ฟังกันหรือยังเพลงของพวกเขา?…อย่าง “ตั้งใจเรียน” ได้ดูกันหรือยัง? มิวสิกวิดีโอ “ถ้าเธอไม่ไหว” เพลงเพราะๆ เล่าเรื่องราวของ 2 วัยรุ่นที่มีความชอบต่างกันแต่มีฝันและลงมือทำไม่ต่างกัน
วันนี้เราคว้าตัว 4 หนุ่มมาพูดคุยถึงความหลงใหลกับเส้นทางสายดนตรี พร้อมตบมุกกันเบาๆ ภายใต้บรรยากาศสบายๆ ในฐานะศิลปินประจำโครงการกับเพลง “ถ้าเธอไม่ไหว” เวอร์ชันใหม่ประจำเวทีแข่งขัน THE POWER BAND 2023 SEASON 3 การประกวดวงดนตรีสากล ประจำปี 2566 ที่จัดโดยวิทยาลัยดุริยางคศิลป์ มหาวิทยาลัยมหิดล และคิง เพาเวอร์ ไทย เพาเวอร์ พลังคนไทย โดยได้ Tattoo Colour วงมากประสบการณ์ด้านดนตรีมายาวนาน มาร่วมงานกับวงดนตรีป็อปดูโอ้น้องใหม่ อย่าง Serious Bacon เพื่อเป็นแรงบันดาลใจให้กับเยาวชนไทยผู้มีฝันทางด้านดนตรีกับเวทีประกวดดนตรีสุดยิ่งใหญ่ในปีนี้
INTRO to TATTOO COLOUR
• Tattoo Colour (แทททูคัลเลอร์)
วงดนตรีวาไรตี้ป็อป สังกัดค่าย Smallroom Bangkok Pop Music Label
• ปัจจุบันมีผลงานเพลงทั้งหมด 6 อัลบั้ม
ผลงานระหว่างปี พ.ศ. 2549 – 2565
• สมัยเรียนวงชื่อ “ไอศกรีม 479” (I Scream 479)
เลขมาจากห้องเรียนชั้นมัธยมของสมาชิกแต่ละคน คือ ห้อง /4, /7 และ /9
• ปี 2561 Tattoo Colour x Thailand Philharmonic Orchestra (TPO)
ส่วนผสมระหว่างวงออร์เคสตรากับวงป็อปที่โดดเด่น
ได้รับการยกย่องว่าเป็นการแสดงที่งดงามและลงตัวที่สุด
ดิม – หรินทร์ สุธรรมจรัส, รัฐ พิฆาตไพรี, จั๊ม – ธนบดี ธีรพงศ์ภักดี และ ตง – เอกชัย โชติรุ่งโรจน์ …4 สมาชิกวง แทททูคัลเลอร์ เจ้าของผลงานฮิตที่ทุกคนต้องรู้จักอย่าง “ฟ้า” “รักแรกพบ” “เผลอไป” “ขาหมู” “Cinderella” หรือเพลง “Super Car Care” จากอัลบั้มล่าสุด ชุดที่ 6 อย่างอัลบั้มเรือนแพ
The Power of Possibilities
ในมุมมองที่พวกเขาเคยเป็น “เจ้าพ่อแห่งการแข่งขัน” เพราะเดินสายเข้าร่วมประกวดเวทีต่างๆ มาก่อน
รัฐ: ผมว่าถ้าเรารักบางอย่างจริงๆ ก็ลงมือทำได้เลย…เช่น รักดนตรี รักเสียงเพลง ก็เข้าร่วมในเวทีประกวดได้เลยนะ ไม่ต้องรอหรือกลัวอะไร Dream it! Do it! (ที่โครงการเคยใช้) ผมว่าตรงมากๆ มีความฝัน ก็ลงมือเลย อย่าเพิ่งไปมองจุดแพ้หรือชนะของการแข่งขัน ต่อให้คุณแพ้ ก็ยังได้รับประสบการณ์จากการแข่งขันอยู่ ซึ่งหาจากที่ไหนไม่ได้เลยนะ
ดิม: ถ้าเราทำเพลงแล้วส่งไปให้คนอื่นฟัง เราอาจไม่ได้คอมเมนต์จริงจัง แต่การประกวดคือมีกรรมการมาตั้งใจฟังเพลงเราและให้คอมเมนต์ที่มีประโยชน์กับเราจริงๆ ผมมองว่านี่คือหัวใจหลักของงานประกวดเลย
Q: การทำเพลงเองกับนำมาขึ้นเวทีประกวดดีต่างกันอย่างไร?
A: คอมเมนต์จริงจังจากเวทีประกวดจะช่วยให้คุณได้พัฒนาตัวเอง
รัฐ: หลังจากนั้นความสนุกมันจะตามมาเอง เพราะทุกโมเมนต์ที่เกิดขึ้นระหว่างแข่งขัน บรรยากาศรอบตัว หรือการขึ้นไปยืนบนเวที แค่นี้หัวใจก็เต้นแรงแล้ว มันเป็นความรู้สึกที่หาจากที่อื่นไม่ได้…มีแค่ที่เวทีประกวดเท่านั้น
ตง: เวทีประกวดคือพื้นที่ที่เราจะได้โชว์ของ โชว์ความเป็นตัวเองเต็มที่ และประสบการณ์บนเวทีมันประเมินค่าไม่ได้จริงๆ
จั๊ม: ที่สำคัญคือเวทีประกวดอาจพาเราไปสู่ประตูบานใหม่ ให้เราก้าวไปอีกขั้นหนึ่งของชีวิต ดนตรีทำให้ความฝันเกิดขึ้นได้จริง เวทีประกวดยังทำให้เราเจอคนที่มีเทสต์ทางด้านดนตรีที่เข้ากัน ประกวดจบไปอาจไม่ชนะ แต่คุณจะได้เจอเพื่อนหรือผู้คนใหม่ๆ สังคมใหม่ๆ ที่อาจจะกลายมาเป็นวงดนตรีเดียวกันในอนาคตก็ได้
รัฐ: หรือเผลอๆ บางทีได้แฟนด้วยนะ (ยิ้ม)
ดิม: It’s Possible, Music Make Life Possible (หัวเราะ)
จั๊ม: ผมว่าวงการนี้เปิดกว้าง โอกาสที่มาอยู่ตรงหน้าอาจจะหลุดลอยไปก็ได้ถ้าเราไม่ทำอะไรเลย มันเหมือนพอก้าวเท้าแรกออกไปแล้ว ก้าวที่เหลือก็จะตามมาเองครับ
ช่วงวัดใจ…กล้าพอไหมที่จะเดินไปคว้าโอกาส
หนทางพิสูจน์ม้า กาลเวลาพิสูจน์คน คำนี้ยังคงใช้ได้อยู่ทุกสถานการณ์ เช่นเดียวกับที่ทั้ง 4 หนุ่ม Tattoo Colour ก็เคยผ่านช่วงเวลานี้มาแล้ว
ตง: เราเป็นเพื่อนกันและเริ่มเล่นดนตรีมาตั้งแต่เด็ก พอซ้อมดนตรีไปนานๆ ของก็เริ่มร้อน…อยากมีพื้นที่โชว์ความสามารถ ตอนนั้นที่ขอนแก่นมีจัดงานประกวดพอดี เลยสมัครไป ตอนนั้นไม่ได้เก่งหรอกครับ แต่รู้สึกสนุกที่ได้เล่นดนตรี
รัฐ: มีเวทีที่ไหน ไปประกวดหมดเลย แพ้ชนะไม่รู้ ตอนนั้นไม่คิดมาก แค่อยากโชว์
ดิม: สมัยนั้นถ้าอยากให้สาวๆ กรี๊ด ไม่กีฬาก็ต้องดนตรี กะว่าเอาดีทางดนตรีนี่แหละ เท่ดี เพราะกีฬาไม่น่าจะไหว
รัฐ: ด้านเรียนก็ไม่ไหวเหมือนกัน (หัวเราะ)
ดิม: หลังเดินสายแข่งขันอยู่นาน จนได้เซ็นสัญญากับค่ายสมอลล์รูม ซึ่งต้องคิดภาพตามก่อนว่ายุคนั้นเรายังต้องไรต์เพลงเดโม่ที่ทำใส่แผ่นซีดีแล้วนั่งรถทัวร์จากต่างจังหวัดมาส่งที่ค่ายช่วงเสาร์ – อาทิตย์ ไม่ได้สบายแบบส่งแอร์ดรอปส่งอีเมลอย่างทุกวันนี้ และยังต้องนั่งรถเข้ามารับคอมเมนต์ กลับไปแก้เพลง แล้วเอาเพลงนั้นกลับมาส่งเพลงอีก ทำอยู่เป็นปีๆ กว่าจะได้ 10 เพลงสำหรับอัลบั้มแรก ถ้าเก็บแต้มนั่งรถทัวร์ได้ก็คือแลกกระเป๋าได้หลายใบ แลกเที่ยวเดินทางได้หลายรอบแล้ว
ตง: จากวันเซ็นสัญญากับค่ายสมอลล์รูมจนออกอัลบั้มแรก ก็นาน 2 ปีได้อยู่นะ
รัฐ: ฉะนั้นวันอัลบั้มแรกเสร็จจนได้ปล่อยเพลง จะดังหรือไม่ดังไม่รู้ แต่สำหรับเด็กบ้านนอก 4 คน เราถือว่าประสบความสำเร็จแล้ว
ดิม: มองย้อนกลับไปตอนที่ทำเพลงและเดินทางไป – กลับ กรุงเทพฯ – ขอนแก่น เป็นช่วงวัดใจเหมือนกันนะ แบบไม่มีอะไรการันตีว่าพวกเราจะได้ออกอัลบั้มจริงๆ แต่เราก็ทำอย่างเต็มที่ แบบมีเท่าไรใส่หมด ไม่ได้กั๊กไว้เลย
รัฐ: เหมือนลองดูว่ามันจะได้ออกไหมอัลบั้มแรก (หัวเราะ) มองย้อนกลับไปก็ถือว่าสนุกและท้าทาย รู้สึกว่าโอกาสมาอยู่ตรงหน้าแล้วล่ะ เราจะคว้าไว้ได้ไหม ยังดีที่พวกผมกัดฟันสู้ ไม่ได้ล้มเลิกความตั้งใจไปก่อนกลางทาง
ความสำเร็จคือการเดินทางระยะยาว
“พวกเรามีเช็กลิสต์ความสำเร็จระยะยาวอยู่ด้วยว่าอยากเป็นเหมือนพี่ๆ วงพาราด็อกซ์
หรือโมเดิร์นด็อก ความสำเร็จเหมือนการเดินทางระยะยาว ที่เรายังคงไปต่อ
เราเลยพยายามจะเป็นตัวของตัวเอง”
วง Tattoo Colour
1 ใน 2 ศิลปินพิเศษประจำโครงการ THE POWER BAND 2023 Season 3
20 ปี…เหมือนจะนาน แต่แค่พริบตาเดียว
ไม่บอกใครจะรู้ว่า Tattoo Colour อยู่ในเส้นทางสายดนตรีนี้มาแล้วกว่า 20 ปี…วันที่เหนื่อย วันที่ท้อ วันที่คิดงานไม่ออก พวกเขามีวิธีปรับอารมณ์ของตัวเอง
รัฐ: จะว่าไม่เปลี่ยนเลยมันก็ไม่ได้ อย่างอัลบั้มล่าสุด เราใช้แนวเพลงหลากหลายสไตล์ เช่น “Super Car Care” ฟีเจอริ่ง D.Gerrard ให้มีแร็ปลงไป หรือบีตใหม่ในเพลง “ร้อนของ” กับ “เซาเถอะ” ที่ผสานกลิ่นอายอีสาน หรือ “ตั้งใจเรียน” ที่เนื้อหาน่าสนใจ สิ่งเหล่านี้เกิดจากการปรับตัวอย่างที่ตงบอก แต่ยังมีลายเซ็นในแบบของแทททูคัลเลอร์อยู่ด้วยครับ
อยู่ในวงการมา 20 ปี แล้วรู้สึกเบื่อไหม ในด้านดนตรีก็ไม่นะครับ แต่ถ้าถามว่าเบื่อหน้ากันเองไหม อันนี้ก็อาจจะใช่ (หัวเราะ) เบื่อที่เราต้องเจอกันทุกวันมากกว่า ตอนทำเพลงก็เจอกัน ตอนไปทัวร์คอนเสิร์ตก็ไปด้วยกัน
ดิม: เมื่อวานก็เพิ่งเจอกัน
ตง: พรุ่งนี้ก็ต้องเจอกันอีก (หัวเราะ)
จั๊ม: ครั้งหนึ่งที่งานสีสันอะวอร์ดส์ เราเคยได้เจอพี่ๆ คาราบาว ในช่วงอัลบั้มแรกๆ ของพวกเรา เห็นพี่แอ๊ดกับพี่เทียรี่เดินสวนกันแต่เขาไม่ทักกันเลย ตอนนั้นก็คิดว่าหรือพี่เขาจะโกรธกันอยู่? แต่พอวงเรามาถึงจุดนี้ เข้าใจแล้ว เพราะอย่างพวกผมจะให้มาทักว่า “เฮ้ย! รัฐวันนี้เป็นไงบ้าง” ก็ไม่ใช่อะ เพราะเพิ่งแยกกันไม่ถึง 5 ชั่วโมงเอง (หัวเราะ)
รัฐ: ถามว่าเรื่องตัน เรื่องคิดงานไม่ออก มันมีอยู่ตลอดเป็นเรื่องปกติ แต่พวกเราแก้ปัญหาโดยเรียกประชุมเพื่อระดมไอเดีย เมื่อก่อนผมอาจเป็นคนขึ้นโครงมาแล้วทุกคนค่อยๆ เติมในส่วนของตัวเองให้สมบูรณ์ แต่เดี๋ยวนี้เราแชร์กันมากขึ้น ซึ่งผมว่าดีไปอีกแบบ สุดท้ายมันได้อะไรแปลกใหม่มากกว่า เวลาเพื่อนๆ แชร์ไอเดียมาก็มีบางจุดที่เรานึกไม่ถึง
ตง: ซึ่งพอคุยกันแต่แรก ไอเดียของแต่ละคนทำให้สร้างเป็นเพลงขึ้นมาได้จริงๆ หลายคนบอกว่าแต่งเพลงกัน 3 – 4 คนส่วนใหญ่ไม่ค่อยรอด จะทะเลาะกันก่อนเพราะมีหลายไอเดียเกินไป แต่เราอยู่ด้วยกันมานานจนรู้นิสัย ความชอบ หรือความต้องการของแต่ละคน เวลาทำงานเพลงมันสามารถไปด้วยกันได้
ดิม: อะไรมาก อะไรน้อย เราเพิ่มหรือลด หรือตัดออกได้เลย โดยที่คนอื่นๆ จะไม่งอแง
จั๊ม: เราจะรู้จุดร่วมของทั้ง 4 คนอยู่แล้วว่าถ้าออกมาแบบนี้จะเวิร์ก ทุกคนจะพอใจ อะไรแบบนี้ครับ
ดิม: 20 ปี เหมือนจะนานนะ แต่เอาจริงๆ แป๊บเดียวเอง ผมว่าเพราะพวกเราได้ทำในสิ่งที่รักแหละ เลยไปต่อได้
ถ้ากล่าวว่า การได้ทำในสิ่งที่รักถือว่าเป็นสิ่งที่ยอดเยี่ยมแล้ว การได้ทำในสิ่งที่รักพร้อมกับเพื่อนที่มีความฝันแบบเดียวกัน คงต้องเป็นอะไรที่สุดยอดมากกว่า หลังจากได้พูดคุยกับทั้ง 4 หนุ่มแล้ว ไม่แปลกใจเลยว่า ทำไมพวกเขาถึงเป็นวงดนตรียอดเยี่ยม สร้างผลงานเพลงที่ให้แรงบันดาลใจกับผู้ฟังได้มาจนถึงทุกวันนี้