“ซ้อม ซ้อม ซ้อม …”
คำนี้เหมือนเป็นคาถาศักดิ์สิทธิ์ซึ่งช่วยพา วง “หน้าโรงเรียน” ผ่านการคัดเลือกรอบแสดงสด THE POWER BAND 2022 SEASON 2 จัดโดยวิทยาลัยดุริยางคศิลป์ มหาวิทยาลัยมหิดล ร่วมกับ คิง เพาเวอร์ ไทย เพาเวอร์ พลังคนไทย สำหรับรุ่นมัธยมศึกษา ซึ่งประเดิมสนามแรกที่สนามจังหวัดขอนแก่น และเปิดเส้นทางสู่การประกวดรอบชิงชนะเลิศ ซึ่งเป็นการประชันฝีมือบนเวทีเดียวกันของวงดนตรีจากทั่วประเทศในเดือนพฤศจิกายนนี้
วง “หน้าโรงเรียน” เป็นการรวมตัวของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 5-6 จากโรงเรียนสตรีสิริเกศ จังหวัดศรีสะเกษ ประกอบด้วยสมาชิกคือ พิชญภา แสนสุข (ใบข้าว) ร้องนำ, จักรกริช จันสีดา (แบงค์) เบส, พรพิพัฒณ์ ตลาดขวัญ (ภีม) กลอง, สรกฤช สาลี (บุ๋น) กีตาร์ และ ศิริศักดิ์ เทนสุนา (มิวสิค) คีย์บอร์ด พวกเขาในวัย 15-18 ปี เดินทางเกือบ 300 กิโลเมตรจากศรีสะเกษ เพื่อมาขึ้นเวทีปลดปล่อยความฝันกันถึงมหาวิทยาลัยขอนแก่น
ในวันนั้น วงหน้าโรงเรียนเลือกนำเพลง “สายตาหลอกกันไม่ได้” ของ อิ้งค์ – วรันธร เปานิล และ “ซ่อน” ของวงเทเล็กซ์ เทเล็กซ์ มานำเสนอในสีสันลีลาเฉพาะตัว กลิ่นอายอิเล็กทรอนิกส์-ซินธ์ป็อปในเพลงที่ 2 นั้นนำเผยเสน่ห์และความสามารถของวงออกมาได้อย่างน่าสนใจ
การผสมผสานดนตรีป็อป ร็อก และอิเล็กทรอนิกส์เข้าด้วยกัน เกิดจากความตั้งใจของวงเพื่อแสดงให้เห็นว่า “พวกผมสามารถเล่นดนตรีได้หลายแนว และเล่นดนตรีมาจากความชอบ มาจากจิตใจจริงๆ” แบงค์ มือเบส หัวหน้าวง ทำหน้าที่เป็นตัวแทนเล่าให้ฟัง “ดนตรีแบบนี้มีเสน่ห์ พอได้เริ่มเล่นเพลงแนวนี้ก็รู้สึกว่า มันเป็นตัวตนของพวกเรา เราสามารถทำออกมาได้ดี เป็นดนตรีที่ค่อนข้างกว้างและนำเสนอได้หลากหลาย”
หลังจบการแสดง วงหน้าโรงเรียนได้รับคำชื่นชมจากคณะกรรมการ พร้อมมีคำชี้แนะบางประเด็น “เรื่องการสร้างบรรยากาศกับคนดู ทางวงเรายังทำได้ยังไม่ค่อยดี เราได้เปรียบตรงที่มีคนดูอยู่เต็มและทุกคนพร้อมที่จะอินไปกับเรา แต่เราไม่สามารถทำให้คนดูมีส่วนร่วมกับเราได้ อันนี้สำคัญมากๆ ส่วนหนึ่งอาจจะเป็นเพราะว่าที่ผ่านมาเวลาไปประกวดที่อื่น เราก็เจอแต่นักดนตรีด้วยกัน ไม่ค่อยมีคนดู เรายังไม่มีประสบการณ์เล่นต่อหน้าคนดูมากพอ” และพวกเขาก็เชื่อว่า จะทำได้ดีกว่านี้ในรอบหน้า
อีกหนึ่งจุดเด่นหนึ่งของวงหน้าโรงเรียน คือการเล่นดนตรีอย่างเข้าขาและรู้ใจกันเป็นอย่างดี ด้วยทั้ง 5 คนอยู่ร่วมวงกันมานาน 5 ปี บางคนเป็นเพื่อนพี่น้องร่วมสถาบันกันมาตั้งแต่ชั้นประถม “ความสัมพันธ์ของคนในวง พวกเราอยู่ด้วยกันแทบจะเป็นครอบครัว มันขาดใครไม่ได้”
ในความคิดของเมมเบอร์วงหน้าโรงเรียน กิจกรรมดนตรีสำหรับ “วัยรุ่น ม.ปลาย” ให้ประโยชน์หลายด้าน ไม่ว่าในอนาคตจะเป็นอย่างไร ดนตรีจะยังคงอยู่ในชีวิตของพวกเขาในฐานะงานการอาชีพหรืองานอดิเรกก็ยังไม่อาจรู้ แต่ปัจจุบันดนตรีเป็นสิ่งที่พวกเขารัก มีความสุขที่ได้ทำ และจะทำให้เต็มที่
“ถ้าเราขาดเสียงดนตรีไปก็อาจจะไม่มีชีวิตแบบนี้ ชีวิตผมอยู่ได้เพราะดนตรี มีช่วงหนึ่งผมเคยป่วยต้องนอนไอซียู 5 วันพอออกจากโรงพยาบาลมา ชีวิตดูโหวงเหมือนไม่มีอะไรเลย พอได้เจอเสียงดนตรีที่เราเคยชอบมาก่อน ผมก็รู้สึกดีขึ้นมากๆ ผมรู้สึกอยากมีชีวิตต่อ ดนตรีคือสิ่งยึดเหนี่ยว คือใช่ที่สุดครับ ชีวิตผมขาดเสียงเพลงไม่ได้” แบงค์พูดถึงดนตรีในมุมของเขา
ใบข้าว เจ้าของเสียงร้องทรงพลังสมาชิกหญิงคนเดียวของวงบอกว่า “เวลาร้องเพลงหนูมีความสุข มันได้เป็นตัวของตัวเอง ปกติหนูเป็นคนพูดไม่ค่อยเก่ง พูดไม่รู้เรื่อง แต่เวลาร้องเพลงก็ได้นำเสนออะไรที่อยู่ข้างในออกมาได้”
ดนตรียังสามารถช่วยสะท้อนความรู้สึกและแสดงอารมณ์ “ไม่ว่าเราจะเศร้า จะอินเลิฟ จะมีความสุข เวลาฟังเพลงก็จะทำให้อารมณ์นั้นยิ่งฟูขึ้นเรื่อยๆ”
การเรียนและฝึกฝนด้านดนตรียังเพิ่มโอกาสในการพบปะและพูดคุยกับเพื่อนพี่น้อง เป็นการสร้างมิตรภาพและชุมชนใหม่ๆ รวมทั้งยังเป็นการใช้เวลาว่างให้เป็นประโยชน์
“ดนตรีทำให้ได้เพื่อน ได้พี่น้อง จากที่ตอนเรียนประถมนั่งเล่นเกมกับเพื่อนไปวันๆ ไม่มีอะไรทำ จนได้มาเริ่มเล่นดนตรี”
“เล่นเกมทำให้เราเจอเพื่อนในโลกออนไลน์ แต่เล่นดนตรีก็ทำให้เราเจอคนเยอะแยะ เวลาไปแข่งก็เจอเพื่อนต่างโรงเรียนที่เป็นนักดนตรีเหมือนกัน คุยกันรู้เรื่อง”
“ดนตรีทำให้ชีวิตไม่ว่าง เมื่อก่อนก็ได้แต่เล่น พอมาตีกลองแล้วก็มีความรับผิดชอบ ได้ความรู้มากมาย แต่ก่อนเป็นคนไม่เคยรับผิดชอบอะไร ก็เริ่มมีความรับผิดชอบขึ้นมา” ภีม มิวสิค และบุ๋น ช่วยกันเล่า
สำหรับวงหน้าโรงเรียนแล้ว การผ่านเข้าไปสู่รอบสุดท้ายในการประกวดดนตรีครั้งนี้ นับเป็นหนึ่งก้าวของความสำเร็จและเรียกได้ว่าเป็นดอกผลจากการฝึกฝนฝึกซ้อมโดยแท้
“ทุกคนไม่ได้เก่ง ไม่ได้จับเครื่องดนตรีปุ๊บแล้วก็เล่นเป็นเลย ทุกคนจะเก่งได้ด้วยการฝึก ขอให้พยายามแล้วก็ฝึกซ้อมไปเรื่อยๆ เดี๋ยวก็เก่ง”
วงหน้าโรงเรียนอยากส่งกำลังใจถึงเพื่อนๆ ในวัยเดียวกันที่ชื่นชอบและมีดนตรีเป็นความฝันว่า “สำหรับคนที่กำลังพยายามอยู่ตอนนี้ อยากให้ตั้งใจไปเรื่อยๆ คนที่ไม่กล้าแสดงออกก็ให้กล้าแสดงออก จากน้อยๆ ก่อนก็ได้ ค่อยๆ เป็นค่อยๆ ไป ความฝันก็เหมือนกันเริ่มต้นจากเล็กๆ ก่อน”
“การเล่นดนตรีไม่ใช่เรื่องยาก แค่เราปรับเปลี่ยนความคิดตัวเอง เล่นให้ครอบครัวฟังแล้วเขาชอบก็เล่นให้เพื่อนฟัง เล่นให้เพื่อนฟังแล้วเพื่อนชอบก็เล่นให้คนอื่นฟังอีก เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ถ้าเรายิ่งพยายามมากเท่าไหร่ ความฝันมันก็จะเป็นจริงมากขึ้นเท่านั้น อยากให้ทุกคนได้ลองทำก่อน ถ้าเรายังไม่ได้ลองทำ มันจะไม่เกิดโอกาส ฝันและลองลงมือทำ ใครจะว่าอะไรก็อย่าไปคิดเยอะ เอาคำที่เขาว่ามาปรับปรุงตัวเองและทำให้เราเก่งขึ้น”
Suggestion
“อีกอย่างที่จะทำให้เราพัฒนาได้ก็คือการมีไอดอล ถ้ามีดาวดวงหนึ่งที่เราอยากเข้าไปหาเราก็จะยิ่งพยายาม”
เมื่อต้องรับผิดชอบทั้งเรื่องการเรียนและการฝึกซ้อมดนตรีไปพร้อมกัน สิ่งสำคัญคือการแบ่งเวลา “ถ้าเราสามารถแบ่งเวลาให้กับทั้งสองอย่างได้ ถ้าเราจัดการตารางชีวิตดี ถึงซ้อมหนัก แต่การเรียนก็ยังไม่ทิ้ง เกรดก็ออกมาอยู่ในระดับดีถึงดีมาก อยู่ที่การแบ่งเวลาของตัวเองมากกว่า” หัวหน้าวงแสดงความเห็น
กับความสำเร็จในการประกวดดนตรีครั้งนี้ น้องๆ วงหน้าโรงเรียนขอบคุณทั้งอาจารย์ไปจนถึงรุ่นพี่ที่ได้ช่วยเหลือหลายด้าน จากนี้ไปพวกเขายังมีเวทีสำหรับพิสูจน์ตัวเองรออยู่ข้างหน้า แต่แผนระยะใกล้ของทั้ง 5 คน คือ กลับบ้านไปพักผ่อน “ยิ่งพักผ่อนเยอะ เราก็จะยิ่งมีแรงซ้อม ถ้าเราซ้อมดึก ซ้อมมากไป กล้ามเนื้อหรือสมองของเราก็จะทำงานไม่ทัน เริ่มช้า ถ้าได้พักผ่อนเต็มที่แล้วค่อยซ้อมต่อมันจะดี ปล่อยให้สมองได้ผ่อนคลายก่อน แล้วค่อยมาลุยต่อ”
สมาชิกวงยังบอกอะไรไม่ได้มากเกี่ยวกับการเตรียมตัวเพื่อประกวดรอบต่อไป แต่ที่บอกได้แน่ๆ คือ พวกเขาจะรักษาตัวตนของหน้าโรงเรียนเอาไว้ “เพลงที่จะนำไปประกวดที่กรุงเทพฯ ก็จะคงสีสันเพลงฟิวชันแบบเดิมไว้ เพราะคิดว่าเป็นตัวตนของวงไปแล้ว”
กว่าจะถึงวันนั้น คาถาวิเศษที่จะทำให้ “หน้าโรงเรียน” วงดนตรีจากภาคตะวันออกเฉียงเหนือเดินทางไปสู่ระดับประเทศได้อย่างภาคภูมิใจคือ …“ซ้อม ซ้อม ซ้อม”
ทำไมถึงเป็น “หน้าโรงเรียน” ?
หลังจากเล่นดนตรีด้วยกันมานาน 5 ปี เมื่อตัดสินใจเข้าร่วมประกวด THE POWER BAND 2022 SEASON 2 หนุ่มสาววัยทีนกลุ่มนี้มีหลายอย่างที่ต้องทำ และหนึ่งในนั้นคือ … ตั้งชื่อวง!
การระดมสมองช่วยกันคิดหาชื่อวงเกิดขึ้นที่หน้าโรงเรียน หลายชื่อถูกเสนอขึ้นมาแต่ยังไม่ใช่ ยังไม่ได้
แล้วจู่ๆ มือกลองก็เสนอขึ้นมาว่า … “หน้าโรงเรียน”
กับชื่อนี้ สมาชิกต่างเห็นชอบด้วย เพราะรู้สึกว่าเป็นชื่อที่จำง่ายและแตกต่าง
นั่นเองจึงทำให้วงดนตรีหน้าโรงเรียนที่เล่นเพลงอิเล็กทรอนิกส์-ซินธ์ป็อปได้ถือกำเนิดขึ้นมา เรียบง่ายแบบนั้น!
ตามไปบุก 3 โรงเรียนของผู้ชนะสนามที่ 1 ขอนแก่น