ทันทีที่เด็กนักเรียนชายล้วนทั้ง 8 คน ปรากฏตัวขึ้นพร้อมกับเครื่องดนตรีไทย พวกเขาก็ได้รับความสนใจเป็นอย่างมากจากทุกๆ คน ไม่ใช่แค่เพียงเพราะเครื่องดนตรีในมือที่ดูแปลกตาอย่างเดียวที่มีแรงดึงดูด แต่เสียงดนตรีที่พวกเขาเล่นในการแข่งขัน ก็ยังเป็นจุดเริ่มต้นของความสนุก จนไม่มีใครลืมพวกเขาได้เลย!
ด้วยท่วงท่าในการร้องและทำนองดนตรีที่ถูกครีเอตมาอย่างตั้งใจ ผ่านดนตรีสากลผสมผสานกับดนตรีไทยที่ลงตัว บวกกับลีลาท่าเต้นระดับแดนเซอร์เท้าไฟตัวท็อป ทำให้ วง Success จากโรงเรียนพนัสพิทยาคาร ชลบุรี ได้เป็นหนึ่งในตัวแทน ผู้สมัคร Class A…รุ่นมัธยมศึกษา ของสนามที่ 2 จังหวัดชลบุรี ที่ได้ไปลุยในรอบ Final ต่อไปบนเวที THE POWER BAND 2022 SEASON 2! จัดโดยวิทยาลัยดุริยางคศิลป์ มหาวิทยาลัยมหิดล ร่วมกับ คิง เพาเวอร์ ไทย เพาเวอร์ พลังคนไทย
วง Success เกิดจากการรวมตัวกันของนักเรียนชายสายเฮฮาที่ค่อยๆ เข้ามารวมตัวกันจากเพื่อนชวนเพื่อน ไปถึงการแนะนำกันมาออดิชันเข้าวง ส่วนใหญ่สมาชิกในวงมีความสามารถที่หลากหลาย ทั้งด้านดนตรีสากลและดนตรีไทย รวมกันเป็นวงดนตรีแบบผสมผสาน ด้วยความตั้งใจอยากจะอนุรักษ์ดนตรีไทยไว้ให้คนรุ่นใหม่ยังไม่ลืมเลือน เปรียบเสมือนอาหารไทยฟิวชัน ครีเอต มีคาแรคเตอร์และลงตัว โดยมีแพสชันในด้านดนตรีที่มีร่วมกันเป็นเครื่องชูรสของอาหาร
“ตอนแรกวงเรายังไม่มีชื่อครับผม ครูก็เลยให้ทุกคนเขียนชื่อวงที่ตัวเองอยากเสนอใส่กระดาษ แล้ว..ออกัส – สันตติ ลิ้มบำรุง (กลองชุด) มือกลองของเรานี่ละครับเป็นคนเขียนชื่อ Success ลงไปรวมกับชื่ออื่นๆ แล้วก็เดินเอาไปให้รอง ผอ.จับสลาก หยิบได้ขึ้นมาเป็นชื่อนี้ พวกผมก็เลยใช้ชื่อ Success เป็นชื่อวงกันเลยครับ”
นอกจากพรสวรรค์ด้านดนตรีไทยบนเวที เรื่องเต้นวงนี้ก็ไม่แพ้ใครเลยขอบอก “วงเราไม่มีแดนเซอร์ครับ แต่อยากให้ทุกคนเข้าถึงอารมณ์เพลง ถ้าเราไม่สื่อสารออกมาให้ได้ เขาจะไม่เข้าใจเรา ก็เลยปลดปล่อยตัวเองออกมา เน้นสนุกและเน้นฮาเข้าไว้”
จังหวะชีวิต ที่ต้องพิชิตด้วยจังหวะดนตรี
สมาชิกของวงช่วยกันเล่าว่า ทันทีที่รู้ว่ามีการจัดประกวด THE POWER BAND ขึ้น พวกเขาก็ไม่ลังเลที่จะลงสมัครเลยแม้แต่น้อย
อีกทั้งสมาชิกวง Success ส่วนใหญ่เป็นนักเรียนมัธยมปลายกันเกือบหมด ในช่วงก่อนที่จะต้องเตรียมตัวสอบเข้ามหาวิทยาลัยที่ใฝ่ฝัน ดนตรีก็เป็นอีกหนึ่งสิ่งสำคัญที่พวกเขาอยากทำร่วมกันในช่วงเวลานี้ “ช่วงชีวิต ม.ปลาย ก็อยากจะใช้ให้มันให้คุ้ม เพราะว่าเราก็อยากมีประสบการณ์ อยากเก่ง แล้วก็อยากพัฒนาตัวเอง และส่วนหนึ่งก็เป็นความฝันของพวกเราทุกคนด้วย ก็เลยตัดสินใจมาประกวด…ชีวิต ม.ปลายมันมีแค่ครั้งเดียว อยากจะทำให้เต็มที่ อยากจะลุยครับ”
แม้พวกเขาจะรู้สึกประหม่าและตื่นเต้นไม่น้อยกับการก้าวเข้าสนามแข่งขันที่ใหญ่ขึ้นกว่าที่เคยลงแข่งมา แต่ทุกคนก็รู้ดีว่าความฝันของพวกเขารอไม่ได้ “มันจะมีจังหวะหนึ่งครับเป็นจังหวะชีวิต ฮึบขึ้นมา มันจะมีครั้งหนึ่ง แล้วก็เราก็ต้องไปตามจังหวะครับ” ฟลุ๊ค – วาริช เกาะสกุล (เบส) พูดสั้นๆ แล้วรีบส่งไม้ต่อให้ ชิ – อิทธิพงษ์ อุดมศักดิ์ (ร้องนำ) เล่าต่อ
“ครับผม.. ก็อย่างที่น้องว่าครับ มันจะมีจังหวะ แล้วก็โอกาสเข้ามาครับ ถ้ามีโอกาสจริงๆ เราก็คว้ามันเอาไว้ แล้วก็ทำให้มันดีที่สุดครับ”
แล้วถ้าตอนนี้เรารู้สึกว่าเราไม่พร้อมละ?
“ไม่พร้อมเหรอครับ..ถ้าเป็นผม ไม่พร้อมก็ต้องเคลียร์ทุกอย่างให้เรียบร้อยแล้วก็ต้องพร้อมให้ได้ ก็คงต้องบีบตัวเองต้องฝึกตัวเอง ต้องมีระเบียบวินัยกับตัวเองฝึกให้ตัวเองพร้อมให้ได้ อยากให้กล้าที่จะทำ อาจจะมีผิดพลาดบ้างซึ่งเป็นเรื่องธรรมดา พวกผมเองก็มีพลาด แต่ไม่หยุดแล้วก็ไม่ท้อ สู้ต่อเรื่อยๆ ทำให้เต็มที่ที่สุดแล้วก็อยากให้เรารักสิ่งที่เราทำ เพราะถ้าเรารักมัน เราจะทำมาออกมาได้ดี” ชิ ตอบอย่างมุ่งมั่น “ทุกคนเก่งกันมากเลยแต่ละวง ผมเห็นแล้วก็แบบตื่นเต้นมากเลยครับ” แม้ว่าเขาเองจะยอมรับตามตรงว่าตัวเองนี่แหละคือคนที่ตื่นเต้นที่สุดในวันนี้
เสริมความมั่นใจ และฝึกระเบียบวินัยให้กับวงทีละน้อย
ช่วงเวลาในการซ้อมของวง จะเป็นช่วงเย็นหลังเลิกเรียนของสมาชิกทุกคน และในทุกๆ ครั้งที่มาซ้อมกัน นับว่าเป็นช่วงเวลาที่ยากและสนุกผสมปนเปกันไป “ช่วงแรกรวมตัวลำบากมากครับ มันยังแค่เริ่มเเรก ก็จะมีตามไม่ค่อยครบบ้าง พอไปประกวดแล้วก็ได้รางวัลมาก็ต้องมีระเบียบวินัยมากขึ้น ทุกคนเริ่มมีความมั่นใจแล้วก็มีระเบียบมากขึ้น”
ปรับจูนเข้าหากัน มีความฝันเป็นตัวกลาง
แต่ก่อนจะกลมกล่อมได้ขนาดนี้ แน่นอนว่าพวกเขาก็มีผ่านช่วงเวลาที่ต้องปรับจูนกันมาพอสมควร
“วงเราก็อาจจะมีไม่เข้าใจกันบ้าง ดนตรีลูกนั้นลูกนี้อาจจะเห็นไม่ตรงกันจนเกือบจะเข้ากันไม่ได้ แต่ทุกคนก็พยายาม อดทน แล้วก็มุ่งมั่น ซ้อมกันมาต่อเรื่อยๆ แรกๆ อาจจะยังไม่กล้าคุยกัน แต่เรารู้สึกว่าผ่านระยะหนึ่งแล้วถ้าเราไม่เปิดใจคุยกัน วงอาจจะเละแล้วก็เดินไปต่อไม่ได้ ก็เลยเปิดใจคุยกัน มันไม่น่าจะเป็นอุปสรรคที่เราข้ามไม่ได้”
“ก็รู้สึกมีความสุขดีครับ ทุกคนก็ให้ความร่วมมือ คุยกันอย่างเป็นเหมือนเพื่อนกัน ถึงแม้อายุจะต่างกันแต่ก็ปรับความเข้าใจกันได้ดี” กล้วย สมาชิกอีกหนึ่งคนที่ทำมากกว่าหนึ่งหน้าที่ ช่วยเล่าเสริมอีก
จะว่าไปแล้ว นอกเหนือจากการนั่งจับเข่าเปิดใจคุยกัน คงเป็นความเฮฮาและคาแรคเตอร์ความซุกซนของกลุ่มเด็กผู้ชาย ที่ทำให้ทุกอย่างดูสนุกสุดๆ เวลาอยู่ด้วยกัน สมาชิกทุกคนยังพูดเป็นเสียงเดียวกันว่า ขอยกให้ กล้วย-สัญญพงษ์ ธาราสันติสุข (เพอร์คัชชัน, ร้องคอรัส) เป็นเจ้าของฉายา “ซูเปอร์แมน” เป็นทุกอย่างให้เธอแล้วตั้งแต่คนเล่นมุก ตบมุก และปลุกใจเพื่อนๆ
“สิ่งที่ต้องไปคู่กับความพยายามคือเราต้องมีกำลังใจที่ดี สร้างกำลังใจให้กับตัวเอง ในวันที่ท้อ สิ้นหวัง คิดว่าตัวเองจะทำไม่ได้ แต่ในใจเราต้องคิดอยู่เสมอว่าเราต้องทำได้ แล้วทุกอย่างก็จะสำเร็จ จะทำให้เราเกิดความกล้าขึ้น ทำให้เราสามารถปลดล่อยความเป็นตัวเองออกมาได้” กล้วยพูดต่อด้วยสีหน้าจริงจัง ในขณะที่สมาชิกทุกคนก็แอบพยักหน้าตาม สื่อเป็นนัยๆ ว่า “นี่แหละครับซูเปอร์กล้วยของเรา”
จะเรียกว่าการนั่งพูดคุยกับสมาชิกของวง Success เหมือนเป็นการจับปูใส่กระด้งเลยก็คงจะไม่เกินจริง เพราะเอเนอร์จีของแต่ละคนยังคงล้นเหลือและยังสนุกไม่ลืมเวทีเลยแม้แต่น้อย
น้องๆ แอบบอกว่านี่เป็นเรื่องปกติ เพราะเรื่องบันเทิงๆ เป็นของคู่กับวง Success มาแต่ไหนแต่ไรแล้ว “ซ้อมไม่หนัก แต่พักบ่อย เล่น 10 นาทีพัก 2 ชั่วโมงครับ”
“บางทีก็มีคนชอบแอบหลับตอนซ้อมครับ เป็นคนชอบตามหาความฝัน ก็หลับ ก็ฝันไปเรื่อย” ถ้าจะบอกว่าวงนี้ไม่ธรรมดาก็ต้องยอมเชื่อแล้วล่ะ เพราะตามหาความฝันเก่ง ตั้งแต่ตอนฝึกซ้อมเลยทีเดียว
ฝันวัยเด็ก กับการกลับมายืนที่ใกล้ฝันกว่าเดิม
ดั๊ม – เอกมันต์ พิเศษ (กีต้าร์) เล่าว่าครั้งหนึ่งในวัย ป.1 เขาเคยเข้าร่วมประกวดการแข่งขันรายการดนตรีรายการหนึ่ง ณ โรงละครอักษรา คิง เพาเวอร์ และนั่นเป็นครั้งแรกที่จุดประกายไฟความฝันเล็กๆ ในวัยเด็กของเขา “โห.. ดีใจมากเลยครับ ผมเองก็เคยไปเยี่ยมของสถานที่ของเขามาแล้วก็รู้สึกว่าประทับใจและรู้จักมานาน ก็กลายเป็นความชื่นชอบ อยากขอบคุณมากๆ ครับที่จัดประกวด THE POWER BAND ขึ้นมา อยากร่วมงานกับ คิง เพาเวอร์ อีกครั้ง ภูมิใจครับ”
ดั๊มยังเล่าความฝันในอนาคตให้เราฟังต่ออีกว่า เขาอยากจะเดินสายทำงานด้านดนตรีต่อไป และเมื่อการแข่งขันจบลง การได้เข้าเรียนที่มหาวิทยาลัยดนตรีโดยตรงอย่างที่มหิดล ก็เป็นความฝันลำดับต่อไปของเขา “ส่วนตัวผมแล้วผมก็อยากจะเป็นนักดนตรีครับ อยากเป็นศิลปิน ไปทำเบื้องหลัง หรือไม่ก็เป็นโพรดิวเซอร์อยู่แล้วครับ”
การประกวดในครั้งนี้ทำให้เห็นความฝันชัดเจนขึ้นไหม?
“ได้เห็นฝันชัดเจนขึ้นครับ ถ้าได้เข้ารอบนะ ก็คงจะทำอย่างเต็มที่ครับผม แล้วก็ทำให้ผมมองเห็นอะไรต่างๆ ก็ควรที่จะพัฒนาตัวเองขึ้นไปเรื่อยๆ อยากที่จะเก่งให้มากกว่านี้ครับ”
แทบจะเรียกได้ว่าสมาชิกทุกคน ใฝ่ฝันที่จะเข้าเรียนด้านดนตรี ที่วิทยาลัยดุริยางคศิลป์ มหาวิทยาลัยมหิดลกันเกือบทั้งหมดทุกคน นั่นยิ่งเป็นสิ่งที่พวกเขาคาดหวังกันต่อว่า ถ้าวันหนึ่งได้เรียนที่เดียวกันในรั้วมหาวิทยาลัย คงเป็นอะไรที่บันเทิงไม่น้อย อย่างน้อยก็ได้ตามหาความฝันด้วยกันต่ออีกช่วงหนึ่งของชีวิต “บันเทิงเลยครับ ที่คณะก็น่าจะมีแต่พวกเราเดินขำกันรอบมหาวิทยาลัย”
“แต่ถ้าวันหนึ่งโตขึ้น แล้วต้องแยกย้ายกันไป ก็ถ้ามีโอกาสและจังหวะที่ลงตัวจริงๆ ก็อยากหาโอกาสที่จะกลับมารวมกันใหม่ เรารักกันครับ อยากจะเดินตรงนี้ต่อ แล้วไปให้สุดครับ”
แม้รอยยิ้มของทั้งวงตอนบอกรักกันอาจจะดูกรุ้มกริ่มตามประสาเด็กผู้ชายบอกรักกัน บอกเป็นนัยๆ ว่า นอกจากคำบอกรักคงมีคำอื่นซ่อนอยู่มากมาย แต่สิ่งที่พวกเขาซ่อนไม่ได้คือมิตรภาพที่เกิดขึ้นจากแพสชันด้านดนตรีที่มีร่วมกัน และเชื่อว่าสักวัน Success ที่แปลว่า “ประสบความสำเร็จ” จะได้เลื่อนขั้นจากชื่อวง มาเป็นคำนิยามบนเส้นทางสายดนตรีที่พวกเขาใฝ่ฝันได้อย่างภาคภูมิใจ
พาย้อนไปในบรรยากาศวันแข่งขันสนามที่ 2 ชลบุรี พร้อมทำความรู้จัก “วง Success” โรงเรียนพนัสพิทยาคาร จังหวัดชลบุรี ที่ทะลุผ่านเข้ารอบเพื่อไปรอชิงชนะเลิศ