Passion

ไม่ชนะ…ไม่เป็นไร
Serpent กลับมาแบบ Surprise
เพื่อปลดล็อกความรู้สึก

ภัทรามน ผุดเพชรแก้ว 8 Sep 2024
Views: 808

Summary

ซีซัน 4 ไปขึ้นเวทีมาแล้ว 2 สนาม ทั้งที่สนามขอนแก่นและกลับมาอีกครั้งในสนามนครปฐม…พวกเขารวบรวมพลังใจ ฮึดสู้เพื่อปลดล็อกความรู้สึกในใจและพิสูจน์ให้ทุกคนเห็นว่า Serpent ในวันนี้ไม่เหมือนเดิม กับเรื่องราวสุดดราม่าขนาดที่เรียกได้ว่า Serpent วงแตก !!!

“ตอนไปแข่งที่สนามขอนแก่น พวกผมคาดหวังมากว่าจะเข้ารอบ พอประกาศกลับไม่เข้าครับ มาย้อนคิดดูก็รู้สึกว่าเล่นได้ไม่เต็มที่และหลุดไปเยอะ มารอบนี้พวกผมไม่ได้คาดหวังอะไรมาก แค่อยากมาแสดงให้กรรมการและคนดูเห็นว่า Serpent วันนี้ ไม่เหมือนที่สนามขอนแก่น อยากให้ทุกคนเห็นว่าเราดีขึ้น” และ Serpent ทำสำเร็จ พวกเขาได้รับคำชมจากกรรมการว่า เล่นได้แข็งแรงขึ้นและมีการพัฒนา

นี่คงเป็นรางวัลสูงสุดของ Serpent ในวันนั้น แม้พวกเขาไม่ได้ไปต่อ…แต่สิ่งที่วงได้รับจากเวทีแห่งนี้ ‘ดีต่อใจ’ จริงๆ

วันนี้เราได้โอกาส คุยลึกๆ กับ Serpent …เชื่อว่ามีคนที่ติดตามวงนี้กันมาตั้งแต่การประกวดเมื่อซีซันที่ 2 (ซึ่งสมาชิกเป็นคนละรุ่นกัน)

“พวกเราโคตรดีใจเลยครับที่ได้มาแสดงที่สนามนครปฐม เพราะไม่คิดว่ากรรมการจะให้โอกาสเราอีกรอบ” ซานต้าบอกความรู้สึกหลังจากที่พวกเขาทำเต็มที่แล้วบนเวที

เวทีประกวดวงดนตรีคุณภาพระดับประเทศอย่าง THE POWER BAND 2024 SEASON 4 “เป็นได้สุด เป็นไปได้ ด้วยพลังแห่งดนตรี” เวทีประกวดวงดนตรีสากลคุณภาพระดับประเทศ จัดโดย คิง เพาเวอร์ ไทย เพาเวอร์ ร่วมกับ วิทยาลัยดุริยางคศิลป์ มหาวิทยาลัยมหิดล ในธีม “Let The Music Power Your World” ถือเป็นเวทีแห่งความฝันของ Serpent ก็ว่าได้ “จริงๆ ผมฝันอยากพาครูผู้คุมวงเรามาที่มหิดลสักครั้งครับ” เอี่ยวตอบเราว่าทำไมต้องมาแข่งที่นี่ซ้ำอีก (ครูผู้คุมวง Serpent คือ “ครูกอล์ฟ” นายพุฒิพงศ์ พลแพงขวา “ครูเต้” นายภากร  ปัญญาชัย และ “พี่กล้า” นายรัตนชาติ ไกรษรวงษ์)

“เวทีนี้เป็นความฝันของหลายคนที่จะได้มาแข่งที่มหิดล (วิทยาลัยดุริยางคศิลป์) และมีความรู้ มีประสบการณ์ใหม่ๆ ให้เรามาเก็บเกี่ยวค่ะ” หยก สาวสวยหนึ่งเดียวของวงเสริม

“ที่สุดของเวทีนี้คือ การได้แสดงความเป็นตัวเอง

ทำให้ทุกคนมีความสุข เอนจอยไปกับเสียงเพลงของเรา

และทำให้คนที่คอยสนับสนุน สอนเราได้ภูมิใจ

วง Serpent โรงเรียนบ้านดุงวิทยา จังหวัดอุดรธานี
รุ่นมัธยมศึกษา (High School Class)
THE POWER BAND 2024 SEASON 4 สนามนครปฐม

หยก (ร้องนำ)

ซานต้า (กีตาร์) – ลีโอ (เบส) – เอี่ยว (กีตาร์)

บลู (กลอง) – ป๊อป (คีย์บอร์ด)

 

Serpent Gen 2

วง Serpent ชุดนี้ เป็นรุ่น 2 ที่สานต่อความฝันจากรุ่นพี่ของพวกเขา มีสมาชิก 6 คน ประกอบไปด้วย หยก – ปวิชญาดา ตางจงราช (ร้องนำ) ป๊อป – ธนสาภรณ์ ชินรัตน์ (คีย์บอร์ด) เอี่ยว – ณัฐกฤษ ศิริขันธ์ (กีตาร์) ลีโอ – วรเทพ วังพิกุล (เบส) ซานต้า – เธียรวิชญ์ นามกอง (กีตาร์) และ บลู – กฤษดา ชีพคุณวงศ์ (กลอง) ทั้งหมดเป็นนักเรียนชั้น ม.6 โรงเรียนบ้านดุงวิทยา จังหวัดอุดรธานี ด้วยความที่อำเภอบ้านดุงเป็นอำเภอที่อยู่ใกล้กับอำเภอคำชะโนด สถานที่ที่มีชื่อเสียงของจังหวัด วงจึงใช้ชื่อว่า “Serpent” แปลว่า “งูใหญ่” ที่แสดงถึงจังหวัดบ้านเกิด

วง Serpent รุ่นพี่ Gen 1 เมื่อ THE POWER BAND 2022 SEASON 2

 

เรื่องราวสุดดรามา “Serpent วงแตก”

ซานต้าเล่าถึงสถานการณ์ของวงหลังจากที่ผิดหวังจากสนามขอนแก่นว่า “ตอนกลับจากสนามขอนแก่น พวกเราเหมือนจะมีไฟ แต่อยู่ๆ ไฟมันมอดครับ วงแตกกระจายเลย หลังจากนั้นครูก็มาคุยกับผม ในโรงเรียนมีวงรุ่นน้องด้วย ครูเลยจะให้น้องๆ ขึ้นเป็นตัวหลัก เพราะพวกนี้มันหงอย” ซานต้าเลยเรียกเพื่อนๆ มาคุยปรับความเข้าใจกัน กลับมาซ้อมหนักกันอีกครั้ง ดูเหมือนเรื่องจะจบลงอย่างสวยงาม แต่……..

มันมีปัญหาเกิดขึ้น ไม่ใช่ปัญหาด้านทักษะหรือความสามารถด้านดนตรี หากแต่เป็นเรื่องความรู้สึกต่างหาก “ตั้งแต่กลับมา ครูไม่ได้ติวเรื่องสกิลเลย แต่เน้นเรื่องจิตวิญญาณแทน ทำอย่างไรให้พวกเราเหมือนเพื่อนที่รักกันมากๆ มาเล่นดนตรีด้วยกัน เมื่อวานก่อนมาแข่งครูยังบอกอยู่เลยว่า พวกเราเหมือนคนไม่ชอบหน้ากันมาเล่นดนตรีด้วยกัน มันเป็นเรื่องที่บอกที่สอนกันไม่ได้ มันต้องออกมาจากใจ แต่รู้ไหม พวกเราทำได้แล้วบนเวทีวันนี้”

อ๋อ แบบนี้เองสินะ ที่เรียกว่า “พลังแห่งดนตรี พลังแห่งความเป็นไปได้”

ขึ้นเวที THE POWER BAND 2024 SEASON 4 สนามขอนแก่น

 

Q: ความลับของ Serpent

ที่ไม่มีใครรู้

A: พวกเราไม่เคยให้กำลังใจกันเลย เวลาใครเศร้าก็จะโดนเหยียบซ้ำให้จมดินลึกลงไปอีก
เพราะธรรมะแท้ไม่มีคำปลอบใจ เราเลยไม่เคยปลอบใจกัน
เวลาอกหักก็ยังซ้ำเติมกัน จะได้แข็งแรงขึ้นเร็วๆ

โลกเปลี่ยนไปเมื่อได้รู้จักกับดนตรี

โลกแห่งดนตรีมีพลังกว่าที่เราคิด ที่สามารถเปลี่ยนชีวิตของเด็กธรรมดาๆ หลายคนไปได้เลย วง Serpent เลยมาแบ่งปันเรื่องราวด้านดนตรีของพวกเขา

เรื่องราวของลีโอ: “ผมเป็นเด็กติดเกมครับ วันๆ แทบไม่ทำอะไรเลย พอรู้จักดนตรีผมรู้สึกว่า ผมได้เป็นตัวของตัวเองจริงๆ ผมชอบเวลาที่เล่นดนตรีแล้วได้เห็นทุกคนเอนจอยกับดนตรี มีความสุขมาก”

ชีวิตเอี่ยวก็เปลี่ยนไป: “เมื่อก่อนชีวิตผมเหมือนลีโอเลยครับ ตั้งแต่มาเล่นดนตรีมันเปลี่ยนทุกอย่างในชีวิตไปเลย ผมได้รู้จักคำว่าจิตวิญญาณในการเล่นดนตรีก็เพราะการได้มาเล่นดนตรีนี่แหละ”

ป๊อปมือคีย์บอร์ดสุดเท่: “ผมชอบเสียงดนตรีมาตั้งแต่เด็ก เวลาว่างก็ฟังเพลงอยู่แล้ว ตอน ป.5 ก็ขอแม่ซื้อกีตาร์แล้วเริ่มฝึกเอง ตอนนั้นที่โรงเรียนมีครูเข้ามาตั้งวงสตริง เลยทำให้ผมรู้ว่า ผมชอบดนตรีมากๆ”

บลูมือกลองสายฟาด: “ดนตรีทำให้ผมได้เจอเพื่อนๆ และทำให้มีรอยยิ้ม ทั้งรอยยิ้มจากคนที่ได้ฟังผมเล่นดนตรีและรอยยิ้มของผมเอง”

ขอหยกเล่าบ้าง: “หยกเป็นคนชอบฟังเพลงอยู่แล้ว แต่ไม่กล้าลงแข่งเท่าไร แต่พอได้ลองมาแข่งแล้วมันเป็นเหมือนอีกโลกที่มอบความสุขให้เรา ยิ่งได้มาเล่นดนตรีกับเพื่อนๆ เจอมิตรภาพใหม่ๆ เหมือนเปลี่ยนเราเป็นอีกคน จากคนที่ไม่กล้าทำอะไร ก็กล้าทำไปกับเพื่อนๆ”

เรื่องดนตรีของซานต้านั้นมันอยู่ในสายเลือด: “ผมเกิดในครอบครัวที่เอนจอยกับเสียงดนตรี ย่าชอบร้องหมอลำ พ่อเป็นมือกีตาร์แต่เสียไปตั้งแต่ผมยังเด็ก คนรอบตัวชอบพูดว่า พ่อผมเล่นกีตาร์เก่ง ผมเลยอยากรู้ว่าการเล่นกีตาร์มันเป็นยังไง ย่าเลยส่งผมไปเรียนกีตาร์ พอเล่นได้ก็เลิกไปพักหนึ่ง แต่ก็กลับมาเล่นอีก เพราะมันเป็นสิ่งที่รักครับ ขาดกันได้ไม่นานหรอก พอเริ่มเล่นดนตรีก็สนุกมาก ยิ่งพอได้เจอเพื่อนในวงมันยิ่งเข้าถึงจิตวิญญาณ เวลาเล่นกับเพื่อนไม่ต้องมีใครมาสอน มันมาเอง”

 

พื้นที่เล็กๆ บนเวที แต่มีอารมณ์ที่หลากหลาย

พื้นที่เล็กๆ ไม่กี่ตารางเมตรบนเวที แต่มีผลต่อความรู้สึกของคนที่ยืนตรงนั้นได้มหาศาลอย่างคาดไม่ถึง เอี่ยวถึงกับร้องไห้บนเวที “ตอนท่อนสุดท้ายเพลง Lavender เล่นๆ อยู่ น้ำตามันก็ไหลออกมา เพราะมันเป็นเพลงที่ต้องใส่อารมณ์มาก บวกกับผมเห็นสีหน้าเพื่อนๆ ที่ส่งพลังมาให้ เราเหนื่อยมาด้วยกัน ยอมทุบหม้อข้าวสละทุกอย่างมาลงเรือลำเดียวกัน ผมประทับใจในทุกโน้ตที่ช่วยกันคิดและทุกไอเดียที่ช่วยกันทำ มันสุดยอดมาก”

ความรู้สึกของลีโอคือ “มันที่สุดแล้วที่พวกเราทำออกมา เต็มที่แล้วครับ อารมณ์บนเวทีมันดีมากๆ ผมหันไปหาเพื่อน เพื่อนก็ยิ้มและส่งอารมณ์ให้ มันเป็นแรงผลักดันที่ทำให้เราเล่นดนตรีออกมาให้มีความสุข”

“ก่อนขึ้นเวทีผมตื่นเต้นมาก กลัวจะพลาดในท่อนสำคัญ ถึงจะซ้อมมาเยอะแต่ก็ยังกลัว ผมพยายามบอกเพื่อนว่าอย่าตื่นเต้น แต่ตัวผมตื่นเต้นเอง แต่พอเริ่มเล่นหันไปเห็นหน้าเพื่อน พอเขามา ผมก็มาครับ” ป๊อปกล่าวอย่างฮึกเหิม

ส่วนความในใจของซานต้าคือ “ตอน ม.5 วงกำลังจะมีแข่ง เราซ้อมกันมาตั้งแต่ปิดเทอม แล้วก่อนถึงวันอัดคลิป 1 อาทิตย์ผมขาหัก เพื่อนไปแข่งแต่ผมต้องรักษาตัว พอกลับเข้าวงอีกทีมันไม่เหมือนเดิมแล้ว ผมรู้สึกอึดอัด แต่พอมาเวทีนี้ผมมองไปที่เพื่อนแล้วรู้สึกว่า นี่แหละ Serpent”

หยกผู้ที่ยืนอยู่หน้าสุด “ตอนโดนคอมเมนต์ตอนแรกก็ดีใจ แต่แล้วก็ใจแป้วนิดหนึ่งที่เราโดนคอมเมนต์เยอะ แต่พอมองอีกมุม นี่เป็นคำแนะนำให้เราไปฝึกฝนตัวเอง ที่กรรมการชมก็เก็บเป็นกำลังใจ ที่ติเราก็เก็บไปพัฒนาตัวเอง มันมีประโยชน์มากๆ ค่ะ”

 

Q: ความสุขของ Serpent คืออะไร

A:  การทำให้ครูเต้ ครูกอล์ฟ พี่กล้า มีความสุขครับ
สิ่งที่เราต้องการที่สุดเวลาที่ลงจากเวทีก็คือ ที่พี่กล้าจิ๊ปาก
แล้วบอกว่า “มันต้องจั่งซี่สิ”

เป้าหมายสูงสุดและหนึ่งเดียวขอ Serpent

ที่แม้จะยังไม่ชนะ…ก็ไม่เปลี่ยนแปลง

เมื่อเดินทางมาถึงจุดนี้ เส้นทางข้างหน้าของพวกเขาเริ่มเป็นรูปเป็นร่าง และพวกเขาก็แบ่งปันความฝันให้ฟัง

เอี่ยว: “ผมอยากเป็นศิลปิน ทำตามความฝันและทำเพลงของตัวเอง หรือเป็นมือปืนรับจ้างเล่นแบ็กอัปให้สักวง ผมอยากเป็นแบ็กอัปให้อิ้งค์ วรันธร”

บลู: “อยากเป็นศิลปินครับ อยากเป็นแบบพี่เซฟ” (มือกลอง 4EVE)

ลีโอ: “ผมอยากทำวงดนตรีกับเพื่อน ทำเพลงด้วยกันจนมีชื่อเสียง ไม่ก็เป็นนักดนตรีอิสระ อยากเป็นแบ็กอัปให้นนท์ ธนนท์ครับ”

หยก: “อยากเป็นศิลปินไปเล่นที่ราชมังฯ และ feat. กับ PiXXiE ด้วย”

ซานต้า: “เป็นศิลปินที่ได้รับการยอมรับจากศิลปินที่เป็นไอดอลอย่าง Tim Henson”

ป๊อป: “เรียนจบไปผมอาจจะไม่ได้เล่นดนตรีก็ได้ ช่วงนี้ผมเลยอยากเล่นดนตรีให้เยอะที่สุด อยากไปแข่งหลายๆ ที่”

แม้จะแตกต่างในรายละเอียด มากมายหลายความฝัน แต่ความจริงนั้นมีเพียงหนึ่งเดียว คือทุกคนอยากเป็นศิลปิน และฝันไกล ไกลขนาดไหนน่ะเหรอ ซานต้าอยากให้ Serpent เป็นวงระดับโลก อยากทัวร์รอบโลก

ส่วนป๊อปหวังให้ได้นำเสนอความเป็นวงออกไป “ผมอยากให้ Serpent เป็นวงที่คนเล่นดนตรีด้วยกันรู้จัก” ไม่ต่างกับลีโอ “อยากให้ Serpent ได้รับการยอมรับจากคนฟังและนักดนตรีด้วยกัน พอนึกถึง Serpent ก็จะนึกถึงความเป็นตัวเราด้วยคาแรกเตอร์ที่เราสื่อออกไป”

แม้ว่าในครั้งนี้ Serpent จะยังไม่สามารถผ่านเข้าสู่รอบชิงชนะเลิศได้ แต่พวกเขาบอกว่าไม่ได้เสียใจ สมาชิกทุกคนเดินทางกลับบ้านด้วยรอยยิ้มและความอิ่มเอมใจ ที่สามารถปลดล็อกความรู้สึกในใจได้ ว่าในครั้งนี้พวกเขาทำเต็มที่และดีที่สุดแล้ว ได้รู้ว่าการเล่นดนตรียังคงเป็นความสนุก ความสุขที่สุดของทุกคนอยู่ รวมถึงมองเห็นเส้นทางแห่งความฝันสู่การเป็นศิลปินชัดเจนขึ้น

Author

ภัทรามน ผุดเพชรแก้ว

Author

นักเล่าเรื่อง ผู้มีหนังสือและการเดินทางเป็นดั่งลมหายใจ นิยมชมชอบท้องฟ้า กาแฟ และแมว

Author

อำพน จันทร์ศิริศรี

Photographer

ช่างภาพอิสระมากว่า 30 ปี...ที่คร่ำหวอดกับการถ่ายภาพรายการทีวีต่างๆ เช่น The Voice, The Rapper, The Stars Idol เป็นต้น และถ่ายภาพคอนเสิร์ตต่างๆ