THE POWER BAND ซีซั่น 2 การประกวดวงดนตรีสากลประจำปี 2565 จัดโดยวิทยาลัยดุริยางคศิลป์ มหาวิทยาลัยมหิดล ร่วมกับ คิง เพาเวอร์ ไทย เพาเวอร์ พลังคนไทย เดินทางเข้าสู่เชียงใหม่…สนามที่ 3 อย่างเข้มข้น นอกจากเป็นการท้าชนวงดนตรีวัยละอ่อนและบุคคลทั่วไป ทั้งจากภาคเหนือแล้ว ยังมีวงดนตรีจากภาคอีสานและภาคกลาง เดินทางข้ามภูมิภาคมาท้าพิสูจน์ความสามารถทางดนตรีบนเวทีประกวดระดับชาติอีกด้วย
งานนี้ผู้เข้าประกวด 13 วง จากทั้ง 2 คลาสจัดอาวุธเด็ดมาสาดกันไม่ยั้ง ทำเอาทั้ง 3 กรรมการอย่าง คุณเป้ Sax – ไพสิฐ คำกลั่น ศิลปินและโพรดิวเซอร์ ค่าย Muzik Move คุณ J-Pap วง INFINITY- อาจารย์วิโรจน์ สถาปนาวัตร และ คุณปอย วง Portrait – ตะวัน ชวลิตธํารง ทึ่งกับทักษะการเล่นดนตรีที่ไม่ธรรมดาของผู้เข้าประกวดทุกวง จนถึงกับเอ่ยปากว่าเป็นสนามการแข่งขันที่สุดเข้มข้น “ภาพรวมจากเวทีประกวดของสนามเชียงใหม่ ยากกว่าทุกสนาม เรียกว่าฝีมือวงประกวดค่อนข้างจะสูสีกัน แทบไม่มีวงที่เล่นทิ้งห่างกันมากนัก วงที่ชนะก็เรียกว่าปาดวงที่ไม่ชนะมาแค่นิดเดียวเท่านั้นเอง คณะกรรมการตัดสินใจกันยากมาก” คุณปอยหนึ่งในกรรมการสนามเชียงใหม่ขอเป็นตัวแทนฝากถึงน้องๆ ทุกคน
“สนามเชียงใหม่ ยากกว่าทุกสนาม
เรียกว่าฝีมือวงประกวดค่อนข้างจะสูสีกัน”
คุณตะวัน ชวลิตธํารง – ปอย วง Portrait
หนึ่งในคณะกรรมการและศิลปินที่ร่วมแจมบนเวที
“ดูน้องๆ แล้วเหมือนเห็นตัวเองตอนเด็กๆ ที่สนุกกับการประกวดของโรงเรียน
น้องๆ ดูมีพลังและมีความสุขในการเล่นดนตรี เราเองยังได้รับพลังนี้ด้วยเลยค่ะ”
อิ้งค์ – วรันธร เปานิล ศิลปินขึ้นเวทีสนามเชียงใหม่
ที่มีวงนำเพลงของเธอมาขึ้นเวทีประกวดหลายวงด้วยกัน
ไม่เพียงแค่กรรมการที่ประทับใจ แต่ศิลปินรุ่นพี่อย่าง อิ้งค์ – วรันธร เปานิล ศิลปินรับเชิญพิเศษ ที่มาเพิ่มความสุขและเติมความสนุกให้กับทั้งผู้ชมและผู้เข้าประกวด ยังปลื้มที่น้องๆ ผู้เข้าประกวดนำเพลงของเธอมาสร้างสรรค์ในเวอร์ชันของตัวเองก่อนขึ้นบรรเลงบนเวทีแบบสุด “รู้สึกดีใจว่าน้องๆ เขารู้สึกว่าเพลงของเราสามารถโชว์ศักยภาพของเขาได้ และมันโชว์ความสามารถของพวกเขาจริงๆ เพลง “ลบไม่ได้ช่วยให้ลืม” ของอิ้งค์เป็นเพลงที่ร้องยากมาก แต่น้องที่ร้องออกมาร็อกได้อย่างโหดมาก และเพลง “เกี่ยวกันไหม” ก็ดีมาก ดูน้องๆ แล้วเหมือนเห็นตัวเองตอนเด็กๆ ที่สนุกกับการประกวดของโรงเรียน น้องๆ ดูมีพลังและมีความสุขในการเล่นดนตรี เราเองยังได้รับพลังนี้ด้วยเลย
นี่ถือเป็นเวทีแรกๆ ที่เปิดให้เด็กๆ ได้ทำตามที่เขาเคยฝันไว้ Dream it, Do it เรียกความกล้าให้กับเด็กๆ ได้ดี ต้องฝันแบบที่เราอยากจะเป็น ถ้าฝันแล้วไม่ทำก็ไม่เกิดอะไรขึ้น แค่เรากล้าออกมาประกวด มันไม่ได้มาจากการทำงานแค่วันเดียวแน่ๆ เขาต้องผ่านการซ้อม ผ่านการเคี่ยวกับตัวเองอย่างมาก ก่อนจะมาโชว์วันนี้ได้ เล่นได้อย่างที่มั่นใจในวันนี้ไม่ใช่เรื่องง่าย อิ้งค์ว่าทุกคนเก่งมากๆ แล้ว การที่เราจะค้นหาตัวเองเจอว่าชอบอะไรในวัยนี้ เป็นอะไรที่ดีที่สุด การที่เราชอบแล้วกล้าทำ นี่เป็นสิ่งที่ไม่มีใครมาบอกเขาได้ ต้องเป็นใจเขาที่บอกว่าทำสิ ทำสิ น้องๆ เก่งมากๆ แม้ว่าเราจะไม่ได้ชนะ เพราะรางวัลก็มีไม่กี่ที่เนอะ แต่การที่เราได้เข้ารอบ ได้มาเจอเพื่อนๆ ก็ถือว่าเป็นรางวัลอีกรางวัลที่ถ้านอนอยู่บ้านเฉยๆ หรือไปเรียนเฉยๆ ก็จะไม่ได้สิ่งนี้แน่นอน อันนี้น้องแค่กล้าเดินออกมาก็ได้รับรางวัลจากใจตัวเองแล้ว อิ้งค์ขอเป็นกำลังใจให้ทุกวงเลยค่ะ”
จบการขับเคี่ยวอย่างเข้มข้น THE POWER BAND 2022 Season 2 สนามเชียงใหม่ ในที่สุดเราก็ได้วงที่ผ่านเข้ารอบชิงชนะเลิศทั้งสิ้น 6 วง ทั้ง Class A (ระดับมัธยมศึกษา) 3 วง และ Class B (ประชาชนทั่วไป) 3 วง ที่ผ่านเข้าไปสู่รอบชิงชัยระดับประเทศ มีวงที่ข้ามภูมิภาคมาเข้ารอบชิงชนะเลิศที่สนามเชียงใหม่คือวงจากจังหวัดอุดรธานี
Suggestion
วงที่ผ่านเข้ารอบชิงชนะเลิศ
จากสนามเชียงใหม่ ได้แก่
CLASS A
วง Belebt โรงเรียนองค์การบริหารส่วนจังหวัดเชียงราย (เชียงราย)
วง The Piclic Band โรงเรียนวชิราลัย (เชียงใหม่)
วงอุดรพิทยานุกูล โรงเรียนอุดรพิทยานุกูล (อุดรธานี)
CLASS B
วง 1 DAY จากเชียงใหม่
วง Paraa จากเชียงใหม่
วง จะไป FUNK จากเชียงใหม่
“การเล่นดนตรีให้มีความสุขที่สุด เราจะทำโชว์ให้ทุกคนดูแล้วมีความสุข สนุกไปกับเรา ทำให้เต็มที่ แล้วก็เล่นให้มันสุดๆ ไปเลยค่ะ ถ้าเรามีความฝันเป็นของเรา และถ้าเราอยากทำมันจริงๆ ก็ทำให้สุดไปเลยค่ะ เหมือนที่สโลแกนบอกไว้ Dream it, do it ค่ะ” The Piclic Band วงจิ๋วแต่แจ๋ว จุดประกายความกล้าสู่สนามระดับประเทศ
“เรามีความร่าเริง ความสนุก และความเป็นทีม มาสู้ สำหรับวงเรากล้าทำคือความมั่นใจ กล้าแสดงออก กล้าฝันคือกล้าที่จะทำ กล้าที่จะลอง การประกวด THE POWER BAND เป็นรายการที่ดี เพราะเปิดโอกาสให้พวกเราได้เข้ามาเล่น คนก็จะได้เห็นได้รู้จักพวกเราในนาม Belebt มากขึ้น” Belebt เองก็สู้ไม่ถอยเพื่อคว้าโอกาสสำคัญ
และสุดท้ายวงอุดรพิทยานุกูล ที่กล้าไม่กลัวใคร เพราะข้ามถิ่นจากอีสานเพื่อคว้าชัยไกลถึงแดนล้านนา “วันนี้รู้สึกว่าเราได้มายืนอยู่ในจุดที่เราฝันแล้ว เรามีความสุขไปกับช่วงเวลาบนเวที เราทำได้ดีที่สุดแล้ว วงเราไม่ได้มาเพื่อเอาชนะใคร แต่มาเพื่อเอาชนะตัวเอง และจุดเด่นของวงเรา คือความเป็น unity ความสามัคคีของพวกเรา การที่เราจะส่งความสนุกไปถึงผู้ชมได้ พวกเราต้องรู้สึกสนุกกับดนตรีที่เราเล่นก่อน วันนี้ชอบเวลาที่เราหันมาสบตาเพื่อนๆ เห็นความตั้งใจของทุกคน และสื่อถึงกันได้ว่าสนุก เหมือนเราจะคิดตรงกันว่า เราจะต้องทำให้คนดูสนุกไปกับเพลงของพวกเราให้ได้”
อีก 3 วงที่เป็นวงประกวดใน “รุ่นผู้ใหญ่” นั้นก็เรียกว่าขับเคี่ยวกันไม่น้อยตามความเห็นจากกรรมการทุกท่าน ตั้งแต่รอบการคัดเลือกจากคลิปที่ส่งเข้ามา การประกวด THE POWER BAND ในซีซั่นนี้มีวงที่เคยผ่านเข้ามาในรอบ Final เมื่อปีที่แล้วอยู่ด้วย 1 วง คือวง Paraa ส่วนอีกสองวงมาจากเชียงใหม่ที่กำลังเป็นที่จับตาไม่น้อย อย่างไรก็ตามพวกเขาทั้งหมดมีฝันที่ไม่รอลงมือทำอีกต่อไป
“เป็นโอกาสที่ใหญ่กว่าเดิมจากครั้งแรก ทั้งโอกาสในทิศทางการแข่งขันและสายอาชีพดนตรี น่าจะเป็นโอกาสที่มีคนมองเห็นศักยภาพของพวกเรา เวทีประกวดทำให้เราได้แสดงความสามารถ เราซ้อมกันหนักเพื่อให้ทำออกมาเต็มที่แล้วออกมาดีที่สุด งานมาจัดที่สนามเชียงใหม่ทำให้ใกล้พวกเราซึ่งอยู่กันที่เชียงใหม่ และเป็นการให้โอกาสกับวงในจังหวัดใกล้เคียงที่อาจจะไม่สามารถเดินทางไปไกลๆ ได้ด้วย” ความเห็นจากวง Paraa ที่เคยผ่านเวทีประกวดออนไลน์เมื่อปีที่แล้วและได้รับรางวัลรองชนะเลิศอันดับ 1 ขอกลับมาลงสนามประกวดนี้อีกครั้งในปีนี้เพื่อพัฒนาตัวเองให้ดียิ่งขึ้นกว่าเดิม
Suggestion
“คำว่ากล้าฝันกล้าทำของพวกเราคือ ทั้งๆ ที่รู้ว่าไม่มีเวลาแต่พวกเราก็กล้าที่จะฝัน กล้าที่จะลองทำ กล้าลงมือทำ ดีกว่าที่จะไปรู้สึกเสียใจทีหลัง การประกวดครั้งนี้พวกเราได้ลองทำดนตรีที่ฉีกไปจากเดิมและนำเครื่องเป่าจี๊ดๆ มาลองลงสนามสู้ดู แม้วันนี้จะมีความผิดพลาดบนเวทีไปบ้าง แต่พอทุกคนหันมามองหน้ากันก็ยังขำและสนุกไปด้วยกันได้ เราพยายามทำให้ดีขึ้น เพราะเราอยากให้ทุกคนมีความสุขไปกับดนตรีที่พวกเราเล่น” วง 1 Day พร้อมจะปล่อยคลื่นพลังแห่งความสุขให้คนทั้งประเทศได้สัมผัส
“พวกเราบ้าบออย่างเต็มที่ ใช้ ‘กรูฟ’ ในแบบของพวกเรา ลูกบ้า ความสุขคือเอกลักษณ์ที่โดดเด่น ที่ส่องแสงว่าบ้าและแตกต่างกว่าใคร เรากล้าที่จะทำและนำเสนอในแนวทางดนตรีของตัวเอง กล้าที่จะฝันว่าอยากเล่นเพลงตัวเองและสื่อสารไปถึงคนฟัง ว่านี่คือสิ่งที่เราต้องการจะบอก ต้องการจะนำเสนอความเป็น “จะไป Funk” ให้มากที่สุด และการมางานนี้ คือการมาเสนอให้คนทั่วไปได้รับรู้ว่าลำปางก็มีเพลงฟังก์ แจ๊ส บลูส์ โซลในแบบฉบับของเราให้ได้ฟังด้วยเหมือนกัน” วง จะไป Funk ก็พร้อมระเบิดลูกบ้าบนเวทีรอบไฟนอลที่กรุงเทพฯ
ก่อนจะมูฟไปต่อที่การแข่งขันซึ่งยิ่งเข้มข้นมากขึ้นอีกเรื่อยๆ การประกวดของสนามเชียงใหม่ยังได้ทิ้งมวลความสุข จากความประทับใจและความมันบนเวทีด้วยการแสดงมินิคอนเสิร์ตของศิลปินจาก 5 ค่ายเพลง ได้แก่ ONEONE ศิลปิน Bean Napason ศิลปิน INK Waruntorn และปิดท้ายด้วยเสียงกรี๊ดให้ Patrickananda
การประกวด THE POWER BAND ยังคงเปิดกว้างท้าพิสูจน์ฝีมือคนรักดนตรีอย่างแท้จริง ไม่จำกัดแนวและสไตล์การเล่น ทั้งยังไม่จำกัดประเภทของเครื่องดนตรี “สำหรับใครที่มีฝันเกี่ยวกับการทำเพลงและวงดนตรีขอให้ส่งคลิปมาในอีก 2 สนามที่ยังเหลือ (คือสนามสงขลา สนามกรุงเทพฯและปริมณฑล) เพราะเวทีนี้เปิดโอกาสให้ทุกคนทั่วทั้งประเทศได้มาแสดงฝีมือกัน และยังได้พิสูจน์ฝีมือให้กับคนทั้งประเทศเช่นกัน อีกทั้งน่าจะทำให้ผู้มาประกวดได้รับประสบการณ์อันเข้มข้น และน่าจดจำของชีวิตเลย” คุณปอยและคณะกรรมการทุกท่าน ผู้จัดงาน รวมถึงผู้ชมที่มีใจรักในเสียงเพลง พร้อมใจกันนับถอยหลังรอวันเปิดศึกชิงชนะเลิศเพื่อเฟ้นหาที่สุดแห่งผู้กล้า..ท้าฝัน บนเวที THE POWER BAND 2022 Season 2 ต่อไป
วงที่ได้ผ่านการคัดเลือกสนามสงขลา
Class A ได้แก่ 1.วง K.C.String combo band (สงขลา) โรงเรียนสะเดา “ขรรค์ชัยกัมพลานนท์อนุสรณ์” 2.วง YS COMBO BAND (สงขลา) โรงเรียนหาดใหญ่วิทยาลัยสมบูรณ์กุลกันยา 3.วง M.O.N.K. (กทม.) โรงเรียนสุรศักดิ์มนตรี 4. วง มอซอ (ภูเก็ต) โรงเรียนเฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระศรีนครินทร์ฯ ภูเก็ต 5.วง The Humble (สงขลา) โรงเรียนมหาวชิราวุธ จังหวัดสงขลา 6.วง วงจรปิด (ตรัง) โรงเรียนสภาราชินี จังหวัดตรัง
Class B ได้แก่ 7.วง Different (สงขลา) 8.วง Sex Magic (สงขลา) 9.วง Perfect Child Band (สงขลา) 10.วง Umbrella down (ภูเก็ต)