Summary
“จากแพสชันอยากเป็นนักฟุตบอล ที่สุดฟุตซอลคือกีฬาที่ใช่สำหรับศุภวุฒิ เถื่อนกลาง มาตลอด 17 ปี เพราะเชื่อในโอกาสที่ต้องแน่วแน่ทำให้ดีที่สุด แม้วันที่เจออุปสรรคจนเกือบยอมหันหลังกับสิ่งที่รัก แต่เขาก็สามารถเอาชนะใจตัวเองมาได้ และพร้อมอำลาแข้งอย่างสวยงามกับผลงานฟุตซอลโลกปีนี้”
‘อาร์ม-ศุภวุฒิ เถื่อนกลาง’ กองหน้าฟุตซอลทีมชาติไทย เป็นคนหนึ่งที่รู้ใจตัวเองว่าชอบฟุตบอลมาตั้งแต่วัยเด็กเล่นกับญาติๆ และเขาได้เป็นนักกีฬาฟุตบอลโรงเรียนระดับมัธยมที่ อ.โพธาราม จ.ราชบุรี แต่จุดเปลี่ยนก็เกิดขึ้นกะทันหันจากนักกีฬาฟุตบอลสนามใหญ่เข้าสู่วงการสังเวียนโต๊ะเล็กอย่างฟุตซอล จนประสบความสำเร็จเป็นกองหน้าฟุตซอลทีมชาติไทยที่มีฝีเท้าและลีลาการเล่นที่ประทับใจกองเชียร์ถึงทุกวันนี้
ภาพจากคุณศุภวุฒิ เถื่อนกลาง
“ทุกคนย่อมได้รับโอกาสแต่จะต่างกันตามบริบท
โอกาสคือสิ่งสำคัญ เมื่อได้รับแล้วก็ไม่ควรปฏิเสธ
และมุ่งมั่นทำตามความฝันหรือแพสชันที่เลือกไว้”
อาร์ม – ศุภวุฒิ เถื่อนกลาง
กองหน้าฟุตซอลทีมชาติไทย
ฟุตบอลที่รักสู่ฟุตซอลที่ใช่
ด้วยจำนวนนักเตะทีมโรงเรียนมัธยมต่างจังหวัดที่มีเพียง 7-8 คน จำนวนไม่พอ 11 คน เวลาแข่งต้องชวนนักกีฬาวิ่งและบาสเกตบอลมาร่วมทีมแทน วันหนึ่งขอให้อาจารย์ลองส่งไปแข่งฟุตซอลแทนและนัดแรกก็เจอกับโรงเรียนเทพศิรินทร์ กรุงเทพฯ ที่โดดเด่นเรื่องกีฬาด้านนี้อยู่แล้ว แต่วันนั้นก็กลายเป็นแมตช์เปลี่ยนชีวิตของเขาไปเลย เพราะที่ลงแข่งนัดแรกก็ทำคะแนนชนะไป 5-3 ประตู
“ผลแข่งวันนั้นทำให้รู้ตัวเองเลยว่าฟุตซอลคือกีฬาที่ใช่สำหรับผมและทีมของโรงเรียน ทั้งด้วยข้อจำกัดจำนวนนักกีฬาที่มี แรงปะทะก็ไม่ไหว อุปกรณ์และสนามบอลก็ไม่เอื้อต่อการฝึกซ้อมที่จะเตะบนสนามปูน ที่สำคัญรู้สึกว่าเกมฟุตซอลสนุกและเคลื่อนไหวได้ไวกว่า”
ภาพจากคุณศุภวุฒิ เถื่อนกลาง
ความฝันมาถึงเร็ว
จากวันนั้นทำให้ผลงานเข้าตาสโมสรชลบุรีบลูเวฟ ซึ่งเป็นทีมชั้นนำให้ไปเล่นลีกฟุตซอลอาชีพในวัย 18 ปี และอาร์มก็ไม่เลือกทิ้งโอกาสแม้ต้องแลกความอึดถึกทน เพราะเวลานั้นเขายังเรียนชั้น ม.6 ที่ราชบุรีอยู่ แต่ทุกบ่ายสามโมงต้องเดินทางมาซ้อมกับทีมที่กรุงเทพฯ แล้วกลับบ้าน 4-5 ทุ่มทุกวัน เช้ามาก็เข้าไปเรียนใหม่ตลอดระยะเวลา 4 เดือน หรือจนจบระดับชั้น ม.6 และพอได้เล่นอาชีพได้ 1 ปี เขาก็ติดทีมชาติไทยชุดใหญ่ในวัย 19 ปี ถึงวันนี้เจ้าตัวก็ยังงงเพราะทุกอย่างไปไวมาก และทำให้รู้ว่าโอกาสคือสิ่งสำคัญที่เมื่อได้รับแล้วก็ไม่ควรปฏิเสธ”
ภาพจากคุณศุภวุฒิ เถื่อนกลาง
วิธีคิดในการฟุตซอลและใช้ชีวิต
ของอาร์ม ศุภวุฒิ
1. ความมุ่งมั่นและแน่วแน่จะทำให้เราสำเร็จ
คิดเสมอว่าต้องทำให้ได้ หมั่นฝึกซ้อม และอยู่ในบริบทที่พร้อมลงแข่งเสมอ
2. ความขยันและอดทน
เป็น 2 สิ่งที่ควบคู่กับนักกีฬาเพราะต้องเจอแรงกดดัน
เผชิญความพ่ายแพ้ผิดหวังและสมหวังสลับกันไป
3. วินัย
คือหัวใจหลัก เพราะไม่ถ้าไม่มีวินัยกับตัวเอง
ก็ยากที่จะทำให้ถึงเป้าหมายได้
ภาพจากคุณศุภวุฒิ เถื่อนกลาง
Suggestion
ประสบการณ์ค้าแข้งต่างประเทศ
พอติดทีมชาติและได้รับโอกาสให้ไปฝึกฟุตซอลอาชีพที่ประเทศสเปน แม้เวลาอาจไม่นานแต่ถือว่าเป็นประสบการณ์ที่ดีในวัยเพียง 21 ปี เพราะทำให้รู้วิธีการเลี้ยงบอล การจบสกอร์ การเคลื่อนไหวร่างกายเร็ว ความเคร่งครัดวินัยการซ้อมบอลและการบริหารจัดการจริงจังอย่างมืออาชีพ ซึ่งช่วยสร้างความแตกต่างการเล่นให้กับเขาและสามารถเสริมความมั่นใจให้กล้าเล่นแบบท้าทายมากขึ้น จนนำไปสู่การค้าแข้งที่ต่างประเทศ 3 แห่ง คือ อิหร่าน อินโดนีเซีย และญี่ปุ่น
“การไปต่างประเทศเป็นการสร้างความท้าทายใหม่ให้ตัวเองแต่ละประเทศก็ให้ประสบการณ์ที่แตกต่างกัน อยู่นานสุดญี่ปุ่น 2 ปี และเป็นที่ให้ประสบการณ์ใช้ชีวิตมากที่สุดเพราะมีการแข่งขันที่สูง ที่ผ่านมาเหมือนเล่นมานานและมีอันดับต้นๆ ก็ทำให้บางช่วงเฉื่อยเอื่อยบ้าง แต่การได้เปลี่ยนทีมและสถานที่เล่นเหมือนได้รีสตาร์ตและรู้จักต่อสู้ใหม่ ไม่ว่าจะเก่งมาจากไหน ทุกคนจะเท่าเทียมกัน”
จิตใจเอาชนะอุปสรรคที่ท้าทาย
หลังไปเล่นที่ญี่ปุ่นเป็นจุดหนึ่งที่ทำให้เบิร์นเอาต์จนอยากหยุดแล้วเลิกค้าแข้ง เพราะอาการบาดเจ็บหัวเข่าเรื้อรังชนิดที่หมอแนะนำให้เลิกเล่นเพราะอย่างไรก็ไม่สามารถกลับไปเล่นได้พีกเหมือนเมื่อก่อนแล้ว แถมเจ้าตัวก็คิดไปไกลถึงขั้นกลัวจะกลับมาเดินไม่ได้
“สองปีก่อนสภาพจิตใจแย่มากๆ จนต้องเปลี่ยน Mindset ให้ตัวเองว่า ถ้าใจไม่อ่อนแอและสู้ต่อไปก็ต้องทำได้ เพราะวิทยาศาสตร์การกีฬาพัฒนาไปมากและช่วยได้เยอะ พร้อมเลี่ยงท่าหรือจังหวะที่เสี่ยงต่อเข่า จนปี 2566 ก็พิสูจน์ให้เห็นว่ายังสามารถช่วยทีมลีกและทีมชาติได้อยู่”
อนาคตกับฟุตซอล
17 ปีที่เล่นฟุตซอลมาจนปัจจุบันอายุ 35 ปีแล้ว มองว่าปีนี้จะเป็นปีสุดท้ายสำหรับการรับใช้ชาติในการแข่งฟุตซอลโลกเป็นครั้งที่ 4 ในชีวิต หลังจากนี้จะนำประสบการณ์ต่างๆ ที่ได้มาไปเป็นโค้ชต่อไป
“ผมได้ทำเกินความฝันที่ตั้งใจไว้หมดแล้ว จากนี้อยากมีส่วนช่วยผลักดันและพัฒนาให้คนไทยรู้จักกีฬาประเภทนี้มากขึ้น ที่ผ่านมายังเป็นที่รู้จักและได้รับการสนับสนุนน้อยอยู่ ทั้งที่ไทยอยู่อันดับที่ 9 ของโลกและได้ร่วมแข่งฟุตซอลโลกแล้วถึง 7 ครั้งติดต่อกัน โดยส่วนตัวเชื่อว่าฟุตซอลเป็นกีฬาที่เหมาะกับคนไทยมาก ไม่ว่าจะสรีระร่างกายที่คนไทยตัวเล็กและมีทักษะการเล่นที่ดี และเรามักคุ้นชินเห็นเด็กๆ เล่นบอลสนามเล็กตามที่ต่างๆ หรือใต้ทางด่วน ถ้ามีโอกาสช่วยขยับโครงสร้างพื้นฐานให้ฟุตซอลไทยมีความคล่องตัวและไปได้ไกลกว่านี้ก็ยินดีมาก”
แพสชันเดียวม้วนเดียวจบ
ตั้งแต่เด็กจนโตเขามีความฝันและแพสชันเดียวมาตลอด คือการได้เป็นนักกีฬาอาชีพที่เริ่มต้นจากฟุตบอล แต่พอเจอฟุตซอลก็กลายเป็นสิ่งที่ตอบโจทย์ได้เป็นอย่างดีจากนี้มุ่งหน้าเป็นโค้ชฟุตซอล ถึงชีวิตเหมือนประสบความสำเร็จเร็วแต่เพราะเขาไม่ทิ้งโอกาสที่ได้มาเร็วเช่นกัน เพราะเขาเชื่อว่าทุกคนย่อมได้รับโอกาสหมด เพียงแต่โอกาสแต่ละคนไม่เหมือนกัน บางคนอาจต้องออกแรงขยับมากน้อย และอย่าหยุดพัฒนาตัวเองเพื่อเตรียมตัวให้พร้อมตลอดเวลา เหมือนไอดอลของเขาคือ ‘เดวิด เบ็คแฮม’ ที่เติบโตจากการเป็นเด็กฝึกหัดทีมแมนเชสเตอร์ยูไนเต็ด แล้วพยายามพัฒนาตัวเองจนก้าวสู่ทีมใหญ่จนกลายเป็นนักฟุตบอลคนหนึ่งที่ประสบความสำเร็จ
“ดีใจที่บางคนมีแพสชันของเราเป็นแรงบันดาลใจ เพราะเราเป็นเด็กต่างจังหวัดคนหนึ่งที่ครอบครัวสนับสนุนแต่ด้วยบริบทต่างๆ ทำให้ต้องต่อสู้ด้วยตัวเอง ตอนนี้ด้วยโซเชียลมีเดียหรือสภาพสังคมที่เคลื่อนไหวเร็ว ทำให้รออะไรไม่ได้นานหรือรับแรงกดดันไม่ไหว จึงอยากให้น้องๆ รุ่นใหม่ที่มีแพสชัน มีความมุ่งมั่นกับเรื่องนี้จริงจัง อย่ายอมแพ้อะไรง่ายๆ ผมพยายามส่งต่อประสบการณ์ที่กว่าจะฝ่าฟันมาได้ต้องต่อสู้กับตัวเองขนาดไหน พร้อมสร้าง Mindset ให้เห็นว่าถ้ามีความมุ่งมั่น มีความพยายามและอดทนพอ สำคัญสุดแข่งกับตัวเองและฟังคนอื่นน้อยลง สักวันก็จะทำได้”
สนามและฟุตบอลที่แจกจะช่วยสร้างพลังบวก
จากที่ได้ร่วมกิจกรรมฟุตบอลคลินิกให้ความรู้และการฝึกฟุตซอลกับเยาวชนที่โรงเรียนวิเศษไชยชาญ ตันติวิทยาภูมิ ในโครงการล้านลูก ล้านพลัง สร้างฝันเด็กไทย ที่ จ.อ่างทอง ครั้งนั้น บอกได้คำเดียวว่า อยากย้อนเวลาสมัยตัวเองบ้าง ที่ผ่านมาเห็นกิจกรรมผ่านโซเชียลมีเดียพอได้ร่วมกิจกรรมประทับใจมาก เพราะเชื่อว่าหลายโรงเรียนขนาดเล็กๆ มีความเป็นไปได้น้อยมากที่เด็กๆ จะได้ลูกฟุตบอลหรือสนามที่ดีแบบนี้ เหมือนเป็นการหยิบยื่นโอกาสให้เด็กๆ ได้ฝึกซ้อมและพัฒนาฝีเท้าตัวเอง แต่อะไรไม่สำคัญเท่ากับการได้สร้างพื้นฐานและ Mindset ที่ดีให้กับเขา บางคนอาจชื่นชอบการเล่นฟุตบอลอยู่แล้ว บางคนอาจดูบอลบ้างแต่ยังไม่เล่นจริงจัง แต่การที่เขาได้เจอและเล่นบอลกับพี่ๆ นักกีฬาฟุตบอลหรือฟุตซอล เชื่อได้ว่าจะช่วยสร้างพลังบวกในใจให้แก่เด็กๆ ไม่น้อย หรือสำหรับบางคนอาจเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญในชีวิตของเขาตลอดไป
ภาพจากคุณศุภวุฒิ เถื่อนกลาง
อย่างไรก็ดีตลอด 17 ปีที่ผ่านมากับกีฬาที่ใช่ของเขา น่าจะพิสูจน์ให้เห็นความพยายามและความมุ่งมั่นของนักกีฬาคนนี้ได้เป็นอย่างดี ล่าสุดทีมฟุตซอลชาติไทยทำผลงานได้ในอันดับ 12 จากการแข่งขันฟุตซอลโลกที่อุซเบกิสถานล่าสุด แม้จะได้เอาใจช่วยกับการวาดลีลาฝีแข้งจากเขาคนนี้ในนามทีมชาติไทยเป็นครั้งสุดท้าย เราพร้อมเอาใจช่วยกับทุกผลงานที่เขาตั้งใจส่งต่อประสบการณ์หรือช่วยสร้างแพสชันให้กับนักกีฬารุ่นใหม่ต่อๆ ไป
อ่านเรื่องของ ปาณัสม์ กิตติภาณุวงศ์ ที่ไปร่วมกิจกรรมคลินิกฟุตบอลครั้งดังกล่าวนี้ด้วยกัน
8 ความเหมือนที่แตกต่างของฟุตซอลกับฟุตบอล
1. สนามฟุตซอลเล็กกว่า ประมาณ 1 ใน 4 ขอพื้นที่สนามฟุตบอล และเป็นสนามเล่นในร่ม
2. ลูกบอลฟุตซอลจะมีขนาดที่เล็กกว่า
3. จำนวนผู้เล่น 5 ต่อ 5
4. จำนวนนาทีที่เล่นครึ่งละ 20 นาที แบ่งเป็นครึ่งแรกและครึ่งหลัง
5. เวลาบอลออกจะหยุดเวลาทันที เวลาจะเดินต่อเมื่อบอลอยู่ในสนามเท่านั้น
6. ทุกตำแหน่งกองหน้า-กลาง-หลัง หรือผู้รักษาประตูสามารถยิงทำประตูได้หมด ไม่จำเป็นต้องรอได้ลูก เพราะไม่มีจุดล้ำหน้า
7. สามารถเปลี่ยนตัวผู้เล่นได้ตลอดเวลา
8. เสน่ห์คือเป็นกีฬาเล่นเกมไวทุกนาทีจึงมีค่า
ปล่อยขบวนคาราวานล้านลูก ล้านพลังฯ ปี 67เป็นได้สุด เป็นไปได้…ด้วยพลังคนไทย