Playground

The Power Band SS3 สนามขอนแก่น
แซ่บ! นัว!! จับขั้วหัวใจ
#THEPOWERBAND #ThePowerBand3
#พลังแห่งความเป็นไปได้

ทีม Writaholic 19 Jun 2023
Views: 805

THE POWER BAND 2023 SEASON 3 IT’S POSSIBLE, MUSIC MAKES LIFE POSSIBLE พลังแห่งดนตรี พลังแห่งทุกความเป็นไปได้ เวทีประกวดดนตรีระดับประเทศ โดย คิง เพาเวอร์ไทย เพาเวอร์ พลังคนไทย ผนึกกำลังกับวิทยาลัยดุริยางคศิลป์ มหาวิทยาลัยมหิดล และ 6 ค่ายเพลงชั้นนำของไทย เดินทางเข้าสู่รอบออดิชันสนามที่ 2 จังหวัดขอนแก่น

นอกจากจะรวมพลคนผ่านเข้ารอบซึ่งเป็นวงจากทั่วทั้งภาคอีสานแล้ว อย่างนครราชสีมา ศรีสะเกษ สกลนคร อุดรธานี ยังมีอีกหลายวงที่ข้ามภาค ทั้งจากเชียงราย ราชบุรี นครนายก สมุทรปราการหรือแม้แต่กรุงเทพฯ หลั่งไหลมาสร้างความเป็นไปได้ให้เกิดขึ้น พร้อมฟาดฟันแข่งกันชิงตำแหน่งที่สุดแห่งความฝันกัน

การประชันฝีมือทางดนตรีในสนามขอนแก่นเลยเดือดจัดและอัดแน่นทุกรสขาติของดนตรี มีทั้งร็อก ป็อป แร็ป  หรือแม้แต่ขับเสภา ก็ยังมาให้ฮือฮากันทั้งสนาม

วงที่ผ่านเข้ารอบชิงชนะเลิศ
CLASS A จากสนามขอนแก่น ได้แก่

วง Hidden Track (โรงเรียนศรีสะเกษวิทยาลัย) ศรีสะเกษ

วง สกลพัฒน์ (โรงเรียนสกลนครพัฒนศึกษา) สกลนคร

วง New Cluster (อิสระ) นครราชสีมา

เปิดฉากด้วย การแข่งขัน Class A รุ่นมัธยมศึกษา  9 สุดยอดวงดนตรีระดับมัธยมเข้ารอบมาชิงชัยในรอบนี้ทั้งหมด ทีม เพื่อชิง 3 ที่นั่งสู่รอบชิงขนะเลิศที่กรุงเทพฯ  มีทั้งศิษย์เก่าที่ยังคงน่าจับตามอง และหลายวงน้องใหม่แกะกล่องอย่าง Brad Pete วงในเครื่องแบบจากเตรียมทหาร ที่เปิดโชว์ด้วยการขับเสภาเท่ๆ คว้าดาวทั้ง “Galaxy” จนผู้ชมเทใจกดไลก์ให้ยกคว้าตำแหน่งขวัญใจชาวโซเชียล รับรางวัลไปก่อนใคร แต่นั่นยังไม่เพียงพอให้พวกเขาเข้ารอบสุดท้าย เพราะมี 3 ตัวท็อปปาดหน้าคว้าชัยไปก่อน

วงแรกคือ Hidden Track ที่สมาชิกหลายคนคือคนคุ้นหน้าคุ้นตาจาก Little Wings 1 ใน 36 วงดนตรีที่เข้าสู่รอบชิงในการแข่งขันเมื่อปีที่แล้ว (คลิกอ่านเรื่อง LITTLE WINGS ติดปีกให้ความฝันโบยบิน )

ปีนี้พวกเขามาแบบลุ้นสุดตัว เพราะยางรถรั่วก่อนถึงสนาม ”ดีใจมากๆ ที่ได้มาแข่งในวันนี้ แม้ว่าจะมีอุปสรรคเพราะว่ารถที่มาแข่งยางแตก ทำให้มาถึงสนามแข่งช้า แต่รู้สึกสนุกมาก ได้ปลดปล่อยบนเวที กรรมการชมว่าวงเราดีมากๆ เลยใจฟู เหนื่อยมาทั้งวันก็คือหายเหนื่อยเลย ผ่านไปได้ด้วยดี หลังจากเล่นเสร็จก็รู้สึกโล่งมากๆ แถมกรรมการจำเสียงนักร้องของเราได้ด้วย ดีใจมาก”

โชว์ของพวกเขาคุ้มค่าที่รอคอย ทั้งตื่นตาและตื่นใจจนคณะกรรมการชมว่าดีจนขนลุก และยังชื่นชมต่อไปถึงคุณครูผู้ควบคุมวงว่าปั้นพวกเขามาอย่างดีขั้นสุด จนเรียกเสียงปรบมืออย่างกึกก้อง “วงพวกเราเป็นวงแนว Soul&Jazz ซึ่งอาจารย์ก็ช่วยเลือกเพลงที่เข้ากับเสียงของพวกหนูค่ะ” พวกเขาเผยถึงเบื้องหลังในการเลือกและเตรียมเพลงมาประกวดที่ลงตัว

ด้านวงสกลพัฒน์จากสกลนครที่มาพร้อมการแสดงสุดหนักแน่นในเพลง “ถ้าฉันเป็นเขา” ของ Indigo และ “มันเป็นใคร” ของ Polycat เปิดทางให้พวกเขาทะลุสู่รอบชิง “พวกเราเป็นวงที่เล่นดนตรีสไตล์ร็อก จังหวะหนักๆ อยู่แล้ว” วงเล่าถึงการเลือกเพลงที่คัดมาแบบรู้จักตัวเองและรู้จักสกิลของวงมาใช้ “ซึ่งเหมาะกับโทนเสียงทุ้มๆ หนาๆ ของจอมขวัญนักร้องนำของวงเราพอดี ซึ่งการเรียบเรียงเพลง นอกจากอาจารย์ผู้ควบคุมวงจะช่วยดูในเรื่องซาวนด์แล้ว พวกเราก็มีช่วยกันดูในเรื่องของบาลานซ์ ปรับความหนักเบาเข้าไป ให้เพลงมีไดนามิกมากขึ้นด้วยครับ” นอกจากนั้นวงยังตั้งใจจะเตรียมเซอร์ไพรส์มาแสดงในรอบชิงด้วย

ตำแหน่งผู้ชนะสุดท้ายของคลาสนี้เป็นของ New Cluster วงดนตรีวัยประถมที่ขอแก้มืออีกครั้งหลังจากอกหักจากสนามกกรุงเทพฯ และอาจารย์แป๊ป – วิโรจน์ สถาปนาวัตร อาจารย์จากคณะดุริยางคศิลป์ มหาวิทยาลัยมหิดล หนึ่งในคณะกรรมการที่เห็นวงฟันน้ำนมนี้มาตั้งแต่สนามที่แล้ว ได้พูดถึงพลังแห่งความเป็นไปได้ที่วงนี้ทำสำเร็จในที่สุด

“จากสนามกรุงเทพฯ ครั้งที่แล้ว เราเห็นข้อบกพร่องของวงชัดเจนเลย แต่ครั้งนี้เขากลับมามีพัฒนาการขึ้น มีการแสดงเหมือนมิวสิคอลเข้ามาร่วมด้วย ทางด้านดนตรีก็พัฒนาขึ้น เราเลยอยากเห็นพวกเขาในรอบชิงฯ อยากรู้ว่าเขาจะเตรียมอะไรมาให้เราได้ดูกัน”

วงที่ผ่านเข้ารอบชิงชนะเลิศ
CLASS B จากสนามขอนแก่น ได้แก่

วง หน้าโรงเรียน (ศรีสะเกษ)

วง Reunion (มหาสารคาม)

วง อรชร (สมุทรปราการ)

ต่อกันด้วยการแข่งขันสุดเข้มข้นของ Class B รุ่นบุคคลทั่วไป ให้เราได้ลุ้นไปกับทั้งวงหน้าใหม่รวมถึงวงเพื่อนเก่าที่ยังไม่ถอดใจแต่ขอสู้ต่อไปเพื่อที่สุดแห่งความฝัน “ทุกคนมีความตั้งใจทำความฝันให้เป็นจริง” พี่ติ๊ก – กฤษติกร พรสาธิต  ผู้บริหารค่ายเพลง Home Run Music และคณะกรรมการของสนามนี้ยังภูมิใจ “แม้พวกเขาจะแพ้ไปในคราวก่อน แต่ก็กลับมาสู้ใหม่อีกครั้งในซีซันนี้ สามารถอุดรอยรั่วหรือข้อบกพร่องต่างๆ ตามคอมเมนต์ที่เราเคยให้ไว้ มันเป็นภาพที่ดี ในฐานะกรรมการเรารู้สึกภูมิใจนะ ที่ได้เป็นส่วนหนึ่งในการประกวดครั้งนี้”

เริ่มกันที่วง Reunion คือการกลับมารวมตัวกันอีกครั้งของเพื่อนๆ วง Vemus ที่เมื่อปีที่แล้วความฝันของพวกเขาหยุดลงที่รอบออดิชั่นนี้ แต่ปีนี้พวกเขารีเทิร์นพร้อมประกาศชัดเจนว่าแม้จะยากลำบากแค่ไหน ก็จะสู้สุดใจเพื่อตั๋วรถไฟของขบวนแห่งความฝันในวันชิงชนะเลิศ และพวกเขาก็ทำให้เห็นว่า ทุกสิ่งเป็นไปได้

“ต้องยกให้ความโดดเด่นของมือกลองหญิง อย่าง เอมมี่ – พิมพ์มาดา ประสานธนทรัพย์ (คลิกอ่านเรื่องของวงวีมัสได้ที่  VEMUS รวมตัวท็อปแห่งสารคามพิทยาคม) น่าสนใจมากในสิ่งที่เขาเลือกมานำเสนอเลือกตีออกมา” อาจารย์แป๊ปบอกเล่าถึงความประทับใจ “ความหนักเบาชัดเจน มีตัวตนชัดเจน นักร้องมั่นใจ สำหรับคนอื่นๆ ในวงผมอยากให้พัฒนาฝีมือขึ้นมาให้เทียบเท่ามือกลอง เลยอยากเห็นพัฒนาการตรงนั้นในรอบชิงฯ ครับ”

ในขณะที่วงหน้าโรงเรียน จาก Class A ในการประกวดครั้งที่แล้วมาเป็น Class B เป็นวงที่พี่เป้ – ไพสิฐ คำกลั่น หรือ “Pae Sax” สมาชิกจากวง Mild หนึ่งในคณะกรรมการเป็นผู้ให้ comment “คู่นักร้องวงนี้ถือเป็น Best Duo ของสนามขอนแก่นในซีซันนี้เลยครับ เพราะเคมีเข้ากันดีมาก ร้องกันมาตั้งแต่ประถม ดูแล้วรู้เลยว่าไม่ได้นัดแนะกันมาก เป็นธรรมชาติมาก มองตาก็รู้ใจ ประสานเสียงออกมาก็ทำได้ดี ทางด้านดนตรีก็ถือว่าทำได้ดีมากๆ คอยซัพพอร์ตนักร้องนำเป็นอย่างดี อาจจะมองเหมือนวงนี้คือนักร้องนำทั้ง 2 คนจะเด่นมาก แต่จริงๆ แล้วแบนด์ก็ทำหน้าที่ของตัวเองได้ดีแพ้กันครับ”

สำหรับที่นั่งสุดท้ายสำหรับอีกวงผ่านเข้ารอบชิงเป็นของวงที่ขึ้นโชว์เป็นวงสุดท้ายของการประกวดครั้งนี้ คือวงอรชร พวกเขามากับเพลง “พัง” จาก Indigo และ “จงเรียกเธอว่านางพญา” ของ Silly Fools ที่เรียกเสียงเชียร์สนั่น ซึ่งมีที่มาจากการที่วงเลือกเพลงที่ “เข้าทาง” ดนตรีของพวกเขาแถมยังคงเติมลูกเล่นสนุกๆ ลงไปอีก

“ทั้ง 2 เพลงเป็นเพลงที่มีคาแรกเตอร์เข้ากับวงเรามากที่สุด ด้วยความหนักแน่นของดนตรี พอเรานำมาทำใหม่ยิ่งสื่อถึงความเป็นพวกเราได้ดีจากต้นฉบับที่หนักแน่นอยู่แล้ว” วงอรชรขอการันตี “เราก็มาเพิ่มสกิลของพวกเราเข้าไป เพิ่มสัดส่วนของดนตรีให้หนักแน่นขึ้นไปอีก และผลงานในวันนี้พวกเราก็เหนื่อยกับการซุ่มซ้อมมานาน ได้มาปลดปล่อยแบบนี้ก็พอใจมาก สนุกสุดๆ complete แล้วในชีวิตนี้ พอแสดงออกมาเป็นที่พอใจก็หายเหนื่อย หายท้อ ยิ่งได้รับ comment ที่ดีจากกรรมการ ได้รับคำแนะนำในพาร์ทดนตรี ให้เราพัฒนาและช่วยซัพพอร์ตนักร้องให้มากขึ้น และจะรอดูรูปแบบการโชว์ใหม่ๆ ของพวกเรา คอยพบกับพวกเราในรอบชิงชนะเลิศนะครับ เราจะออกแบบโชว์ ให้แต่ละพาร์ทมีคาแรกเตอร์ของพวกเราแต่ละคน ชัดเจนมากขึ้นแน่นอน”

“เราเห็นพัฒนาการในวงการเพลงไทยว่ามีช่วงอายุต่างๆ มากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นเด็กมัธยม ประถม ผู้ใหญ่ คนทำงานหรือแม้กระทั่งน้องๆ ที่อายุน้อยลงเรื่อยๆ ส่งวงเข้ามาประกวด ได้เห็นการเติบโต ได้เห็นการสนับสนุนจากทุกภาคส่วน ผมมองว่าเป็นจุดเริ่มต้นที่ดีครับ คนเหล่านี้จะกลายเป็นบุคลากรที่ดี เสริมให้อุตสาหกรรมดนตรีของไทยก้าวหน้าไปได้ไกลมากกว่านี้ในอนาคต” ความรู้สึกของพี่เป้คือภาพสะท้อนที่สวยงามของสนามขอนแก่น

ก่อนจะปิดท้ายทุกความประทับใจด้วยมินิคอนเสิร์ตสุดฟินจากศิลปินมากมาย ให้ทุกคนได้สนุกสุขจัดๆ กับ 5 หนุ่มสุดละมุนอย่าง Cornboi ศิลปินสุดเฟี้ยวอย่าง  D Gerrard ต่อด้วยศิลปินประจำโครงการ Serious Bacon ที่ชวนนักร้องเจ้าบ้านคืนถิ่นเก่าอย่าง COPTER มาร่วมกันสร้างความมันในฐานะ “SERIOUS COPTER” ก่อนจะส่งท้ายด้วยศิลปินรุ่นพี่ที่แฟนเพลงทุกรุ่นรอคอยอย่าง SEASION FIVE กับโชว์ที่จัดมาทุกเพลงฮิตให้คนดูได้กรี๊ดกันสนั่นจนนาทีสุดท้าย.

  • ใครที่ยังอยากสนุกกันอีกกับ THE POWER BAND 2023 Season 3 ขอชวนไปติดตามต่อกันที่สนาม 3 จังหวัดเชียงใหม่
  • สำหรับใครที่สนใจยังสามารถลงสมัครสนามที่ 4 สงขลา และสนามที่ 5 นครปฐม “It’s Possible, Music Makes Life Possible” พลังแห่งดนตรี พลังแห่งทุกความเป็นไปได้ THE POWER BAND 2023 SEASON 3 สนามสงขลากำลังเปิดรับสมัครถึง 14 กรกฎาคม 2566 ส่วนสนามนครปฐมเริ่มรับ 1 กรกฎาคม – 4 สิงหาคม 2566 ติดตามรายละเอียดการรับสมัครได้ที่ www.music.mahidol.ac.th/thepowerband / Facebook: The Power Band

ติดตามชม THE POWER BAND 2023 THE SERIES EP. 3 จากสนามขอนแก่น

Author

ทีม Writaholic

Author

ทีมมดแห่งวงการนักเขียนและคนทำ content จากแวดวงคนทำมีเดียและหนังสือ มารวมตัวกันแบบตั้งใจบ้างโดยบังเอิญบ้าง รู้แต่ว่า “ขยันเขียน” และ ช่าง “หาเรื่อง”

Author

บริษัท เอ็กเปิร์ดคิด จำกัด

Photographer

การรวมตัวของคนโปรดักชั่น ที่ยังเชื่อในพลังสร้างสรรค์ เราจึงคิดและผลิตงานศิลปะทุกรูปแบบ