Summary
ลัดเลาะรอบซอยรางน้ำค้นหาความอร่อยของอาหารอินเดีย จีน เนปาล ผ่านเรื่องเล่าที่หลายคนไม่เคยรู้ แต่ถ้ารู้แล้วรับรองว่าอรรถรสในการกินจะฟินยิ่งขึ้นอีกหลายเท่าตัว
‘อินเดีย – จีน – เนปาล’ อาหารจากสามประเทศที่ถ้าให้ถกกันแล้วละก็ คงต้องใช้เวลานั่งเล่าเท้าความประวัติศาสตร์กันอย่างยาวนาน แค่ความต่างของวัฒนธรรมในแต่ละพื้นถิ่นของประเทศนั้นๆ ก็ส่งผลต่อรสชาติและวัตถุดิบของอาหาร ยิ่งทำให้เรามีอาหารที่หลากหลายในรสชาติของแต่ละชาตินั้นๆ
ยิ่งพอลงลึกศึกษาไปถึงประวัติศาสตร์ก็พบความเชื่อมโยงบางอย่างที่ทำให้อาหารบางเมนูของอินเดีย จีน และเนปาลมีความคล้ายกัน อาจเป็นเพราะพรมแดนของทั้ง 3 มีพื้นที่เชื่อมกันอยู่ โดยเนปาลถูกขนาบข้างด้วยจีนและอินเดีย ไม่แปลกถ้าในอดีตจะมีใครสักคนที่หอบหิ้วเอาฝีมือการปรุงอาหารไปเผยแพร่ยังบ้านพี่เมืองน้องบ้าง
ไม่ได้ชวนสืบค้นหาว่าใครกันแน่คือ ‘เจ้าแห่งความอร่อย’ ตัวจริง แต่จะชวนไปเปิดประสบการณ์ชิมเมนูอาหารจีน อินเดีย และเนปาล บนย่านรางน้ำที่หาได้ครบ! ทั้งตามตรอกซอกซอยจนถึง ‘สตรีตฟูดติดแอร์’ อย่างบน Thai Taste Hub และ Thai Taste Hub Express ที่ชั้น 3 ของ King Power Rangnam ผ่านการเรื่องเล่าสนุกๆ จากวัฒนธรรมอาหารที่จะช่วยให้อรรถรสในการชิม…ฟินยิ่งขึ้นอีกเป็นเท่าตัว!
ลายแทงอาหารอินเดีย:
The Stay Café
เริ่มกันที่ประเทศผู้ส่งออกเครื่องเทศรายใหญ่ของโลกอย่าง ‘อินเดีย’ วัฒนธรรมอาหารที่ใครเปิดใจรับรองว่ามันจะพาเราไปค้นพบโลกใหม่มากมาย
เหตุผลที่อาหารอินเดียต้องจัดเต็มเครื่องเทศนั้น เป็นเพราะสมัยโบราณคนอินเดียไม่รู้วิธีเก็บรักษาอาหารและเนื้อสัตว์ที่ดี เครื่องเทศจึงทำหน้าที่ทั้งเพิ่มรสชาติและกลบกลิ่นสาบของวัตถุดิบอาหารไปพร้อมกัน
หรืออย่างเมนู ‘แกง’ ที่เห็นหน้าตาละม้ายคล้ายแกงบ้านเรา แต่เอาเข้าจริงวิธีทำและวัตถุดิบก็นำพาให้รสชาติต่างกันไปคนละทาง เครื่องแกงของอาหารอินเดียจะเป็นการนำเครื่องเทศแห้งมาคั่ว ใส่หอมแดง มะเขือเทศ ขมิ้น พริก และบดให้เละ นำมาผัดต่อก่อนจะนำมาเป็นเบสในการทำเมนูแกงต่างๆ ใดๆ ก็ตามแกงของอินเดียก็มักจะเป็นของกินคู่กับแป้ง ‘นาน’ แป้งหมักกับยีสต์และโยเกิร์ต มีความเหนียว นุ่ม และมีรสชาตินวลๆ ในตัวมันเอง (ซึ่งก็ไม่เหมือนโรตี) เดี๋ยวนี้จะเห็นแป้งนานถูกปรุงให้มีรสชาติหลากหลายมากขึ้น กลายเป็นความสนุกเวลาจับคู่รสชาติแป้งแบบนั้นกับแกงไหน บางคู่มาเจอกันยิ่งเพิ่มความอร่อยไปอีกหลายเท่าตัว
ไม่เชื่อต้องไปลอง ‘Garlic Naan’ แป้งนานที่บางแต่นุ่มหอมกลิ่นกระเทียมแมตช์กับ ‘Butter Chicken’ แกงอินเดียที่เหมาะกับมือใหม่หัดกินอาหารอินเดียเป็นที่สุด ส่วนผสมหลักๆ คือ มะเขือเทศ ได้ความนัวและข้นจากเนย กลิ่นเครื่องเทศไม่แรงจัด และมีความนุ่มของเนื้อไก่มาเสริมทัพ จับคู่กับแป้งนานกระเทียมลงตัวแบบไร้ที่ติ หรือจะลองเปลี่ยนไปจับคู่กับ Butter Naan, Cheese Naan หรือ Chili Cheese Naan ก็ได้ ความอร่อยและหลากหลายแบบนี้ไปสัมผัสได้ที่ ‘The Stay Café’
แจกทีเด็ดของร้าน: ‘The Stay Café’ ร้านอาหารอินเดียแท้ๆ มีเมนูให้เลือกเยอะมากๆ น่าจะไม่ต่ำกว่า 50 เมนู นอกจากเมนูสำหรับเอาไว้เปิดประสบการณ์ที่เล่าไปนี้
FACEBOOK: The Stay Café
แจกเมนูเด็ด: Butter Chicken (160 บาท) Garlic Naan (70 บาท) Pani Puri (80 บาท)
อย่าลืมเรียกน้ำย่อยด้วย ปานี ปุริ เมนูเรียกที่พบเห็นได้ในร้านอาหารและสตรีตฟูดอินเดีย จุดเด่นอยู่ที่แป้งทอดกรอบทรงกลม เจาะรู ใส่ไส้ที่ทำจากมันฝรั่งหรือถั่วต้มปรุงรส ราดด้วยน้ำจิ้มรสเปรี้ยวจากน้ำมะขาม ผสมกับน้ำจิ้มที่เจือเค็มและเผ็ดเล็กน้อย จะกินแบบไม่ราดซอสใดๆ ก็เพลินไปอีกแบบ
แจกพิกัด: จาก King Power Rangnam อยู่ใกล้ฝั่งถนนพญาไทไปทางแยกสามเหลี่ยมดินแดง ร้านนี้อยู่สุดซอยรางน้ำ ติดริมถนนราชปรารภ ถึงสุดซอยแล้วเลี้ยวซ้ายต่อมาสัก 30 เมตร ระยะทางประมาณ 500 เมตร (ยังไม่ถึงปั๊มน้ำมันเชลล์)
เวลาเปิด: 11.00 – 23.00 น. / โทร. 08-1781-9068
Suggestion
NEW! ร้านใหม่แกะกล่อง
การิม โรตี มะตะบะ อาหารไทยอินเดียร้านดัง
จากสาขาแรกที่ถนนพระอาทิตย์ กลับมาประจำการที่ Thai Taste Hub
ชั้น 3 King Power Rangnam
ภาพจาก FB: King Power
เมนูเด็ด อยู่ที่ “การิม ดิ ซิกเนเจอร์ มะตะบะเนื้อ – มะตะบะไก่” ในตำนาน
ความยอดเยี่ยมอยู่ตรงที่แป้งนุ่ม ไส้ล้น รสชาติดี…หอมเครื่องเทศ
เสิร์ฟพร้อมอาจาดแตงกวา และน้ำจิ้ม อร่อยล้ำเหลือเกิน
เมนูแนะนำอื่นๆ ที่ไม่อยากให้พลาด ยังมี การิมซาโมซา โรตีกล้วย ซุปเนื้อและหาง
ลายแทงร้านอาหารจีน:
อาหยาว
ที่ คิง เพาเวอร์ รางน้ำ บนชั้น 3 โซน Thai Taste Hub Express ทางด้านโรงละครอักษรา คิง เพาเวอร์ จะมีร้านอาหารจีนต้นตำรับเมืองซีอานนามว่า ‘อาหยาว’ ซ่อนอยู่
นับเป็นร้านอาหารจีนที่ไม่ใช่อาหารจีนทั่วไปที่เราคุ้นเคย…ความที่เป็น “อาหารจีนแบบซีอาน” แท้และดั้งเดิมที่หารับประทานได้ยาก ส่วนที่บอกว่าเป็นเมนูต้นตำรับเพราะเจ้าของร้านเป็นคนเมืองซีอานตัวจริงที่บินมาปรุงเมนูเด็ดให้คนไทยได้ลิ้มลองนั่นเอง
เคยได้ยินมาว่าความเผ็ดร้อนของอาหารแต่ละเมืองนั้นต่างกัน ใครกำลังอินกับรสชาติเผ็ดร้อนของหม่าล่าเตรียมใจไว้เลย เพราะสูตรของร้านนี้เผ็ดร้อนปรอทแตกสุดๆ
แจกทีเด็ดของร้าน: นอกจาก ‘บะหมี่เย็น’ จะเป็นซิกเนเจอร์แล้ว ยังท้าให้ลอง ‘ก๋วยเตี๋ยวหมี่กลมเนื้อ’ นอกจากความเด็ดจะอยู่ที่ซุปหม่าล่ายังเด็ดจากถั่วปนและกระเทียมทำให้น้ำซุปกลมกล่อมยิ่งขึ้น ส่วนเส้นกลมสั่งตรงมาจากไต้หวัน กินคู่กับเนื้อที่ต้มมาจนเปื่อยถึงจะปากชาแต่ก็วางช้อนไม่ลง หรือจะลองเป็น ‘บะหมี่เข็มขัด’ หรือที่คนจีนเรียกว่า ‘เปี๋ยงเปี๋ยงเมี่ยน’ ต้นกำเนิดจริงๆ อยู่ที่มณฑลส่านซีทางตะวันตกเฉียงเหนือของจีน ตัวเส้นทำจากแป้งข้าวสาลีผสมไข่และน้ำมัน คลุกเคล้ากับน้ำมันพริก โรยหน้าด้วยผักและสมุนไพรต่างๆ ถือเป็นจานเด็ดของร้านที่คนสั่งเยอะไม่เบา
ดับความเผ็ดร้อนกันด้วย ‘เบอร์เกอร์หมู’ จะเป็นแซนด์วิชแบบจีนที่ตัวแป้งแบบ bun มีความนุ่ม ตามสูตรดั้งเดิมเขาจะนำไปอบในเตาดินเผาจนผิวกรอบ บางร้านจะมีไส้เนื้อวัวและไส้แกะให้เลือกด้วย ส่วนเรื่องความอร่อยของแป้งไม่ต้องห่วงเพราะอาหารหลักของชาวซีอานส่วนใหญ่ทำจากแป้งนั่นเอง
แจกเมนูแนะนำ: บะหมี่เข็มขัด (120 บาท) เบอร์เกอร์หมู (70 บาท) ก๋วยเตี๋ยวหมี่กลมเนื้อ (120 บาท) เกี๊ยวต้มยำหม่าล่า (120 บาท)
แจกพิกัด: ร้านตั้งอยู่ใน Thai Taste Hub Express ชั้น 3 บน King Power Rangnam
เวลาเปิด: ทุกวัน 10.00 – 21.00 น.
อาหารจีน ยังมีไอเดียไม่ซ้ำ
• ลิลี่ สุกี้หม่าล่า รางน้ำ
สุกี้หม้อไฟ – สายพาน เลือกน้ำซุปแบบที่ชอบ
ของสดจะถูกเสิร์ฟมาตามสายพานที่มีหมุนเวียนให้เลือกหลากหลายแบบบริการตัวเอง
ทั้งผัก เนื้อสัตว์ เต้าหู้ ไข่ ฯลฯ น้ำจิ้มหลากหลาย
ใครโปรดปราน สุกี้หม้อไฟ อย่าได้พลาด! ร้านเปิดถึงตีสาม
• เสี่ยวเสฉวน
บน Thai Taste Hub Express ชั้น 3 King Power Rangnam
“ก๋วยเตี๋ยว” สไตล์เสฉวน ไม่เหมือนใครตรงลักษณะเส้นและใส่ถั่วเป็นวัตถุดิบเฉพาะ ไม่ว่าจะเป็นถั่วลันเตา หรือถั่วลิสงต้ม โดดเด่นที่เครื่องเทศที่เป็นเอกลักษณ์ และรสชาติเผ็ดร้อนจากพริกเสฉวน
• ฟู่ฟู่ ซุปหม่าล่า (Fufu Malatang)
บน Thai Taste Hub Express ชั้น 3 King Power Rangnam
สารพัดเมนูซุป…สำหรับซดน้ำแกง รสชาติเผ็ดร้อน
แบบสาวกหม่าล่าห้ามพลาด เมนูสไตล์เสฉวนที่คัดมาเฉพาะเมนูหม่าล่า!
• เชียงการีล่า
บน Thai Taste Hub Express ชั้น 3 King Power Rangnam
มีติ่มซำหลายเมนู และอาหารจีนจานเดี่ยวสไตล์ภัตตาคาร
จากต้นตำรับภัตตาคารเชียงการีล่า
ทั้งข้าวผัด โกยซีหมี่ ผัดหมี่ฮ่องกง กระเพาะปลา
หรือกับข้าวอย่างผัดเปรี้ยวหวาน ผัดซอส XO ผัดพริกไทยดำ เป็นต้น
ตลอดซอยรางน้ำทั้งสาย คลิกที่นี่
Suggestion
ลายแทงอาหารเนปาล:
Everest Kitchen Bangkok
แม้จะรู้สึกเหมือนว่ากลิ่นเครื่องเทศจากอินเดียลอยติดจมูกมาเวลาที่เดินเข้ามาในร้าน ‘Everest Kitchen Bangkok’ ร้านอาหารอินเดีย – เนปาล แต่เจ้าของร้านซึ่งเป็นคนเนปาลบอกกับเราว่า “อาหารเนปาลไม่เหมือนอาหารอินเดีย เครื่องเทศไม่ฉุนเท่า รสชาติไม่จัดจ้านเท่า แต่อร่อยไม่แพ้กัน”
“แป้งนาน ก็ไม่เหมือนกันเหรอ?” เราถามเจ้าของร้านชาวเนปาล
เขาบอกว่า ต่างกันที่เท็กซ์เจอร์ แป้งนานของเนปาลจะหนา…นุ่มและเหนียวกว่า พร้อมทั้งบอกว่า เมนูของที่ร้านเป็นอาหารสไตล์เนปาลกลางและเหนือ เปิดขายในไทยมากว่า 24 ปี โดยเชฟชาวเนปาล
แจกทีเด็ดของร้าน: เปิดเมนูดูก็เห็นว่านอกจากจะมีเมนูที่เป็นไก่กับกุ้งอยู่หลากหลายแล้ว เห็นจะเป็น ‘เนื้อแกะ’ ที่ก็อยู่ในหลายเมนูเหมือนกัน เจ้าของร้านอีกนั่นล่ะที่เล่าว่าคนเนปาลชอบกินเนื้อแกะ “เพราะช่วยให้ร่างกายอบอุ่น”
ไม่รอช้าเราสั่ง ‘เนื้อแกะหมักเครื่องเทศ’ มาลอง เพราะอยากพิสูจน์ว่าเครื่องเทศที่ว่าร้อนแรกจะดับกลิ่นเฉพาะตัวของแกะได้จริงหรือเปล่า ซึ่งบทสรุปที่ได้นอกจากทำให้กลิ่นสาบหายวับ เนื้อแกะนุ่มๆ ก็แทบจะหายวับทันทีที่เข้าปากด้วย เพราะเขาหมักมาจนนุ่ม จิ้มกินคู่กับน้ำจิ้มโมโม่ที่ได้เครื่องเทศนามว่า ‘Timmur’ มาชูรสให้น้ำจิ้มมีรสชาติเผ็ดติดลิ้นหน่อยๆ
อีกหนึ่งเมนูที่ยังเป็นข้อถกเถียงกันระหว่างนักชิมคือ ‘โมโม่’ Momo เมนูที่หน้าตาคล้ายเกี๊ยวจีน หรือในร้านอาหารอินเดียก็เจอ ซึ่งคนเนปาลคอนเฟิร์มว่านี่คือเมนูประเทศเขา! และถ้าจะกินให้อร่อยแบบออริจินอลเนปาล ต้องราดน้ำจิ้มโมโม่ที่มีกลิ่นเครื่องเทศบางๆ เข้าไปด้วย สามารถบอกทางร้านได้ด้วยนะว่าอยากได้แบบนึ่งหรือทอด มีให้เลือกทั้งไส้ไก่และไส้ผัก ถ้าไม่อยากมาเสียเที่ยวก็ลองทั้งสองไส้ไปเลย
แจกเมนูเด็ด: เนื้อแกะย่างหมักเครื่องเทศ (280 บาท) เกี๊ยวไส้ไก่ (160 บาท) ก๋วยเตี๋ยวปลาน้ำข้น (170 บาท)
แจกพิกัด: เดินจาก King Power Rangnam มา ร้านอยู่ติดริมถนนราชปรารภ ถัดจากร้าน The Stay Café มาจนถึงปั๊มเชลล์แล้วเลยมาอีกนิด…สัก 200 เมตร ยังไม่ถึงช่วงสามเหลี่ยมดินแดงเสียทีเดียว (ร้านอยู่ติดกับคอนโดเดอะคอมพลีต ฝั่งตรงข้ามร้านเป็นโรงแรมซีซั่นสยาม) หรือตรงข้ามกันกับราชปรารภ ซอย 20
FACEBOOK: Everest Kitchen
เวลาเปิด: 11.30 – 22.30 น. / โทร. 0-2642-4070
ลายแทง (อีก) ร้านอาหารจีน:
หยวนซิง ข้าวขาหมูหลงเจียง
ถึงจะเป็นเมนู ‘ข้าวขาหมู’ ที่เหมือนจะหากินที่ไหนก็ได้ แต่ถ้าได้ลอง ‘ข้าวขาหมูหลงเจียง’ จากต้นตำรับเมืองหลงเจียงของที่นี่รับประกันว่าจะฟินจนอาจลืมข้าวขาหมูร้านอื่นไปเลย ยิ่งถ้าใครชอบศึกษาประวัติศาสตร์จีนจะรู้ว่า ‘เมืองหลงเจียง’ เป็นเมืองขึ้นชื่อเรื่องเมนูข้าวขาหมู แต่เสียดายที่ไม่รู้ว่าสูตรลับความอร่อยในการหมักในเนื้อหมูนุ่มฉ่ำ หนังหมูเด้งลื่นสู้ลิ้นนั้นเขามีรายละเอียดอย่างไร แต่ว่ากันว่าน้ำซอสที่ราดมาบนขาหมูมีส่วนผสมของโป๊ยกั๊ก อบเชย เปลือกส้มเขียวหวาน ยี่หร่า และสมุนไพรจีน นี่ล่ะที่เป็นตัวเปลี่ยนเกมให้ข้าวขาหมูหยวนชิงมีความแตกต่าง
ใครสายเนื้อหนังต้องสั่ง ‘ข้าวขาหมูเนื้อหนัง’ แต่ถ้าอยากฟินกับเนื้อสัมผัสหยุ่นๆ เด้งๆ ต้องจานนี้ ‘ข้าวคาจัก’ หรือเล็บเท้าหมู เอ็นร่อนแถบไม่ต้องเลาะให้หงุดหงิดใจ หรือจะลองเป็น ‘ข้าวคากิ’ ถูกใจสายนุ่มเด้งเช่นกัน ยิ่งได้น้ำราดที่มีรสชาติเค็มนำหวานตามยิ่งอร่อย จะให้ดีลองสั่งจ๊อหมู ไส้หมู หรือหูหมูมากินเล่นก็ไม่ผิด ซดน้ำซุปที่มีความหวานของข้าวโพดไปหน่อยเพิ่มความคล่องคอ
แจกทีเด็ดของร้าน: จุดพีกของร้านนี้ยังอยู่ที่น้ำจิ้ม 3 รสชาติ มีให้เลือกแบบเผ็ดเปรี้ยวกำลังดี เผ็ดกลาง และออกไปทางหวานหน่อยๆ อาจจะไม่เหมือนน้ำจิ้มข้าวขาหมูบ้านเรา ไม่ได้มีพริกและกระเทียมแนมมา แต่ก็คือว่าได้ลองกินข้าวขาหมูจากเมืองต้นตำรับและรสชาติจริงๆ ที่เลียนแบบยังไงก็ไม่เหมือน
แจกเมนูเด็ด: ข้าวขาหมูเนื้อหนัง (120 บาท) ข้าวคาจัก (150 บาท) ข้าวคากิ (150 บาท) จ๊อหมู (200 บาท)
แจกพิกัด: ร้านอยู่ปากซอยรางน้ำ ฝั่งถนนราชปรารภ เดินจาก King Power Rangnam มาทางด้านราชปรารภอีกเช่นกัน ร้านจะอยู่สุดซอยตรงหัวมุมถนนซอยรางน้ำกับถนนราชปรารภพอดี
เวลาเปิด: 11.00 น. – 20:00 น. / โทร. 09-5039-7608
หลังจากตระเวนชิมอาหารอินเดีย อาหารจีน และอาหารเนปาลที่หลากหลายนี้แล้ว นอกจากจะได้เปิดประสบการณ์ความอร่อย รู้สึกเลยว่าทั้ง 3 ประเทศมีวัฒนธรรมและประวัติศาสตร์ที่น่าค้นหาอีกเพียบ โดยเฉพาะที่มาที่ไปและสูตรลับของเมนูต่างๆ จนอยากจะกลับมากินซ้ำแล้วซ้ำอีก ยังอยากชิมอาหารนานาชาติ หาไอเดียเพิ่มคลิกที่นี่