People

คุยกับ ‘กิจ-ศุภกิจ ตระกูลกิจเจริญ’
นักพัฒนาผู้พานายอ้วนเย็นตาโฟบะเต็ง
ก้าวไปอีกขั้นในทุกๆ วัน

วรากร เพชรเยียน 6 Aug 2024
Views: 857

Summary

คุยกับคุณกิจ – ศุภกิจ ตระกูลกิจเจริญ ทายาทรุ่นที่ 3 ของร้าน ‘นายอ้วนเย็นตาโฟบะเต็งเสาชิงช้า’ ถึงความคิดการทำธุรกิจให้ประสบความสำเร็จ และมุมมองที่สามารถนำไปปรับใช้ได้กับทุกอย่างในชีวิต

“พัฒนาอยู่ตลอดเวลา…”

เราได้ยินวลีนี้อยู่หลายครั้งขณะที่กำลังนั่งคุยกับคุณกิจ – ศุภกิจ ตระกูลกิจเจริญ ทายาทรุ่นที่ 3 ของร้าน ‘นายอ้วนเย็นตาโฟบะเต็งเสาชิงช้า’

พัฒนาอยู่ตลอดเวลา… ถึงจะเป็นเพียงวลีสั้นๆ แต่คือคำตอบสำคัญของการพาบางสิ่ง ผลักดันบางอย่างให้ก้าวไปอีกขั้น…ซึ่งเป็นสิ่งที่คุณกิจทำมาเสมอ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อพูดถึงการต่อยอดร้านนายอ้วนเย็นตาโฟบะเต็งเสาชิงช้า ที่ทำร่วมกับพี่น้องอีก 3 คน จนปัจจุบันมีมากกว่า 40 สาขาทั่วกรุงเทพฯ และปริมณฑล

“เราไม่ได้คิดว่าเราขายก๋วยเตี๋ยว แต่คิดว่าเราทำธุรกิจ

และทำยังไงให้คุณภาพดีขึ้นไปเรื่อยๆ…วงเล็บด้วยว่า เราจะไม่ทำในรูปแบบเดิม”

ศุภกิจ ตระกูลกิจเจริญ ทายาทรุ่นที่ 3
ร้าน ‘นายอ้วนเย็นตาโฟบะเต็งเสาชิงช้า’

มาถึงวันนี้สิ่งที่เราสนใจที่สุดไม่ใช่ร้านนายอ้วนเย็นตาโฟบะเต็งเสาชิงช้า รังสรรค์เมนูได้อร่อยแค่ไหน แต่เป็นมุมมองความคิด เบื้องหลังความสำเร็จ ที่หากค่อยๆ ละเลียดตัวอักษรไปทีละน้อยก็อาจได้พบกับแรงกระเพื่อมทางใจ หรือแม้กระทั่งแนวคิดที่สามารถนำไปปรับใช้กับชีวิตได้

 

ถาม-ตอบ

กับคุณกิจ – ศุภกิจ ตระกูลกิจเจริญ

Q: เสน่ห์ของเมนูเย็นตาโฟคือ?

A: “เย็นตาโฟมีครบทุกรสชาติในชามเดียว ตัวเครื่องก็หลากหลาย
ทั้งลูกชิ้นปลา ลูกชิ้นกุ้ง หมูบะเต็ง มีอาหารทะเลด้วย”

 

เคล็ดลับความสำเร็จ

ฉบับ “ศุภกิจ นายอ้วนเย็นตาโฟบะเต็ง”

✔ เมื่อสินค้าคืออาหาร ต้องใช้ความอร่อยเป็นจุดขาย

✔ ขายความอร่อยและของอร่อยในความทรงจำ

✔ ธุรกิจอาหาร ต้องพัฒนาทั้งระบบบริหารจัดการไปด้วย

 

สานต่อ นายอ้วนเย็นตาโฟบะเต็ง ในแบบของตัวเอง

“ตอนแรกเราเหมือนจะหนีธุรกิจนี้มาตั้งแต่ต้น เรารู้สึกว่าธุรกิจอาหารเป็นธุรกิจที่เหนื่อย แต่พอวันหนึ่งที่รู้สึกว่ามันจะหายไปก็รู้สึกแปลกๆ ทั้งที่เย็นตาโฟเลี้ยงเรามาตั้งแต่เด็ก เราก็เลยรวมตัวพี่น้องเข้ามาทำ”

จากคนที่เรียนจบสายบริหารคอมพิวเตอร์ ที่เคยอยากเขียนแอนิเมชัน และได้ความคิดอยากทำธุรกิจจากการไปตีแบดมินตันกับคุณพ่อ วันนี้คุณกิจและน้องอีกสามคนร่วมกันสานต่อร้านนายอ้วนเย็นตาโฟบะเต็งเสาชิงช้า มาได้กว่า 7 ปีแล้ว จากความตั้งใจแรกเริ่มที่อยากให้คุณพ่อคุณแม่ได้พัก..

วัตถุประสงค์แรกเราไม่ได้ต้องการทำเพราะเงิน แต่ทำเพื่อให้คุณพ่อคุณแม่มีเวลาพักผ่อนมากขึ้น วงเล็บว่า เราจะไม่ทำในรูปแบบเดิม

จากรุ่นอากงเป็นผู้ริเริ่ม รุ่นคุณพ่อที่ต่อยอดมาทำวัตถุดิบเองทั้งหมด ตั้งแต่ต้มซอสเป็นร้อยๆ หม้อ ช่วยกันบีบลูกชิ้นทีละลูก เริ่มพัฒนาผักบุ้งสายพันธุ์เฉพาะของร้าน ในรุ่นที่ 3 จึงเน้นไปที่การขยับขยายให้เย็นตาโฟไปได้ไกลขึ้นกว่าเดิม

“เราไม่ได้คิดว่าเราขายก๋วยเตี๋ยว แต่วันนี้เราคิดว่า เราทำธุรกิจและทำยังไงให้ธุรกิจนี้คุณภาพดีขึ้นไปเรื่อยๆ”

 

✔ ขายความอร่อยและของอร่อยในความทรงจำ

 

ปักเสากระจายสัญญาณ

จากรุ่นอากงและรุ่นคุณพ่อ ร้านนายอ้วนเย็นตาโฟบะเต็ง ตั้งอยู่ในย่านเสาชิงช้ามานานกว่า 50 ปี จนกระทั่งถึงวันที่ต้องเปลี่ยน “นายอ้วนเย็นตาโฟบะเต็ง จริงๆ ก็เหมือนเสากระจายสัญญาณ เรามีหน้าที่ไปปักเพื่อให้ลูกค้าได้กินของดีๆ”

เหตุผลหนึ่งที่ทำให้นายอ้วนเย็นตาโฟบะเต็ง ต้องกระจายสาขาออกไปคือ ความเป็นก๋วยเตี๋ยว อาหารที่มีเวลาอันจำกัดเข้ามาควบคุม เส้นแบบไหนที่จะตกถึงมือลูกค้า เมื่อผ่านเวลาไปจะเป็นตัวตัดสินความพึงพอใจ นอกจากคุณภาพสินค้าแล้ว ความรู้สึกทางใจก็เป็นอีกเหตุผลหนึ่ง

“ลูกค้าเก่าๆ ที่เคยอยู่ในย่านเสาชิงช้า วันหนึ่งที่เขาย้ายบ้านออกไป กลายเป็นว่าเขาแทบไม่ได้กลับมาอีกเลย แต่การที่เราไปเปิดสาขาต่างๆ จากที่เขาได้ไปกินน้อยมาก เขาได้กลับมากินอีก มันได้มิติที่มากกว่าร้านอาหาร เราไปสร้างรสชาติเก่าๆ ให้เขาได้รำลึกถึงสิ่งที่ตัวเองผ่านมา” แต่ละสาขาที่ขยาย ล้วนผ่านการดูข้อมูลการตลาด หาที่ตั้งฐานลูกค้าเพื่อปักหมุดทำเลต่อๆ ไป

 

ถาม-ตอบ

กับคุณกิจ – ศุภกิจ ตระกูลกิจเจริญ

Q: อยากทำธุรกิจให้สำเร็จ มือใหม่เริ่มต้นยังไง?

A: “หนึ่ง ต้องมีแพสชันหรือมีจุดมุ่งหมายที่จะไปก่อนว่า วันนี้เราทำมันเพราะอะไร
ถ้ามันไม่ชัดเราจะพร้อมล้มเลิก หรือเราจะแค่ทำ
สอง รู้ว่าทำไปเพราะอะไร เป็นความภูมิใจ คุณค่าทางความรู้สึก”

ขอบคุณภาพจากเพจ FB: นายอ้วนเย็นตาโฟบะเต็งเสาชิงช้า naiuan yentafo

วันนี้การขยายสาขาและพัฒนาอยู่ตลอดเวลาทำให้ Position ของนายอ้วนเย็นตาโฟบะเต็ง เปลี่ยนไป จากร้านก๋วยเตี๋ยวเย็นตาโฟย่านเสาชิงช้า สู่เย็นตาโฟพรีเมียมที่ทำงานในรูปแบบธุรกิจต่อยอดได้

“อาหารเป็นแค่เสี้ยวเดียว เบื้องหลังมันต้องทำเยอะมาก ตั้งแต่การพัฒนาองค์กร ฝ่ายบุคคล หา insight เทรนด์ธุรกิจอาหาร เราเอาเรื่องการทำ Branding เข้ามาใช้ และแต่ละสาขาที่เปิดเราใช้ดีไซเนอร์ในการออกแบบเพื่อสร้างภาพจำ ทำให้ ‘สีแดง’ เย็นตาโฟเท่ากับนายอ้วนเย็นตาโฟบะเต็ง”

 

เราใส่ใจเรื่องคุณภาพทุกขั้นตอน ทำให้เหมือนคนในครอบครัวกิน เพราะตัวผมเองก็กินมาตั้งแต่เด็ก เผลอๆ กินเย็นตาโฟเกือบทุกมื้อหรือหนึ่งในสามมื้อของทุกวัน

 

ไม่มีคำว่าดีแล้ว มีแต่ดีขึ้นได้อีก

นายอ้วนเย็นตาโฟบะเต็ง หล่อหลอมให้เราไม่ยึดติดกับคำว่าดีแล้ว เรารู้สึกว่าเย็นตาโฟชามต่อไปมันจะดีได้กว่านี้อีก เราคิดค้น และพัฒนาตัวเองตลอดเวลา”

ถ้าวันนี้เย็นตาโฟหนึ่งชามได้คะแนนเต็มร้อย วันข้างหน้าก็จะต้องพัฒนาให้ได้มากกว่าเดิม ซึ่งคุณกิจมองทั้งภาพรวมและหน่วยย่อย “ผมว่า Core ของนายอ้วนเย็นตาโฟบะเต็ง คือตัวซอสเย็นตาโฟและรสชาติ การที่เราสามารถผลิตวัตถุดิบได้เองทั้งหมด ทำให้เราสามารถควบคุมคุณภาพได้”

 

✔ เมื่อสินค้าคืออาหาร ต้องใช้ความอร่อยเป็นจุดขาย

 

ตั้งแต่ลูกชิ้นกุ้งทอดที่ใช้เนื้อกุ้งแชบ๊วยคัดเกรด ลูกชิ้นปลาทำจากเนื้อปลาสดๆ ชิ้นใหญ่ ไม่มีส่วนผสมของแป้ง หรือแม้กระทั่งผักบุ้ง­สายพันธุ์เฉพาะที่ปลูกในสภาวะควบคุมและปลอดสาร ล้วนถูกคัดเกรด และยังเป็นการสร้างรายได้ให้เกษตรกรอีกทาง “ทำให้เกษตรกรมีรายได้หล่อเลี้ยงครอบครัว โดยที่เราสามารถการันตีได้ว่าเขาจะขายได้เท่าไหร่ ปลูกเสร็จเขาก็จะได้เห็นเงินเลย”

ปัจจุบันนายอ้วนเย็นตาโฟบะเต็งเสาชิงช้า มีครัวกลางที่สามารถควบคุมคุณภาพวัตถุดิบได้ตั้งแต่ต้นส่งผลไปถึงเรื่องสุขอนามัย สามารถเพิ่มวอลลุ่มในการซื้อขาย และเปิดโอกาสให้ได้สนุกกับการผสมวัตถุดิบจนเกิดเป็นเมนูใหม่ รวมถึงการใช้นวัตกรรมเข้ามาช่วยควบคุมปริมาณน้ำซอสให้เหมาะสมกับรูปแบบก๋วยเตี๋ยวให้ได้คุณภาพเท่ากันทุกชาม

 

ถาม – ตอบ

กับคุณกิจ – ศุภกิจ ตระกูลกิจเจริญ

Q: การทำธุรกิจต้องหาข้อมูลมารองรับ จำเป็นไฉน?

A: “เมื่อก่อนเราชอบใช้เซนส์ ผลิตมาเดี๋ยวก็ขายได้
แต่ปรากฏว่าผลิตมา ลูกค้าอาจจะไม่อยากได้แบบเดียวกับเราด้วยซ้ำ
แต่ถ้าเรามีข้อมูลมารับรอง เราก็จะผลิตได้ง่ายขึ้นและแม่นยำขึ้น”

 

โอกาสในวันที่ยากที่สุด

กว่าจะเดินทางมาถึง 40 สาขา คุณกิจเล่าว่ามีบางช่วงเวลาที่ยากลำบาก แต่ทั้งหมดคือส่วนหนึ่งของการเติบโต “ช่วงสาขาที่ 1-5 ผมว่ายากที่สุด เราต้องทำเองทั้งหมด พอโอกาสเข้ามาเรายังไม่ได้เตรียมความพร้อมด้วยซ้ำ เราต้องใช้ตัวเราในการสร้างโอกาสและทำให้มันขับเคลื่อนต่อไปได้”

หลังจากเปิดมาได้ถึง 16 สาขา ความท้าทายใหม่ก็เข้ามา แต่เป็นเหตุการณ์ที่ทำให้กราฟพุ่งขึ้นกว่าเดิม คือการพานายอ้วนเย็นตาโฟบะเต็ง ก้าวผ่านสถานการณ์โควิด-19 เวลานั้น มุมมองที่แตกต่างทำให้นายอ้วนเย็นตาโฟบะเต็ง ยิ่งเติบโต “ตอนนั้นจาก 16 สาขาต้องปิดจนเหลือ 1 สาขาหลัก แต่เรายังต้องดูแลพนักงานกว่าร้อยชีวิต กลายเป็นว่าช่วงนั้นเราต้องเปิดสาขาให้ได้เยอะที่สุดเพื่อกระจายคนออกไป ตอนนั้นเราต้องเปิด Cloud Kitchen จากกระเป๋าเดียวให้มีหลายๆ กระเป๋าเพื่อหล่อเลี้ยงทีมของเราให้ได้”

อะไรทำให้มั่นใจที่จะขยายต่อ ในเมื่อไม่มีใครรู้ว่าโควิด-19 จะจบลงเมื่อไหร่?

“อาหารและก๋วยเตี๋ยว คือหนึ่งในปัจจัย 4 อยู่แล้ว ถ้าระยะทางไกลเกินไปคุณภาพของอาหารก็จะลดลงด้วย จะเรียกว่า ข้อจำกัดทำให้เรากล้า ก็ได้ และการขยายสาขาก็ทำให้เราได้เรียนรู้ธุรกิจในรูปแบบอื่นๆ และได้เห็นโอกาสใหม่ๆ มากขึ้นด้วย”

 

✔ ธุรกิจอาหาร ต้องพัฒนาทั้งระบบบริหารจัดการไปด้วย

 

Mission พาเย็นตาโฟไปให้ไกลกว่าเดิม

“เรามีมิสชันอยู่สองอย่าง หนึ่ง อยากให้คนบนโลกได้กินเย็นตาโฟสักครั้งหนึ่งในชีวิต

สอง อยากทำให้เมนูเย็นตาโฟเป็น 1 ใน 5 ของอาหารไทยที่ต่างชาติมาแล้วต้องรู้จัก”

กว่า 40 สาขาที่มี หนึ่งในนั้นตั้งอยู่ใจกลางเมือง บน Thai Taste Hub ชั้น 3 บนคิง เพาเวอร์ รางน้ำ เป็นหนึ่งในห้าสาขาของนายอ้วนเย็นตาโฟบะเต็ง ที่ได้รับกระแสตอบรับดีที่สุดทั้งจากคนไทยและชาวต่างชาติ เป็นรสชาติน้ำซุปเข้มข้นที่ต่างชาติไม่เคยลิ้มลอง ซึ่งสนับสนุนมิสชันที่นายอ้วนเย็นตาโฟบะเต็งตั้งไว้เพื่อพาเย็นตาโฟไปให้ไกลกว่าเดิม “ผมว่ามันเป็นไปได้ เราแค่ต้องพาเย็นตาโฟขึ้นไปติดหนึ่งในห้าให้ได้

นอกจากการได้รับรางวัลมิชลินไกด์ 4 ปีซ้อนเป็นใบบอกทางว่านายอ้วนเย็นตาโฟบะเต็ง มาถูกทางแล้ว การพัฒนาโพรดักส์ ไลน์เมนูใหม่ๆ ทั้งอาหารปรุงสดและอาหารเดลิเวอรี่ ผลักดันให้เมนูเย็นตาโฟก้าวไปอีกขั้น “เราอยากทำสินค้าที่คนสามารถพาเราไปกินที่ไหนก็ได้ ล่าสุดเราพัฒนาเป็นเย็นตาโฟหม้อไฟส่งผ่านรถตู้เย็น แค่คุณมีหม้อสุกี้ที่บ้าน เทใส่หม้อ คุณกินได้เลย

แต่ละเซตอัดแน่นไปด้วยองค์ประกอบเย็นตาโฟครบถ้วน ตั้งแต่น้ำซุป วัตถุดิบสด และเส้นบรรจุแยกถุงสุญญากาศ เป็นทั้งการเอาชนะข้อจำกัดด้านการขนส่งและระยะเวลา และโอกาสที่จะทำให้เมนูเย็นตาโฟออกไปสู่สายตาลูกค้าได้มากขึ้น

วันนั้นเราใช้เวลาพูดคุยกับคุณกิจอยู่นาน ด้วยทุกๆ คำตอบยิ่งทำให้อยากจับเข่าคุยต่อเพื่อเก็บเกี่ยวมุมมองดีๆ จากผู้ชายคนนี้ให้มากที่สุด และเชื่อว่าหากผู้อ่านค่อยๆ ไล่เรียงมาจนถึงบรรทัดนี้ก็จะได้เห็นมุมของการ ‘พัฒนาอยู่ตลอดเวลา’ ซึ่งสามารถใช้ได้กับหลายเรื่องในชีวิต โดยเฉพาะกับการทำธุรกิจ

ถ้าจะให้สรุปสั้นๆ คงเป็นความจริงที่ว่า การพัฒนาคือคำตอบของการนำพาบางสิ่งบางอย่างก้าวไปข้างหน้า.. นั่นน่าจะเป็นคำตอบที่เที่ยงตรงที่สุดของเรื่องนี้

 

ถาม-ตอบ

กับคุณกิจ – ศุภกิจ ตระกูลกิจเจริญ

Q: จากเย็นตาโฟสู่ไลน์อาหารใหม่ อย่างนาโช่ ผัดกะเพรา
จะทำให้สูญเสียภาพจำเย็นตาโฟแบบเดิมไหม?

A: “เคยคิดว่าถ้าเราฟิวชันไปเรื่อยๆ ฐานลูกค้าเดิมจะเสีย
แต่ปรากฏว่าลูกค้าเกิดการซื้อซ้ำได้ง่ายกว่า
นายอ้วนเย็นตาโฟบะเต็งมีตัวเลือกที่หลากหลายขึ้น แต่ยังคงกลิ่นอายของเย็นตาโฟ
ลูกค้าสามารถบริโภคได้หลายเมนู เข้าถึงคนรุ่นใหม่ได้มากขึ้น”

ขอบคุณภาพจากเพจ FB นายอ้วนเย็นตาโฟบะเต็งเสาชิงช้า naiuan yentafo

Author

วรากร เพชรเยียน

Author

อดีตแอร์โฮสเตสผันตัวมาเป็นนักเขียน ผู้หลงใหลศิลปะและการเดินทาง นิยมการบอกรักประสบการณ์ผ่านตัวหนังสือ

Author

พีระรัตน์ ธรรมจง

Photographer

ทุกภาพที่ผมโฟกัสคือสิ่งสำคัญ ครอบครัวก็เช่นกันเป็นสิ่งสำคัญที่ผมโฟกัส