เรื่องราวเล็กๆ ของชีวิตหนึ่งที่เรากำลังจะคุยถึงในวันนี้ หล่อหลอมจากวิถีของชาวไทลื้อในอำเภอปัว จังหวัดน่าน…ความรักที่มีต่อกระเป๋าหนัง และความสุขจากการให้… การได้พูดคุยกับเธอคนนี้ ทำให้เราเรียนรู้ได้ว่า ความสุขเป็นเรื่องง่ายๆ ใกล้ตัวกว่าที่คิด…เธอทำได้อย่างไร
ถ้าให้เราถามถึงภาพความสำเร็จในชีวิตของแต่ละคน คำตอบที่ได้กลับมาคงจะ มีหลากหลาย บางคนอยากมีธุรกิจใหญ่ๆ มีบ้าน มีเงิน มีหน้ามีตาในสังคม หรือบางคนอาจจะอยากได้ ชีวิตที่สงบสุข พอกินพอใช้ แต่สำหรับ คุณกุ้ง – ศรีสุดา โวทาน เจ้าของแบรนด์กระเป๋า E – Nang ภาพความประสบความสำเร็จในหัวของเธอคือ ความสุข และความเอื้ออาทรที่เธอได้รับจากคนรอบข้าง นี่แหละ ที่หล่อเลี้ยงหัวใจให้พองโต ไม่เพียงเท่านั้นยังเป็นสิ่งที่ช่วยพาธุรกิจของเธอให้ไปข้างหน้า…แบบค่อยเป็นค่อยไป เพื่อความยั่งยืน
ความน่ารักของเธอคนนี้ทำให้เรารู้สึกว่าความสุขอยู่รอบตัวจริงๆ “ความสุขของเราไม่ได้อยู่ที่ตัวเงิน แต่เป็นความรักที่ได้จากคนรอบข้างคือความสุขแท้จริงของเรา” คุณกุ้งยืนยันถึงสิ่งที่เธอทำและสิ่งได้รับกลับมาจากการทำให้ “อี – นาง” แบรนด์กระเป๋าเก๋ๆ ที่เกิดขึ้นด้วยแรงบันดาลใจแบบที่เรียกว่าสำนึกรักบ้านเกิดของเธอก็ว่าได้ (คำว่า “อีนาง” ชื่อแบรนด์ก็มาจากคำที่ผู้ใหญ่ชาวไทลื้อใช้เรียกเด็กสาวอายุน้อย)
จากน่านเดินทางสู่กรุงเทพฯ เธอมาทำงานในบริษัทใหญ่ มั่นคง จนวันหนึ่งที่เริ่มโหยหาความสุข คิดถึงบ้าน คิดถึงครอบครัว กลายเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญที่ให้คุณกุ้ง ตัดสินใจกลับมาสู่น่านบ้านเกิด แล้วเริ่มต้นทำธุรกิจจากสิ่งที่เธอรัก
“คนที่ทำกระเป๋าให้เรา ก็คือคนสูงอายุ คนมีลูก คนที่พ่อแม่ป่วย เขาสามารถรับงานไปทำที่บ้าน ได้ทั้งรายได้ แล้วก็ได้อยู่กับครอบครัว…มีความสุข
พอเราเห็นเขามีความสุข เราก็มีความสุขไปด้วย นั่นคือสิ่งที่ประเมินค่าไม่ได้เลย”
เริ่มต้นที่ความชอบกระเป๋าหนัง
คุณกุ้งเล่าให้เราฟังว่า สมัยทำงานเป็นสาวออฟฟิศ เป็นคนที่ชื่นชอบในกระเป๋าหนังแบบขั้นสุด สิ่งที่ทำให้เธอใจละลายเกี่ยวกับกระเป๋าที่ชอบมักจะเป็นงานฝีมือที่ปรากฎอยู่ในผลงานนั่นเอง
“เป็นคนที่ชอบกระเป๋าที่ทำจากหนังมาก แต่ไม่ได้บ้าแบรนด์เนมนะคะ ชอบกระเป๋าแบรนด์ คนไทยนี่แหละ แบบกระเป๋างาน OTOP งานหัตถกรรม งานมือ งานหนังแท้ ที่ดีไซน์โดยคนไทย จะดึงดูดเราเป็นพิเศษเลยค่ะ” เมื่อผนวกกับที่คุณกุ้งเป็นลูกหลานชาวไทลื้อ เติบโตมากับการทอผ้า จึงทำให้เธอมีความหลงใหลกับผ้าทอ และอยากหยิบสิ่งนี้มาต่อยอดอยู่แล้ว เกิดเป็นไอเดียต้นทางที่เธออยากจะทำกระเป๋าที่ผสมผสานกันระหว่างหนังกับผ้าทอ ซึ่งมีเรื่องราวและเป็นงานฝีมือจากภูมิปัญญาสืบทอดต่อๆ กันมา “เราเป็นลูกหลานไทลื้อค่ะ อยากอนุรักษ์ผ้าทอไทลื้อ ภูมิปัญญาของบรรพบุรุษ เลยเอาความชอบของตัวเองที่ชอบกระเป๋า กับผ้าทอไทลื้อมาแมตช์กัน
ผ้าทอมีประวัติของชาวไทลื้อ ซึ่งบรรพบุรุษเดิมของเราอพยพมาจากสิบสองปันนา เรื่องราวเหล่านั้นถูกเล่าบนลายผ้า เช่น ลายจันทร์ดาว สื่อถึงจันทร์กับดาวที่ให้แสงสว่างเวลาเดินทางกลางคืนของชาวไทลื้อเวลาอพยพในประวัติศาสตร์
3 ข้อคิดสุดน่ารักเติมพลังบวก
จากศรีสุดา แห่ง แบรนด์ E-Nang
1.จงมีความสุขทุกนาทีในเวลาที่ทำ ภาพที่อยู่ในหัวคือ เราต้องมีความสุข
แล้วอะไรๆ ทุกอย่างจะดีเอง
2. อย่าท้อที่จะทำสิ่งเล็กๆ
เพื่อก้าวไปสู่สิ่งที่ยิ่งใหญ่ในวันข้างหน้า
3. กำลังใจจากครอบครัว ทีมงาน และคนรอบข้าง
เป็นสิ่งสำคัญที่สุดที่เราไม่ควรมองข้าม
Suggestion
เริ่มด้วยรัก สานต่อด้วยการลงมือ
แน่นอนว่าการเปลี่ยนแปลงชีวิตเป็นเรื่องยาก แต่คุณกุ้งไม่ได้เลือกเส้นทางที่ง่าย แบรนด์อี – นาง จึงเกิดขึ้น “ถึงจะตัดสินใจอยู่นาน แต่ก็คิดว่าการตัดสินใจครั้งนี้ไม่ผิดเลย เพราะมันทำให้ทุกๆ วันนี้เรามีความสุขในทุกนาทีจริงๆ”
ด้วยความตั้งใจอยากอนุรักษ์ภูมิปัญญาท้องถิ่นผ้าทอไทลื้อโบราณของบรรพบุรุษให้คงอยู่ต่อไปของเธอ เลยทำให้กระเป๋าหนังที่โชว์งานฝีมือผ้าทอที่งดงามอยู่ด้วย และเพราะความสุขของคุณกุ้งและ แบรนด์ อี – นาง ไม่ได้อยู่ที่ตัวเงิน แต่อยู่ที่การได้กลับมาที่บ้านเกิด ได้ใช้เวลาอยู่กับครอบครัว รวมไปถึงได้ช่วยเหลือให้ชุมชนมีรายได้ จากเริ่มแรกที่เธอเคยทำพวงกุญแจเล็กๆ ส่งขายตามร้าน OTOP ต่างๆ เธอได้ ต่อยอดสิ่งที่ตัวเองรักและชื่นชมด้วยการไปเรียนทำกระเป๋าเพิ่มเติม จนใช้องค์ความรู้มาช่วยผลักดันความชำนาญและงานฝีมือที่มีมาสร้างแบรนด์ได้อย่างที่ตั้งใจ
ทั้งนี้กว่าจะได้กระเป๋าสักใบหนึ่งนั้น ไม่ใช่เรื่องง่ายเลย ต้องผ่านกรรมวิธี และขั้นตอนต่างๆ มากมาย แล้วที่สำคัญทุกขั้นตอนเหมือนได้คืนความสุขสู่ชุมชน
คลิกอ่านเรื่องราวของกระเป๋ารูปแบบต่างๆ ของอี -นาง ได้ที่นี่ กระเป๋า “E-Nang” ต้องมนตร์ไทลื้อ…เสน่ห์ผ้าทอชนหนัง
“ตอนเริ่มทำแบรนด์ช่วงเเรก เราไม่ได้ทอผ้าเอง ใช้วิธีซื้อผ้ามาแล้วเอามาทำกระเป๋า คนที่ทำกระเป๋าให้เรา ก็คือคนสูงอายุ คนที่มีลูก คนที่พ่อแม่ป่วย เขาสามารถรับงานไปทำที่บ้านได้ ทำให้ได้ทั้งรายได้ แล้วก็ได้อยู่กับครอบครัว เขาทำแล้วมีความสุข พอเราเห็นพวกเขามีความสุข เราก็มีความสุขไปด้วย เราได้เจอคน ได้แบ่งปันให้ทุกคน นั่นคือสิ่งที่มันประเมินค่าไม่ได้เลย”
“ความสุขของเราไม่ได้อยู่ที่ตัวเงิน
แต่เป็นความรักที่ได้จากคนรอบข้างคือความสุขแท้จริงของเรา”
จะเห็นว่ากระเป๋าแต่ละคอลเลกชันของแบรนด์ อี – นาง ก็จะมีที่มาที่ไปทั้งหมด อย่างคอลเลกชัน “ก๋วยสลาก” ก็มาจากประเพณีดั้งเดิมของไทลื้อ ที่เกี่ยวกับงานบุญและรูปทรงของถวายพระ (แบบที่คนภาคกลางเรียก “สลากภัต” ) ก็เป็นแรงบันดาลใจสำหรับรูปทรงของกระเป๋าของ อี – นาง ซึ่งเรื่องราวเล่านี้คุณกุ้งจะหยิบเอามาเล่าให้ลูกค้าฟังทุกครั้งที่มีคนสนใจ ทำให้คนได้รู้จักไทลื้อ ทำให้รู้ว่าประเพณีดั้งเดิมยังคงเข้มเเข็งจนถึงทุกวันนี้
“เมืองน่านมีวิถีที่ไม่ใช่อะไรฉาบฉวย ทั้งวัฒนธรรมและประเพณี คนที่นี่น่ารัก มีน้ำใจ เต็มไปด้วยรอยยิ้ม บอกเลยว่าเป็นคนที่หลงรักบ้านเกิดตัวเองมาก”
นับอุปสรรคเป็นความท้าทาย
ครั้งหนึ่งความที่เป็นช่วงเพิ่งสร้างหน้าร้านเสร็จในอำเภอปัวใหม่ๆ ด้วยความคาดหวัง ที่จะให้คนมาเที่ยว มาซื้อของ แต่กลับกลายเป็นไม่มีใครเดินทางมาได้เลย ความท้าทายก็เกิดขึ้นอีกครั้ง
“ได้รับผลกระทบอย่างสุดๆ ค่ะ” เธอย้อนเล่าถึงวันที่ลำบากให้เราฟัง “บ้านก็ต้องผ่อน เงินค่าแรงก็ต้องจ่าย เลยตัดสินใจทำมาสก์ขาย โดยเอาผ้าที่ทำกระเป๋ามาทำ ด้วยการเลือกผ้าอย่างดี ตัดเย็บด้วยความตั้งใจมากๆ ก็กลายเป็นผลตอบรับดีเลยค่ะ บวกกับทางคิง พาวเวอร์ ช่วยเอาสินค้า เราไปขายในออนไลน์ด้วย เลยยังพอมียอดเข้ามาบ้าง”
มีความสุขในทุกนาที
การที่ได้เจอลูกค้าก็เป็นอีกความสุข ที่เอามาต่อยอดแบรนด์ได้ “กุ้งมีความสุขมากที่เวลา ได้เจอกับลูกค้า แล้วเขาคอมเมนต์นู่นนี่มา เราจะรู้สึกดีมากเลย มันเหมือนกับว่าเขาใส่ใจ ในกระเป๋าเราจริงๆ เหมือนอารมณ์ว่า ‘รักนะเลยบอก’ อะไรประมาณนั้น หรือบางคนก็บอก ความต้องการว่าครั้งหน้าลองทำเป็นแบบนั้น แบบนี้มาหน่อยซิ พวกนี้ก็กลายเป็นอีกหนึ่ง แรงบันดาลใจของเราเหมือนกัน”
หลายๆ คนอ่านแล้วอาจจะมีความรู้สึกว่า สุขในทุกนาที นี่มันจะเกินไปไหม แต่บอกได้เลยว่าคำๆ นี้ไม่เกินจริงสำหรับผู้หญิงคนนี้เลย เพราะเธอแทบไม่ต้องพยายามทำสิ่งนี้ในแต่ละวันเลย ใช้เพียงแค่ความรักในสิ่งที่ทำ ดำเนินชีวิตในแต่ละวันต่อไปให้ดีที่สุด
“จะไม่มีความสุขได้ยังไงคะ ตื่นมาเราได้อยู่กับสิ่งที่เรารัก ได้เลือกผ้า ไปดูผ้า คิดแบบคิดดีไซน์สำหรับกระเป๋า เข้าร้านคุยกับลูกค้า คุยกับชาวบ้านที่เราทำงานด้วย มันมีแต่พลังงานบวก เป็นความเอื้ออาทรในครอบครัวและชุมชน ตอนนี้เวลาออกไปไหนคือทุกคนเรียกกินข้าว…มองเราเป็นลูกเป็นหลานไปแล้ว พอมาถึงจุดนี้มันทำให้ยิ่งเห็น ยิ่งเข้าใจว่า เงินไม่ใช่ตัวตั้ง เงินไม่สำคัญ เวลาเราลำบากมีคนช่วยเหลือ มีคนคอยหยิบยื่นมือมาช่วยต่างหากล่ะ ความมีค่ามันอยู่ที่ตรงนี้”
Suggestion
อีกความสุขคือ…โอกาสจากคิง เพาเวอร์
“ครั้งแรกที่ได้ยิน คือดีใจมาก ไม่คิดไม่ฝันจริงๆ” คุณกุ้งหมายถึงโอกาสที่จะได้นำกระเป๋า…งานฝีมือของชาวบ้านมาวางขายในจุดที่มีนักท่องเที่ยวต่างชาติและชาวไทยแวะเวียนมาชมอย่างสม่ำเสมอ “บอกเลยว่านี่ก็เป็นอีกหนึ่งความสุขของเราที่ได้รับมาแบบเต็มๆ เลยนะ จากที่แบรนด์เล็กๆ ที่ได้ไปร่วมงาน กับราชการจังหวัด ไปออกงาน OTOP ต่างๆ จนวันหนึ่งได้รับเลือกเข้าไปขายใน คิง เพาเวอร์ ดิวตี้ฟรี ถือเป็นโอกาสดีมากๆ ทำให้แบรนด์เราได้เพิ่มช่องทางการขายให้มากขึ้น แถมยังทำให้เราได้ออก ไปอยู่หน้าสื่อต่างๆ ให้คนรู้จักแบรนด์เราเพิ่มขึ้น”
อีนาง (กลุ่มวิสาหกิจชุมชนศรีดาแฮนด์เมด)
ที่ตั้ง : 104 บ้านหัวดอย ต.ศิลาแลง อ.ปัว จ.น่าน
FACEBOOK: E-NANG
สนใจสินค้าพลังคนไทย สามารถสนับสนุนได้ที่คิง เพาเวอร์ทุกสาขา