People

อาจารย์ไข่ ศรุติ วิจิตรเวชการ
ผู้กรุยความหวังใหม่ให้วงการแจ๊สไทย

ณัฐวิมล เศารยะพงศ์ 4 Mar 2025
Views: 624

Summary

หลังเวที THE POWER BAND เราขอชวนหัวหน้าสาขาวิชาดนตรีแจ๊ส ดุริยางคศิลป์ มหิดล มาพูดคุยถึงมุมมองเกี่ยวกับดนตรีแจ๊ส ในความตั้งใจที่อยากเปลี่ยนดนตรีที่ฟังเฉพาะกลุ่ม ให้ได้ยืนอยู่ในกระแสหลักวงการเพลง เพราะอยากให้แจ๊สเป็นดนตรีที่เข้าถึงคนฟังได้ง่าย แบบไม่ต้องปีนบันไดฟัง (ท้ายบทความมีเคล็ดลับดีๆ มีประโยชน์สำหรับนักดนตรีปิดท้าย)

เส้นทางชีวิตของ อาจารย์ไข่ – ศรุติ วิจิตรเวชการ มีจุดเริ่มต้นมาจากคุณพ่อ ที่ผลักดันให้สัมผัสกับเสียงดนตรีครั้งแรก ผ่านเครื่องอิเลกโทนตัวเล็กๆ ด้วยความเป็นคนเรียบง่าย และไม่ได้ตั้งเป้าหมายในชีวิตสูง

เส้นทางดนตรีของอาจารย์จึงค่อยๆ ก่อตัวขึ้นตามจังหวะของชีวิต กระทั่งค้นพบความหลงใหลในดนตรีแจ๊ส ที่พัฒนาตัวเองจนก้าวขึ้นสู่การเป็นหัวหน้าสาขาวิชาดนตรีแจ๊ส วิทยาลัยดุริยางคศิลป์ มหาวิทยาลัยมหิดล และเป็น หนึ่งในคณะกรรมการรอบตัดสินของ THE POWER BAND เวทีประกวดวงดนตรีสากลคุณภาพระดับประเทศ จัดโดย คิง เพาเวอร์ ไทย เพาเวอร์ พลังคนไทย ร่วมกับ วิทยาลัยดุริยางคศิลป์ มหาวิทยาลัยมหิดล และอีก 6 ค่ายเพลงชั้นนำ

“ดีมากๆ… ตื่นเต้นแทนประเทศชาติที่วงการดนตรีไทยมาได้ขนาดนี้แล้ว และจะต้องเกิดอะไรที่ดีอีกมากในเร็วๆ นี้” อาจารย์ไข่เคยแสดงความเห็นถึงการแข่งขันซีซันล่าสุดที่ให้โอกาสกับวงประกวดได้แสดงฝีมือ รวมทั้งวงการดนตรีก็มีโอกาสได้นักดนตรีมากความสามารถฉายแววบนเวทีจำนวนไม่น้อย

วันนี้ อาจารย์ไข่ ไม่เพียงเป็นนักดนตรีผู้เชี่ยวชาญในตำแหน่งกลอง แต่ยังพยายามที่จะขับเคลื่อนแจ๊สให้มีบทบาทมากขึ้นในวงการเพลงไทย

“ความสำเร็จของผมคือการได้เล่นดนตรีแบบนี้ แล้วเรามีความสุข

ถ้ารู้ว่าสิ่งที่เรารักมันจริง ต้องการทำให้มันดีจริงๆ

อย่างไรก็ประสบความสำเร็จ”

อาจารย์ศรุติ วิจิตรเวชการ
ผู้ช่วยคณบดีฝ่ายบริการการศึกษาและหัวหน้าสาขาวิชาดนตรีแจ๊ส
วิทยาลัยดุริยางคศิลป์ มหาวิทยาลัยมหิดล

 

ดนตรี ครอบครัว และความบังเอิญที่เปลี่ยนชีวิต

ThaipowerCo: อยากให้อาจารย์ช่วยเล่าถึงจุดเริ่มต้นการเล่นดนตรีในวัยเด็กสักนิดค่ะ

อาจารย์ไข่: ครอบครัวผมเป็นครอบครัวฟังเพลง ไม่ว่าจะทำอะไรก็แล้วแต่ มันจะมีเพลงอบอวลอยู่ตลอดเวลา แล้วคุณพ่อผม เวลาฟังเพลงเยอะๆ พ่อก็จะเล่นอิเล็กโทนก๊อกๆ แก๊กๆ ของแก ด้วยความเป็นเด็ก เราก็จะสนใจไปนั่งดู พ่อก็เลยจับเล่น แล้วก็ส่งไปเรียน เราเป็นคนที่ไม่ปฏิเสธ เพราะคุณพ่อดุ (หัวเราะ) ก็เลยเรียนไปเรื่อยๆ เรียนอิเล็กโทน เรียนเปียโน อะไรไป

ThaipowerCo: การเล่นดนตรีทำให้ชีวิตเปลี่ยนอย่างไรบ้าง

อาจารย์ไข่: พอเข้าเรียนมัธยมต้นที่โรงเรียนวัดนวลนรดิศ ดนตรีคือความสามารถพิเศษด้านเดียวที่เรามี (หัวเราะ) แล้วมันมีชมรมดนตรีสากล เราก็เอาวะ เราฝากชีวิตไว้กับตรงนี้ก็แล้วกัน เพราะว่าทุกคนในโรงเรียนต้องเลือกเข้าชมรมฯ ใดชมรมฯ หนึ่ง พอเข้าไป เราก็หวังใจว่าจะไปเป็นมือคีย์บอร์ดในวง ปรากฏเจอวงโยธวา ทิต มันไม่มีเครื่องคีย์บอร์ด แล้วด้วยความที่เราเป็นเด็กไม่พูดเซย์โนน่ะ ก็มีความรู้สึกว่า ถ้าออกจากตรงนี้ เราก็จะไม่มีชมรมฯ อยู่ แล้วเขาก็เลือกให้เล่นแคลริเน็ต ก็เลยอยู่วงโยธวาทิตมาจนจบ ม.6

 

ฝึกฝนการฟังให้ลึกซึ้ง

นักดนตรีแจ๊สที่ดีต้องฟังและเข้าใจเพื่อนร่วมวง

 

จุดเปลี่ยนชีวิตเพราะ “งอน” คลาสสิก เลยหันไปเรียนแจ๊ส

หลังเรียนจบมัธยมปลาย อาจารย์ไข่ มีความตั้งใจจะเรียนดนตรีคลาสสิก ที่คณะศิลปกรรม จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย จึงมุ่งฝึกการเล่นคลาสสิกอย่างจริงจัง แต่ท้ายที่สุดก็สอบไม่ติดจุฬาฯ เป็นจังหวะที่ วิทยาลัยดุริยางคศิลป์ มหาวิทยาลัยมหิดล ได้เปิดการเรียนการสอนปีแรก อาจารย์ไข่เลยไปสอบเข้าสาขาแจ๊ส เป็นนักศึกษารุ่นบุกเบิก

ขอบคุณภาพจาก Facebook: College of Music, Mahidol University

ThaipowerCo: ความรู้สึกของการเปลี่ยนในวันนั้นเป็นอย่างไรคะ

อาจารย์ไข่: ตอนไปสอบที่วิทยาลัยดุริยางคศิลป์ ผมเลือกแจ๊สโดยที่เราไม่ได้รู้จักมัน เพราะว่าเราประชดคลาสสิก (หัวเราะ) ไปเจอคณะกรรมการ เขาก็บอกว่าเป่าเพลงแจ๊สให้ฟังหน่อย ผมก็บอกว่า ผมเป่าได้แต่คลาสสิกอย่างเดียว เขาก็บอกว่าถ้าเป่าแจ๊สไม่ได้ แล้วเลือกทำไม ก็เลยบอกไปตรงๆ ว่า งอนคลาสสิก! (หัวเราะ) เขาก็บอกว่า งั้นลองเป่าอะไรก็ได้ให้ดูหน่อย ผมก็เป่าเพลงพระราชนิพนธ์  Love at Sundown คณะกรรมการก็บอกว่าโอเค แล้วก็มีการ offer ว่า ถ้าเกิดเข้าแผนกคลาสสิก เดี๋ยวจะให้ทุน ผมก็บอกว่าถ้าให้เข้าคลาสสิก ไม่เรียน (หัวเราะ) ก็ไม่อยากเรียนน่ะ เพราะเราอกหักมา สรุปก็เลยได้เรียนแจ๊สที่มหิดลครับ

 

กล้าที่จะสร้างสรรค์ดนตรี

ให้สดใหม่ทุกครั้งที่เล่น

 

ThaipowerCo: จากคลาสสิกมาสู่การเรียนแจ๊ส ต้องปรับตัวมากไหม

อาจารย์ไข่: เหมือนเป็นการทำความรู้จักคนคนใหม่ครับ เพราะว่าเราไม่เคยรู้จักคนนี้เลย แล้วเราอยากจะรู้จังเลยว่าธรรมชาติเขาคืออะไร ก็ยากนะ การปรับตัวยากพอสมควรตั้งแต่แรก เพราะเป็นดนตรีที่เราไม่เคยยุ่งกับมันมาเลย เรายุ่งกับดนตรีอื่นๆ มาโดยตลอด การปรับตัวช่วงแรกก็คือ น่าจะต้องฟังให้มันเยอะขึ้น ทำให้ตัวเองรู้จักเขา รู้จักธรรมชาติ รู้จักหลักการของเขา รู้จักว่าไอ้สิ่งที่มันเกิดขึ้นมันคืออะไร เพราะอะไร แล้วก็ใช้เวลาอยู่ตรงนั้น แล้วน่าจะเป็นไปได้ว่าเราก็ชอบมันด้วย มันมีความสนใจ มันก็เลยได้เร็ว

ThaipowerCo: พอได้มาทำความรู้จักกับแจ๊ส มองเห็นแจ๊สเป็นอย่างไร

อาจารย์ไข่: ขอเทียบเป็นผู้หญิงแล้วกันครับ แบบเกเรๆ หน่อย แจ๊สเป็นผู้หญิงที่น่าสนใจมาก เขาจะ spontaneous สุดๆ แต่ว่าในความ spontaneous แจ๊สจะมีทิศทางในการดำเนินชีวิตของเขาอยู่ พอเราได้ไปสัมผัสจริงๆ แล้วมันสนุกมาก คือธรรมชาติของดนตรีแจ๊สมันจะมีความสดใหม่เสมอ ท้าทายเสมอ มันท้าทายหลายๆ อย่าง ฉะนั้นพอไปเจอตรงนี้ ผมกลับรู้สึกชอบมากกว่าดนตรีคลาสสิก”

 

✔ ศึกษาและเข้าใจรากฐานดนตรีแจ๊สทุกมิติ

จะทำให้เล่นแจ๊สได้ดี

สวมหมวกใบสำคัญในฐานะหัวหน้าสาขาวิชาดนตรีแจ๊ส

ThaipowerCo: สเต็ปของการเป็นหัวหน้าภาควิชาแจ๊ส มีที่มาที่ไปอย่างไร

อาจารย์ไข่: ตอนช่วงที่เป็นนักศึกษา มันมีทุนไปเรียนคลาสสิกที่ออสเตรียครับ แล้วผู้ใหญ่ก็ผลักดัน เหมือนเขาเล็งเอาไว้ ว่าอยากจะให้เรามาเป็นบุคลากรที่วิทยาลัย ด้วยความที่ผมไม่เคยพูดปฏิเสธใคร เลยไปสอบ ก็ได้ทุนไปเรียนที่ซาลซ์บูร์กหนึ่งปี ก็กลับมาเป็นอาจารย์สอนแคลริเน็ตคลาสสิก  ชีวิตเปลี่ยนไปประหลาดมาก (หัวเราะ)

ThaipowerCo: พอไปเรียนดนตรีคลาสสิก แล้วอะไรคือเหตุผลให้วนกลับมาที่แจ๊สอีก

อาจารย์ไข่: พอกลับมาไทย ก็สอนแคลริเน็ตคลาสสิกอยู่ระยะหนึ่ง ก็มีอีกทุนไปเรียนโท – เอกที่อเมริกา เรียนแคลริเน็ตล้วนๆ ประจวบกับว่าปริญญาเอกที่เรียน เขามีแผนสำรอง ผมก็เลือกเรียนแจ๊สหมดเลย ทำให้เราก็ได้รู้จักหลักการของดนตรีแจ๊สในระดับที่มันสูงขึ้น พอกลับมา เขาก็เลยให้ผมมาประจำอยู่สาขาแจ๊ส ผมก็เลยเป็นอาจารย์ในสาขาแจ๊ส แล้วก็สอนกลองด้วย คราวนี้มันเป็นจุดสำคัญคือ อาจารย์ที่เป็นหัวหน้าสาขาเก่า อาจารย์มีอีกหลายตำแหน่งทางวิชาการ เลยอยากให้ลองโหวตเจเนอเรชันใหม่ขึ้นมา น้องๆ ในทีม และอาจารย์เขาก็เลยโหวตผมกัน เราก็เลยเป็นตัวเลือกใหม่ขึ้นมา ก็เลยได้มาเป็นตรงนี้ครับ

 

✔ อิมโพรไวส์จากความรู้สึกขณะที่เล่น

จะช่วยให้เพลงนั้นเข้าถึงคนฟังมากขึ้น

 

ความท้าทายในบทผู้กรุยทางแจ๊สไปสู่ดนตรีกระแสหลัก

ThaipowerCo: วางเป้าหมายเรื่องการสร้างบุคลากรทางด้านแจ๊สไว้อย่างไร

อาจารย์ไข่: จริงๆ หลักสูตรหรือว่าแนวทางมันถูกวางมาอย่างดีอยู่แล้วนะครับ ทีนี้เราก็ต้องมาดูว่า กระบวนการที่มันมีอยู่มันเวิร์กจริงไหม ผมมีความรู้สึกว่าฮีโร่ของดนตรีที่มันเป็นป็อปเต็มไปหมดเลย พอเรามองไปที่ดนตรีแจ๊ส โอ้โห มันหายากมาก เด็กที่เรียนจบออกมาแล้ว จะเป็นอาจารย์อย่างเดียวมันไม่ใช่ เพราะว่าพวกเราเป็นสายนักแสดง เราจะต้องเป็นศิลปิน ผมก็เลยพยายามจะดูมุมการกระตุ้นอุตสาหกรรมดนตรีบ้านเราตรงนี้ด้วย เพราะอยากให้ดนตรีแจ๊สขึ้นมาเป็นตัวหลักในมุมต่างๆ วงการเพลง คืออย่าง ถ้าเรามีปาล์มมี่ ก็อยากมีปาล์มมี่ที่เป็นแจ๊ส หรืออิ้งค์ วรันธร แต่เป็นอิ้งค์ ที่เป็นแจ๊สอะไรอย่างนี้ครับ

ThaipowerCo: ต้องเดินหน้ากับเป้าหมายนี้ด้วยแนวทางแบบไหน

อาจารย์ไข่: ต้องให้ความรู้กับคนฟังครับ ว่าจริงๆ แล้วแจ๊สมันไม่ได้อยู่สูงหรือฟังยาก เพราะสมัยก่อนแจ๊สมันคือป็อปด้วยซ้ำ มนุษย์มันรีเลตกับแจ๊สมาก่อน จะเต้นรำ จะดื่มกิน มนุษย์มีความสุขกับดนตรีแจ๊สมาโดยตลอด เรียกว่าแจ๊สว่าป็อป จนตอนหลังมันไม่ป็อปแล้ว เพราะมันจริงจังขึ้น ผมเลยมีความรู้สึกว่า ถ้าแจ๊สมันเกิดมาจากตรงนั้น เราสามารถทำให้มันเกิดขึ้นได้ แต่ว่าอาจจะต้องใช้เวลานิดหนึ่ง  เท่าที่คิดไว้ก็อาจจะลองไป X กับใครสักคนที่เขามีพลังพอ แล้วก็ทำให้ตรงนี้มันเกิดขึ้นเยอะๆ เราก็ค่อยๆ ทำไปเรื่อยๆ จนมันเป็นของเรา ตรงนี้ผมก็พยามจะสอดแทรก Mindset ให้กับนักศึกษาตลอด เราอาจจะต้องมีหน้าที่กรุยทาง  ปูอะไรให้เขาพร้อม เพื่อเขาที่จะเป็นได้จริงๆ อย่างนี้ครับ

 

เรียนรู้และพัฒนาตัวเองอยู่เสมอ

ทดลองเล่นกับแนวคิดดนตรีที่ต่างออกไป

 

ปั้นความหวังสู่อนาคตแจ๊สไทย

ThaipowerCo: ตั้งความหวังกับเด็กที่เล่นแจ๊สไว้อย่างไรบ้าง

อาจารย์ไข่: ถ้าเป็นไปได้ เราก็อยากให้เขาไปอยู่ข้างหน้ามากขึ้น เราอยากเห็นเด็กแจ๊ส แทรกเข้าไปอยู่ในอุตสาหกรรมดนตรีมากขึ้น ทั้งในฐานะแบ็กอัปก็ดี เบื้องหลังก็ดี เป็นโพรดิวเซอร์ก็ดี เป็นทีมโน้นทีมนี้ก็ดีอะไรอย่างนี้ครับ ก็หวังว่ามันน่าจะเกิดเยอะขึ้นเรื่อยๆ

 

ThaipowerCo: มีคำแนะนำสำหรับคนที่อยากประสบความสำเร็จในการเล่นแจ๊สไหม

อาจารย์ไข่: เอาเป็นว่าผมพูดรวมๆ นะครับ ถ้าคุณอยากจะประสบความสำเร็จ ในอะไรก็แล้วแต่ ถ้าเรารู้ว่าเรารักมันจริง ต้องการทำให้มันดีจริงๆ ยังไงก็ประสบความสำเร็จ ซึ่งมุมมองของการประสบความสำเร็จมันมีหลากหลายมากเลย สำหรับผม การประสบความสำเร็จ ไม่จำเป็นต้องเป็นศิลปินระดับโลก ต้องรวย มีคนมาเรียกชื่อเรา ความสำเร็จของผมก็คือ การที่จะได้เล่นดนตรีแบบนี้ แล้วเรามีความสุข เพราะเรารู้ว่า เรากำลังทำอะไรอยู่ แล้วเราก็เห็นคนดูที่เขาเข้าใจ แล้วเขาก็ชื่นชอบ ชื่นชมในสิ่งที่เราเล่น ฉะนั้นถ้ารักมันแล้วก็ทำให้เต็มที่ สุดท้ายแล้ว ยังไงมันก็จะไม่เฟล แต่เวลาของความสำเร็จมันจะมาเมื่อไหร่เท่านั้นเอง เพราะว่าคนเก่งจะมีที่ยืนเสมอ

ภาพโดย Expert Kit

อาจารย์ไข่ ศรุติ เป็นกรรมการรอบตัดสิน THE POWER BAND 2024 SEASON 4

 

แนวทางที่จะทำให้เล่นแจ๊ส

ได้ประสบความสำเร็จจากอาจารย์ไข่

ฝึกฝนการฟังให้ลึกซึ้ง:

แจ๊สคือดนตรีที่มีบทสนทนาผ่านเสียงเพลง การฟังเป็นทักษะสำคัญที่สุด นักดนตรีแจ๊สที่ดีต้องฟังและเข้าใจเพื่อนร่วมวง รวมถึงความละเอียดอ่อนของทุกเครื่องดนตรี

กล้าที่จะสร้างสรรค์:

สร้างสรรค์ดนตรีให้สดใหม่ทุกครั้งที่เล่น

ศึกษาและเข้าใจรากฐานดนตรีแจ๊ส:

ทำความเข้าใจรากฐานและโครงสร้างทางทฤษฎี ไม่ว่าจะเป็น คอร์ด รูปแบบเพลง และจังหวะ จะทำให้เล่น   แจ๊สได้ดีและมีมิติ

✔ อิมโพรไวส์จากความรู้สึก:

แจ๊สไม่ใช่แค่ดนตรีที่เล่นตามโน้ต แต่มันเกี่ยวข้องกับอารมณ์และความรู้สึกขณะที่เล่น การนำพลังของอารมณ์มาเป็นส่วนหนึ่งของการแสดงทำให้ดนตรีเข้าถึงคนฟังมากขึ้น

เรียนรู้และพัฒนาตัวเองอยู่เสมอ:

นักดนตรีแจ๊สที่ประสบความสำเร็จต้องไม่หยุดพัฒนาตนเอง ศึกษาสไตล์ใหม่ๆ และทดลองเล่นกับแนวคิดดนตรีที่ต่างออกไป

Author

ณัฐวิมล เศารยะพงศ์

Author

นักเขียนที่นอกจากจะทำตัวเป็นทาสแมวตัวยง ยังชอบเอาเวลาว่างจากการเขียนงานไปเสาะหาเรื่องกิน เรื่องเที่ยว แล้วทำให้เป็นเรื่องเดียวกัน

Web Editor

ปิ่นอนงค์ วัชรปาณ

Web Editor

บรรณาธิการเว็บ Thaipower.co อดีตบรรณาธิการบางสำนัก นักข่าวและคอลัมนิสต์จำเป็น โกสต์ไรเตอร์...ผู้รักการเดินทาง หลงใหลกลิ่นกาแฟ และเป็นมูฟวีเลิฟเวอร์

Author

อำพน จันทร์ศิริศรี

Photographer

ช่างภาพอิสระมากว่า 30 ปี...ที่คร่ำหวอดกับการถ่ายภาพรายการทีวีต่างๆ เช่น The Voice, The Rapper, The Stars Idol เป็นต้น และถ่ายภาพคอนเสิร์ตต่างๆ