างแท้จริงในสักวัน

Author

วรากร เพชรเยียน

Author

อดีตแอร์โฮสเตสผันตัวมาเป็นนักเขียน ผู้หลงใหลศิลปะและการเดินทาง นิยมการบอกรักประสบการณ์ผ่านตัวหนังสือ

Author

อำพน จันทร์ศิริศรี

Photographer

ช่างภาพอิสระมากว่า 30 ปี...ที่คร่ำหวอดกับการถ่ายภาพรายการทีวีต่างๆ เช่น The Voice, The Rapper, The Stars Idol เป็นต้น และถ่ายภาพคอนเสิร์ตต่างๆ