‘จงเลือกงานที่คุณรัก แล้วชีวิตคุณจะไม่ต้องทำงานอีกเลย’
เราอาจจะได้ยินคำแนะนำที่ทรงคุณค่านี้มานับครั้งไม่ถ้วน แต่ถึงอย่างนั้นก็อดไม่ได้ที่จะตั้งคำถามว่า … จริงหรือ?
และครั้งนี้ ระหว่างพูดคุยกับ คุณชาญบุญ เอี่ยมหนู เรื่องราวของเขาทำให้เราได้คำตอบว่า … จริง!
จากความทรงจำวัยเยาว์ สู่ธุรกิจที่รัก
คุณชาญบุญ เอี่ยมหนู เป็นคนรักงานหัตถกรรม ชื่นชอบผ้าและการออกแบบผสมผสานสี โดยเขาได้นำสิ่งเหล่านี้มาสร้างเป็นงานและธุรกิจของตัวเอง
ชายวัย 50 ปีผู้นี้เป็นคนอำเภอโพธาราม จังหวัดราชบุรี ในช่วงวัยเรียนได้เข้ามาศึกษาระดับปริญญาตรีที่มหาวิทยาลัยรามคำแหง ระหว่างนั้นมีโอกาสได้ทำงานในร้านผ้าไหมและทำงานให้กับแบรนด์แฟชั่นดังระดับโลก ก่อนจะมาเปิดร้านขายสินค้าของใช้ของฝากของที่ระลึก ประเภทผ้าไหมคลุมไหล่ เนกไท ปลอกหมอน ฯลฯ ในสวนลุมไนท์บาซาร์
และตั้งแต่ปี 2544 เป็นต้นมา คุณชาญบุญได้สร้างสรรค์ผลิตภัณฑ์หัตถกรรมอันมีเอกลักษณ์ ภายใต้แบรนด์ BOON KOON (บุญคุณ) ซึ่งแปรรูปผ้าไหมไทยเป็นของใช้และของแต่งบ้านที่โดดเด่นด้วยการใช้เทคนิคต่อผ้า (Patchwork) อันละเอียดประณีต
“เป้าหมายของผมไม่ได้ตั้งไว้ใหญ่ ทำอะไรบนพื้นฐานความสุข อยากให้งานของผมเกิดจากความรักความสุข อยากให้ลูกค้าซื้อของด้วยความสุขด้วยความชอบจริงๆ…
ให้ทุกคนมีความสุขกับของของเรา”
ชาญบุญ เอี่ยมหนู แบรนด์บุญคุณ
ทั้งหมดมีจุดเริ่มต้นและแรงบันดาลใจมาจากความทรงจำวัยเด็กอันอบอุ่นงดงาม
“เป็นความผูกพันความประทับใจในวัยเยาว์ ตอนเป็นเด็ก ในฤดูหนาวของทุกปี ลูกหลานจะได้รับของขวัญจากป้าก็คือ ผ้าห่ม ซึ่งป้าจะไปเอาผ้าชิ้นเล็กๆ เต็มไปด้วยสีสันมากมาย ลวดลายเยอะแยะ เย็บต่อด้วยมือขึ้นมาเป็นผ้าห่มให้หลานกันหนาว
“ป้าเคยบอกไว้ว่า ถึงมันจะเป็นแค่เศษผ้าชิ้นเล็กๆ แต่ถ้าเรารักและรู้จักคุณค่าก็สามารถที่จะนำมาใช้ประโยชน์ได้มากมาย เวลาว่างจากการทำนาทำไร่ ป้าก็จะเอาผ้ามานั่งเย็บไปเรื่อยๆ เก็บเป็นพับๆ ใช้เวลาเป็นปี พอถึงหน้าหนาวก็ให้หลาน ป้าเย็บด้วยความรักความห่วงใยในลูกหลาน ตอนเด็กๆ เราไม่ได้ชอบนะ พอโตขึ้นทุกครั้งที่ผมเห็นผ้าต่อผมก็จะนึกถึงป้าและผ้าที่ป้าให้
“พอเรามาทำผ้าต่อเอง เรารู้สึกว่า ยากมาก ขนาดเรามีเครื่องมือ มีจักรเย็บผ้า ไม่ได้นั่งเย็บด้วยมือ ทำให้เรารู้ว่า ป้าห่วงเรา รักเรา ป้านั่งต่อผ้าเป็นผ้าห่มมีความมานะมาก เรารู้สึกว่าอยากทำผ้าต่อบ้าง เพราะว่าทุกครั้งที่เห็นเรารู้สึกอุ่นใจ อบอุ่น หลังจากนั้นแบรนด์บุญคุณก็เลยทำผ้าต่อเป็นหลัก”
เคล็ดลับทำธุรกิจยั่งยืนอย่างชาญบุญ แบรนด์บุญคุณ
✔️ ตัดเย็บด้วยมือ ผลิตด้วยหัวใจ สำคัญตรงคนทำมีความสุข
✔️ ศึกษาเทรนด์แล้วจะไปต่อได้อย่างไม่สิ้นสุด
✔️ จงอย่าเป็น “น้ำเต็มแก้ว” เพื่อเติมความรู้และไอเดียใหม่ ๆ อยู่ตลอดเวลา
✔️ ทำสิ่งที่รักและเชี่ยวชาญ หาข้อมูลเพิ่มความมั่นใจ แล้วเดินหน้าไปให้ถึงความสำเร็จ
ทำงานร่วมกับชุมชน สร้างสรรค์สิ่งที่แตกต่าง
“เราตั้งชื่อแบรนด์ว่า BOON KOON (บุญคุณ) เพื่อพ่อแม่ ป้า ญาติผู้ใหญ่ ‘บุญคุณ’ เป็นคำที่สวยงามความหมายดี ภาษาอังกฤษคำว่า BOON ก็ใกล้เคียงกับภาษาไทย เรารู้สึกว่า ลูกค้าที่ช่วยซื้อของของเรา เขาก็มีบุญคุณกับเรา เป็นธุรกิจแรกที่ทำด้วยตัวเองเลยรู้สึกว่าเป็นบุญคุณที่เราได้เปิดร้าน”
สินค้าของ BOON KOON อาทิ ผ้าพันคอ ผ้าคลุมไหล่ เนกไท ปลอกหมอนอิง ฯลฯ “ของใช้เล็กๆ ที่เป็นของฝากได้ เป็นสินค้าของคนไทย ทำด้วยมือ มีคุณภาพดี มีกลิ่นอายความเป็นไทยร่วมสมัย
“เราอยากให้เป็นผลิตภัณฑ์ของฝากจากประเทศไทย เป็นสินค้าที่ถูกใจผู้ให้ประทับใจผู้รับ มีการพูดถึงบอกปากต่อปากในเรื่องของคุณภาพ อยากให้คนมาเมืองไทยต้องซื้อ BOON KOON ไปฝาก อันนี้คือ ความฝัน”
✔️ ตัดเย็บด้วยมือ ผลิตด้วยหัวใจ
สำคัญตรงคนทำมีความสุข
สินค้าเกือบทั้งหมดของ BOON KOON ผลิตมาจากผ้าไหมไทยและตัดเย็บด้วยมือ เป็นการทำงานร่วมกับทีมที่ยอดเยี่ยม ก่อนหน้านี้ คุณชาญบุญได้ทำงานร่วมกับชุมชนทอผ้าไหมที่คลองสามวา กรุงเทพฯ หลังจากทำงานร่วมกันต่อเนื่องมายาวนานหลายปี ในช่วงการระบาดของโควิด-19 ก็ได้ปิดตัวลง ขณะที่ชุมชนในโพธารามซึ่งช่วยเย็บผ้าให้เป็นผลิตภัณฑ์ต่างๆ ยังคงอยู่และดำเนินต่อ
“เราทำงานร่วมกับชุมชนที่โพธาราม เป็นการสร้างงานสร้างรายได้ให้กับชุมชน โดยเฉพาะงานผ้าต่อ เราได้นำเศษผ้าเหลือใช้จากชุมชนบ้าง หรือจากแหล่งที่ทำเนกไทให้เรา แล้วเอามาแปรรูปเป็นผลิตภัณฑ์อื่นๆ เป็นการสร้างมูลค่าเพิ่ม ของผ้าชิ้นเล็กๆ นั้นด้วย ช่างเย็บผ้าของบุญคุณเป็นช่างเย็บผ้าที่มีทักษะฝีมือแรงงานที่ดีมาก สามารถทำให้ผลิตภัณฑ์จากผ้าต่อที่มองว่าเป็นเศษผ้ามาทำให้ดูพิเศษได้ ด้วยการทำงานที่ประณีตและใส่ใจอย่างมาก เลยทำให้สินค้าของเราพิเศษและแตกต่างจากคนอื่น”
งานต่อผ้าต้องอาศัยช่างที่มีความชำนาญประณีต ใช้เวลาในการทำมาก ทำให้ต้นทุนสูง แต่ก็เป็นงานที่มีคุณค่าและคุณภาพ จึงเป็นที่ชื่นชอบของลูกค้า “สำหรับผู้ประกอบการใหม่ การหาความชอบความถนัดของตัวเองให้เจอ แล้วเอามาเป็นแรงบันดาลใจในการสร้างตัวตน พยายามทำให้ตัวเองแตกต่างจากคนอื่น เพราะว่าถ้าเราแตกต่างจากคนอื่นก็จะจดจำได้ง่าย ถ้าเราเหมือนคนอื่นก็ไม่ได้เด่นอะไร ผมมองว่าในยุคปัจจุบัน คนชอบความต่าง ถ้าคุณต่าง คุณก็จะเด่น”
✔️ ศึกษาเทรนด์แล้วจะไปต่อได้อย่างไม่สิ้นสุด
Suggestion
เรียนรู้ไม่หยุดนิ่ง … ไม่เป็นน้ำเต็มแก้ว
เมื่อเริ่มต้นนับหนึ่งในการสร้างธุรกิจของตัวเอง คุณชาญบุญได้นำความชื่นชอบส่วนตัวในเรื่องงานหัตถกรรมรวมทั้งสีสันการออกแบบมาผสมผสานกับประสบการณ์จากการทำงานเพื่อปรับใช้ รวมถึงวิธีการทำงานของแบรนด์แฟชั่นระดับโลกที่มีโอกาสได้สัมผัสทำให้ได้เรียนรู้ว่า กว่าสินค้าแต่ละชิ้นจะออกมาวางจำหน่ายต่างต้องผ่านกระบวนการคิดและทดลองมาหลายขั้นตอน
“ผมได้เรียนรู้ว่า ถ้าจะทำสินค้าออกมาสักอย่าง ต้องดูว่าเทรนด์มาแบบไหน เขากำลังทำอะไรกัน ของเราเป็นสินค้าที่ยังอิงความเป็นไทย วัตถุดิบของเราก็ไทย สิ่งเหล่านี้หล่อหลอมเรา แล้วเราก็พยายามเรียนรู้ พยายามหาจุดของตัวเอง เราจะทำยังไง เราจะพัฒนายังไง”
ที่ผ่านมาเขามีโอกาสได้เข้าร่วมกิจกรรมฝึกอบรมพัฒนาสินค้าและพัฒนาธุรกิจกับหน่วยงานองค์กรทั้งภาครัฐและเอกชนต่างๆ อย่างต่อเนื่อง “รวมทั้ง คิง เพาเวอร์ ก็ได้มาให้ความรู้ต่างๆ กับเรา ความรู้ที่เก็บเกี่ยวมาทำให้เราพัฒนาตัวผลิตภัณฑ์ขึ้นมาเรื่อยๆ ทุกครั้งที่เราไปเรียนรู้ เราก็จะนำไปถ่ายทอดให้กับพี่ๆ น้องๆ ที่อยู่ในชุมชน เพื่อจะทำยังไงให้แบรนด์ BOON KOON เป็นที่จดจำ”
คุณชาญบุญหยิบความเป็นไทยจากสิ่งต่างๆ รอบตัว ทั้งอาคารสถานที่ เช่น วัด หรือวิถีชีวิตในเรื่องอาหารการกิน รวมถึงวัฒนธรรมความเชื่อต่างๆ ของไทยใส่เข้าไปในผลงาน
“ส่วนหนึ่งคือต้องดูวัตถุดิบของเราด้วย งานของผมใช้เศษผ้า ก็จะแยกเศษผ้าสีต่างๆ ไว้ เราจะรู้ว่าเศษผ้าของเรามีสีอะไรบ้าง และสีที่มีเชื่อมต่อกับอะไรได้บ้าง บางทีก็ใช้วัตถุดิบที่มีไปหาแรงบันดาลใจ”
ผลงานคอลเลกชันล่าสุดของ BOON KOON ได้รับแรงบันดาลใจมาจากธุงหรือตุงของภาคอีสาน “แนวคิดคืออยากนำความเชื่อของคนภาคอีสานในเรื่องสิ่งของอันเป็นมงคล นั่นคือ ธุงแมงมุมที่ทำขึ้นมาแขวนตกแต่งอาคารสถานที่ เพื่อถวายเป็นพุทธบูชา จึงได้ออกแบบลายผ้าให้เหมือนธุงแมงมุม เพื่อนำมาตกแต่งลงบนหมอนอิงผ้าไหมเพื่อใช้ตกแต่งบ้าน ตามความเชื่อที่ว่าจะช่วยปกป้องอาคารบ้านเรือนและผู้อยู่อาศัยภายในบ้านให้พ้นจากสิ่งชั่วร้ายที่จะเข้ามา เป็นการสร้างความอบอุ่นใจให้กับทุกคน อีกทั้งยังช่วยเพิ่มสีสันและความสวยงามได้ดีอีกด้วย”
✔️ จงอย่าเป็น “น้ำเต็มแก้ว”
เพื่อเติมความรู้และไอเดียใหม่ๆ อยู่ตลอดเวลา
สำหรับคุณชาญบุญ งานคือความสุข โดยเฉพาะเรื่องการออกแบบซึ่งเขาโปรดปรานชื่นชอบมากเป็นพิเศษ ถึงแม้จะไม่ได้ศึกษาทางด้านนี้มาโดยตรง แต่เขามุ่งมั่นเรียนรู้และพัฒนาตัวเองมาโดยตลอด จนทำให้คุณชาญบุญเคยได้รับรางวัลทางด้านการออกแบบผลิตภัณฑ์และออกแบบบรรจุภัณฑ์ของกรมส่งเสริมอุตสาหกรรมมาแล้ว
“ผมไม่เป็นน้ำเต็มแก้ว ใครสอนผมก็รับ อย่างเช่นเด็กนักเรียนที่ความคิดของเขาแปลกไปจากเรา ก็ทำให้เราได้ไอเดียเล็กๆ น้อยๆ จากเขา ก็ได้ประโยชน์หมด ทุกคนที่เข้ามาให้ความรู้เรา มาพูดคุยกับเรา ผมก็ได้ไม่มากก็น้อย”
คุณชาญบุญเล่าย้อนไปถึงช่วงก่อนโควิด-19 ระบาด ซึ่งเขามีโอกาสร่วมงานแสดงสินค้าต่างๆ “เราได้พบกับลูกค้า ได้พูดคุย ได้รู้ว่าต้องลูกค้าต้องการอะไร ชอบสีแบบไหน เป็นการสื่อสารกับลูกค้า ลูกค้าของผมส่วนใหญ่จะเป็นชาวตะวันตก ผมได้ออกงานแฟร์ต่างประเทศหลายครั้ง ผมอยู่ในกลุ่มผู้ผลิตงานคราฟต์อินเตอร์เนชันแนล ซึ่งรวมกลุ่มกันหลายประเทศ เวลามีงานที่ประเทศต่างๆ เขาก็จะชักชวน ประเทศไทยสนใจไหม เขาจะดูแล มีบูท มีที่พัก ให้เราไปแสดงงาน”
ในวันนี้ เป้าหมายของคุณชาญบุญ คือการแตกไลน์เพิ่มสินค้าให้ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์มากขึ้น และ “พยายามจะทำสินค้าสำหรับร้านซูวีเนียร์และหาตัวแทนจำหน่าย” รวมทั้งสร้างความแข็งแกร่งให้กับโซเชียลมีเดียของแบรนด์เพื่อทำให้คนรู้จักมากขึ้น โดยเฉพาะผ่านเฟซบุ๊ก Boonkoon Handicraft ซึ่งเป็นช่องทางติดตามและจำหน่ายสินค้า เพิ่มเติมนอกจากมีจำหน่ายกับ คิง เพาเวอร์ แล้วซึ่งเป็นเหมือน “หน้าร้าน” ที่ตรงกับกลุ่มลูกค้าทั้งไทยและต่างชาติ
Suggestion
เป้าหมาย ความสำเร็จ ความสุข
สำหรับคุณชาญบุญแล้ว สิ่งที่ทำให้เขาเดินมาถึงจุดนี้ได้ คือความเชื่อมั่นในตัวเอง พร้อมกับการเรียนรู้ที่มากขึ้นในทุกๆ วัน จนพบว่า คุณทำได้!
“จุดเริ่มต้นของความสำเร็จมันมาจากความเชื่อที่ว่าเราทำได้ ถ้าคุณเชื่อว่าคุณทำได้ คุณก็ทำได้ เพราะว่าตัวผมเองก็ไม่ได้มีพื้นฐานใดๆ เลย จากเด็กต่างจังหวัดคนหนึ่งเข้ามาอยู่กรุงเทพฯ ดิ้นรนใช้ชีวิต ส่งตัวเองเรียน วันหนึ่งผมก็ยังมาถึงตรงนี้ได้
“งานของเราเป็นหัตถกรรมทำมือ มันก็จะค่อยๆ โตไปทีละนิด ค่อยๆ มีคนรู้จัก มีคนใช้สินค้า คนพูดถึง ไม่ได้ดังมาก แต่ก็มีกลุ่มคนที่ใช้ของเรา เราได้รับคำชมก็ชื่นใจแล้ว
✔️ ทำสิ่งที่รักและเชี่ยวชาญ หาข้อมูลเพิ่มความมั่นใจ
แล้วเดินหน้าไปให้ถึงความสำเร็จ
“ผมไม่ได้มองความสำเร็จในลักษณะของยอดขายหรือตัวเงิน แต่มองในลักษณะของความสุขที่เราได้รับ ความสุขที่ลูกค้า คนให้ หรือว่าผู้รับได้รับมากกว่า
“เป้าหมายของผมไม่ได้ตั้งไว้ใหญ่ มันเป็นธุรกิจที่เราทำในชุมชนในครัวเรือนแล้วค่อยๆ โตไป ไม่ต้องถึงขนาดก้าวกระโดด เป็นคนเป้าหมายเล็กๆ ทำอะไรบนพื้นฐานความสุข อยากให้งานของผมเกิดจากความรักความสุข อยากให้ลูกค้าซื้อของด้วยความสุขด้วยความชอบจริงๆ อยากให้เขาได้ของไปแล้วเขามีความสุข
“ผมเอาความสุขเป็นตัวตั้งอยากให้ทุกคนมีความสุขกับของของเรา จะไม่ทำลวกๆ อันนี้มันคือความรักนะที่เราใส่ลงไป ไม่รู้ว่าลูกค้าจะรู้สึกหรือรับสารได้ไหม”
การได้ทำในสิ่งที่รักเป็นงานหรืออาชีพ แม้ว่าจะมีอุปสรรคมากมายระหว่างทาง ก็จะสามารถผ่านพ้นไปได้อย่างไม่ยากเย็นนัก เมื่อต้องเผชิญกับปัญหา ชาญบุญมักบอกตัวเองและคนรอบข้างเสมอว่า
“อะไรที่เกิดขึ้นแล้วเดี๋ยวมันก็ผ่านไป ชีวิตมันก็เป็นอย่างนี้แหละ มีสุขมีทุกข์ปะปนกันไป ไม่มีอะไรจีรังยั่งยืน วันนี้เราหัวเราะ พรุ่งนี้เราอาจจะร้องไห้ก็ได้ ชีวิตมันก็วนๆ ไปอย่างนี้ ผมคิดอย่างนี้เสมอและมักจะปลอบใจเพื่อนอย่างนี้เหมือนกัน ชีวิตมันไม่ได้จบแค่นี้หรอก เดี๋ยวพรุ่งนี้คุณก็เจอเรื่องดีๆ แล้ว เราผ่านเรื่องอะไรมาตั้งเยอะแยะ ผมเป็นคนมองโลกแบบนี้ เป็นคนมีความยืดหยุ่นสูง ไม่มีอะไรหรอก วันหนึ่งมันก็จะผ่านไป นั่นเป็นสิ่งที่เราคอยบอกตัวเอง”
ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของชีวิตหรือการประกอบธุรกิจ ผู้ที่ประสบความสำเร็จจำเป็นต้องทำงานหนัก มีวิสัยทัศน์ และความอุตสาหะ แต่ถ้าหากว่า บางอย่างไม่เป็นใจเกิดขึ้น บางครั้งเราก็แค่ต้องปล่อยมันไป … เรื่องราวของ คุณชาญบุญ เอี่ยมหนู ได้บอกกับเราอย่างนั้น
บุญคุณ (BOON KOON)
ที่ตั้ง : 15/104 หมู่5 หมู่บ้านเวอริเดี่ยน ถ.ราชพฤกษ์ แขวงบางรักน้อย อ.เมือง จ.นนทบุรี 11000
Facebook: BOON KOON
ข้อมูลสินค้าเพิ่มเติมที่ตลาดพลังคนไทย
คลิก: BOON KOON
สนใจสินค้าพลังคนไทย สามารถสนับสนุนได้ที่คิง เพาเวอร์ทุกสาขา