Product

‘ละไมพรรณ’
เกี่ยวข้าวจากแปลงนามาทำสบู่

วรากร เพชรเยียน 20 Jan 2023
Views: 713

เพียงแค่ได้จินตนาการถึงฟองนุ่มละเอียดจากสบู่รูปทรงเม็ดข้าว ผลิตภัณฑ์ออร์แกนิกก็ชวนให้สัมผัสได้ถึงความสะอาดและความสำราญใจ ไม่เพียงแค่ความเป็นธรรมชาติแต่ยังสะท้อนถึงอัตลักษณ์ของจังหวัดพิจิตร ที่มีข้าวเม็ดสวยรสอร่อยเลื่องชื่อสมกับคำขวัญของจังหวัดที่ว่า “เมืองชาละวัน แข่งขันเรือยาว ข้าวเจ้าอร่อย ส้มท่าข่อยรสเด็ด หลวงพ่อเพชรรวมใจบึงสีไฟลือเลื่อง ยอดพระเครื่องหลวงพ่อเงิน”

ละไมพรรณ แบรนด์คนไทยโดยฝีมือชาวบ้านและเกษตรกรของกลุ่มสมุนไพรวดีอร ในตำบลรังนก
เริ่มก่อตั้งและพัฒนาสินค้ามานานกว่าสิบปี จนได้เข้ามาวางขายใน คิง เพาเวอร์ ออนไลน์ โดยมี
คุณศักดาวุฒิ ภู่ผะกา เป็นตัวตั้งตัวตีจับมือกับเกษตรกรและชาวบ้านในตำบลมารวมตัวกัน เพื่อสร้างสรรค์ผลิตภัณฑ์ที่มีคุณภาพ ใช้ความรู้และผลิตผลจากการทำการเกษตรมาเป็นวัตถุดิบ จนได้เป็นอีกหนึ่งแบรนด์ที่สินค้าได้รับมาตรฐาน และการันตีคุณภาพเป็นสินค้าโอท็อปพรีเมียม 5 ดาว

 

จากข้าวในแปลงนาสู่สบู่เม็ดข้าว

กว่าจะได้ออกมาเป็นสบู่รูปทรงเม็ดข้าวคุณสมบัติบำรุงผิวด้วยน้ำมันสกัดจากรำข้าวธรรมชาติที่วางขายใน คิง เพาเวอร์ ออนไลน์ อย่างในปัจจุบัน ผลิตภัณฑ์ต้องผ่านการคิดค้น การทดลอง ตรวจสอบ และพัฒนามาอย่างยาวนาน ใช้เวลากว่าสิบปีนับตั้งแต่คุณศักดาวุฒิริเริ่มต้นกลุ่มสมุนไพรวดีอร ในปี
พ.ศ. 2549 โดยมีจุดมุ่งหมายเพื่อนำเอาวัตถุดิบที่ได้จากการทำการเกษตรมาต่อยอดสร้างมูลค่าเพิ่ม

“กลุ่มสมุนไพรวดีอร เป็นกลุ่มอาชีพที่คนในชุมชนที่มารวมกลุ่มกันและใช้วัตถุดิบท้องถิ่นในการผลิต ของเราทำเป็นเรื่องข้าว ซึ่งชาวบ้านที่มาทำก็เป็นช่วงที่ว่างเว้นจากการทำนามาทำผลิตภัณฑ์สุขภาพ เริ่มตั้งแต่สบู่ น้ำยาซักผ้าที่ใช้กันในชุมชนและครัวเรือน”

จากนั้นน้ำยาซักผ้าที่ใช้กันในครัวเรือนจึงนำมาสู่การพัฒนาเป็นผลิตภัณฑ์เพื่อการจำหน่าย โดยใช้ข้าวเป็นวัตถุดิบหลัก เนื่องจากชาวบ้านในกลุ่มเป็นเกษตรกรทำนา แรกเริ่มเดิมทีผลิตภัณฑ์ที่ทำได้สูตรมาจากการเข้าไปอบรมร่วมกันหน่วยงานต่างๆ แล้วนำมาทดลองทำเอง จนผ่านการรับรองจดสูตร จดแจ้งเครื่องสำอาง จนกระทั่งสามารถพัฒนาไปสู่การจับมือร่วมกับองค์กรต่างๆ เพื่อทำการศึกษา ทดลองวัตถุดิบที่ใช้และผลิตภัณฑ์ เพื่อให้ผลิตภัณฑ์ได้มาตรฐาน

 

จากน้ำมันรำข้าวสกัดเอง สู่น้ำมันคุณภาพผ่านการรับรอง

“พอเราเก็บเกี่ยวข้าวแล้ว มันก็จะออกมาเป็นเม็ดข้าว เราก็จะเอาไปสี สีเสร็จก็จะได้ออกมาเป็นเม็ดข้าว เป็นรำข้าว ซึ่งรำข้าวแต่ก่อนชาวบ้านก็ทิ้งไป เพราะมันไม่ได้ใช้ประโยชน์แล้ว แต่ตอนนี้เรานำเอารำข้าวมาบีบออกมาเป็นน้ำมันรำข้าว”

คือขั้นตอนการสกัดน้ำมันรำข้าว ในทีแรกสมาชิกในกลุ่มเรียนรู้ที่จะทดลองและลองสกัดน้ำมันรำข้าวออกมาเอง จากการใช้รำข้าวที่ได้จากการสีข้าวจากแปลงนาของสมาชิกในกลุ่ม จากนั้นจึงมาจับมือร่วมกันกับมหาวิทยาลัยนเรศวรในการสกัดน้ำมันรำข้าว

“ตอนนี้เราเอาข้าวไปให้เขาบีบออกมาเป็นน้ำมันรำข้าว ทางกลุ่มซีเรียสเรื่องคุณภาพ เราก็ให้ทางมหาวิทยาลัยนเรศวรทำให้ ได้ออกมาเป็นน้ำมันรำข้าวที่สามารถกินได้ ตกกิโลละหลายพันบาท เพราะเราไม่ได้เอารำข้าวทั่วๆ ไปมาทำ เราเอารำข้าวจากแปลงนาที่ผ่านการสกรีนมาแล้ว ว่าตรงนี้เหมาะแก่การที่จะนำรำข้าวมาใช้”

นอกจากการทดสอบน้ำมันรำข้าวแล้ว วัตถุดิบอื่นๆ ที่นำมาใช้ยังต้องผ่านการทดสอบแล้วว่ามีคุณภาพ ปลอดภัย อย่างหัวสบู่ ก็ต้องนำมาทดสอบก่อนการนำมาใช้ผลิต และด้วยความเป็นผลิตภัณฑ์ที่ใช้วัตถุดิบจากธรรมชาติคุณภาพดี สินค้าจึงโดนใจกลุ่มคนรักสุขภาพ

“ผลิตภัณฑ์ของเราเมื่อถูแล้วจะได้ออกมาเป็นฟองละเอียดนุ่ม ซึ่งเป็นจุดเด่นของเรา มีกลิ่นหอมธรรมชาติไม่ฉุน และมีสารแกมมาออริซานอล (Oryzanol) ที่จะช่วยในเรื่องของการบำรุงผิวให้ชุ่มชื้น เป็นน้ำมันธรรมชาติ ไม่มีสารเคมี ช่วยปรับสมดุลผิวอย่างเป็นธรรมชาติ” คือจุดที่ทำให้ละไมพรรณสามารถยืนอยู่ได้นานในวงการ

Zero Waste ในแปลงนากับการรับมือความท้าทายภัยธรรมชาติ

“ข้าวจะไม่ได้มูลค่าในช่วงที่เศรษฐกิจตกต่ำ เมื่อข้าวไม่ได้ราคา ถ้าเราเอามาแปรรูปเพิ่มมูลค่ามันก็สามารถที่จะเพิ่มมูลค่าให้ข้าวสูงขึ้น” คือแนวคิดของการพัฒนาสินค้าจากข้าวของกลุ่มสมุนไพรวดีอร

รำข้าวที่เหลือจากการสีข้าวจากแปลงนาที่ถูกเลือก และทดสอบคุณภาพไว้แล้วจะถูกนำมาสกัดเป็นน้ำมันรำข้าวเพื่อนำมาเป็นวัตถุดิบในการผลิต ข้าวถูกส่งไปขาย นอกจากนี้ในผลิตภัณฑ์ชนิดต่างๆ ยังมีการใช้ข้าวเป็นส่วนประกอบ อย่างการใช้เม็ดข้าวบดละเอียดมาเป็นส่วนผสมในสครับ ละไมพรรณใช้หลักการ Zero Waste มาเป็นหนึ่งในกลยุทธ์การผลิต ถือเป็นอีกหนึ่งแบรนด์ช่วยรักษ์โลก

แม้แนวคิด Zero Waste จะช่วยดึงดูดความสนใจจากผู้ซื้อ แต่ละไมพรรณก็ยังมีความท้าทายที่ต้องรับมือ โดยเฉพาะความท้าทายกับภัยธรรมชาติที่อาจเกิดขึ้นได้

จังหวัดพิจิตรมีปัญหาเรื่องน้ำท่วมหรือน้ำแล้ง ปีก่อนก็ไม่ได้ปลูกข้าวเนื่องจากน้ำแห้ง ตำบลรังนก     น้ำแห้งขอดไปกับท้องน้ำ จนรถสามารถวิ่งได้โดยไม่ติดหล่ม ด้วยด้วยความที่มันแห้งมาก พอปีนี้น้ำท่วม” ละไมพรรณจึงทำงานร่วมกับอาจารย์จากมหาวิทยาลัยนเรศวร เพื่อช่วยซัปพอร์ตเรื่องวัตถุดิบ จึงทำให้มีน้ำมันรถข้าวสำรองไว้เพียงพอต่อการผลิต

แม้จะต้องเผชิญกับความท้าทายโดยเฉพาะกับภัยธรรมชาติ แต่ละไมพรรณก็ยังคงให้ความสำคัญเรื่องคุณภาพของวัตถุดิบและสินค้าอยู่เสมอ รวมไปถึงการปรับปรุง พัฒนารูปลักษณ์สินค้าให้สวยงามด้วย

 

แพ็กเกจจิงรูปเม็ดข้าว อัตลักษณ์ของจังหวัด

นอกจากสตอรีของสินค้าแล้ว ผลิตภัณฑ์จากละไมพรรณยังน่าสนใจด้วยการใส่ใจรูปลักษณ์ จนได้ออกมาเป็นสบู่น้ำมันรำข้าวรูปทรงเม็ดข้าวที่สวยงาม เมื่อสบู่แข็งตัวจึงได้ออกมาเป็นสีขาวขุ่นเหมือนเม็ดข้าวจริงๆ กว่าจะได้ออกมาเป็นแม่แบบเม็ดข้าวนี้ ก็ได้ไอเดียมาจากอัตลักษณ์ของจังหวัดพิจิตร

“เราได้รับการส่งเสริมจากกรมอุตสาหกรรมในเรื่องของการทำแม่พิมพ์รูปเม็ดข้าว ได้รับการอบรมในเรื่องของอัตลักษณ์ แม่พิมพ์เราก็สั่งทำออกมา ผ่านขั้นตอนการผลิต ก็คือผลิตออกมาเป็นสบู่ ลงแม่พิมพ์ ห่อบรรจุภัณฑ์ กล่อง” ซึ่งขั้นตอนการหยอดสบู่ก็ยังคงเป็นงานแฮนด์เมด รวมไปถึงการบรรจุหีบห่อที่ยังเป็นการใช้มือคนทำ โดยมีสมาชิกในกลุ่มกว่าสิบคนแบ่งหน้าที่กันทำงาน ตั้งแต่การประสานงานราชการ การผลิต การส่งเสริมการขาย

สบู่เม็ดข้าวที่สวยงามและโดดเด่นด้วยรูปลักษณ์นี้เป็นที่โดนใจทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติ เป็นการสื่อสารให้ผู้ซื้อเข้าใจตั้งแต่แรกเห็น นอกจากนี้ละไมพรรณยังคิดถึงการพัฒนาเป็นสบู่เม็ดข้าวเม็ดเล็กเพื่อให้     ผู้ซื้อได้ซื้อขนาดเล็กนำไปทดลองใช้ก่อนด้วย ด้วยคุณภาพและรูปลักษณ์ของสบู่ละไมพรรณจึงเป็นสินค้าเตะตาทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติ และได้นำมาวางขายใน คิง เพาเวอร์ ออนไลน์ และยังจะได้นำไปวางจำหน่ายใน คิง เพาเวอร์ ดิวตี้ฟรี เพื่ออวดโฉมให้กับนักท่องเที่ยวนานาชาติต่อไปอีกด้วย

จากเรื่องราวของสบู่รูปเม็ดข้าวที่สวยงามนี้ เป็นผลผลิตจากความตั้งใจของชาวบ้านในตำบลรังนก จังหวัดพิจิตร ที่ตั้งใจส่งต่อความละมุนละไมในการคิด การผลิตสู่ผิวที่นุ่มละไมของผู้บริโภคทุกคน เป็นแบรนด์ที่

เพียงแค่ได้เห็นรูปลักษณ์ก็จินตนาการได้ถึงความอ่อนโยน และความเป็นธรรมชาติ ราวกับได้เก็บเกี่ยวความสุขจากผิวนุ่มละมุน

 

ละไมพรรณ (LAMAIPAN)

ที่ตั้ง: 139 หมู่ 8 ต.รังนก อ.สามง่าม จ.พิจิตร

 

Facebook: LAMIAIPAN

 

สนับสนุนสินค้าพลังคนไทย
คลิก: LAMAIPAN

 

ปักหมุดจุดเช็กอิน-แชะรูป-ท่องเที่ยวใกล้เคียง

• บึงสีไฟ ไปชมความสวยงามของแหล่งน้ำใหญ่อันดับ 3 ของไทย เป็นที่พักผ่อนหย่อนใจ และเพิ่มความโรแมนติกด้วยการไปยลพระอาทิตย์ตกดินที่สวยงามบริเวณบึง

• อุทยานเมืองเก่าพิจิตร ชมความสวยงามของสถานที่สำคัญทางประวัติศาสตร์ ที่สร้างขึ้นตั้งแต่สมัยพระเจ้าโคตรบอง ในปี พ.ศ. 1601 ทั้งกำแพงเมือง เจดีย์เก่า เป็นอีกหนึ่งสถานที่พักผ่อนหย่อนใจที่น่าไปชม

• ตลาดย่านเก่าวังกรด แหล่งค้าขายสินค้าในพิจิตรที่ยังคงกลิ่นอายและสถาปัตยกรรมในอดีตไว้อย่างครบถ้วน นอกจากนี้ยังมีการแสดงรำวงย้อนยุคให้ได้ชมระหว่างการเดินซื้อของด้วย

Author

วรากร เพชรเยียน

Author

อดีตแอร์โฮสเตสผันตัวมาเป็นนักเขียน ผู้หลงใหลศิลปะและการเดินทาง นิยมการบอกรักประสบการณ์ผ่านตัวหนังสือ