Product

เอ็มเอส เบญจรงค์
สืบสานงานศิลป์แผ่นดินไทย

ภัทรามน ผุดเพชรแก้ว 20 Sep 2022
Views: 599

ไม่ว่าใครที่เห็นงานเบญจรงค์ก็คงปฏิเสธไม่ได้ว่า นี่คืออีกหนึ่งงานที่แสดงถึงความละเอียดความงดงามของศิลปะไทย มีอัตลักษณ์โดดเด่นที่สื่อถึงความเป็นไทย ทั้งสีสัน ลวดลาย และรูปทรง

เอ็มเอส เบญจรงค์ (MS BENJARONG) แบรนด์เบญจรงค์ดำเนินกิจการมากว่า 30 ปี สร้างแบรนด์ขึ้นจากการได้รับโอกาสที่ คิง เพาเวอร์ มีการจัดอบรมสำหรับผู้ประกอบการ และมีคำแนะนำว่า ควรจะมีอะไรสักอย่างที่แสดงความเป็นตัวตนให้คนได้รู้จักมากขึ้น นั่นจึงเป็นที่มาของชื่อ เอ็มเอส เบญจรงค์ ซึ่งเป็นตัวย่อชื่อและนามสกุลของคุณมณฑา สุรินทร์รัตน์ คุณแม่ของคุณอนันต์ชัย สุรินทร์รัตน์ ผู้ที่ดูแลทุกขั้นตอนคุณภาพของเอ็มเอส เบญจรงค์ในวันนี้

เริ่มจากการ “ทำเล่นๆ” มาเป็นกิจการอย่างจริงจัง คุณอนันต์ชัยเล่าถึงจุดเริ่มต้นของเอ็มเอส เบญจรงค์ให้ฟังว่า “ตอนที่ได้มาเจอกับ คิง เพาเวอร์ ‘เรียกว่าเป็นโชควาสนา’ เพราะได้รับโอกาสให้ทางแบรนด์ผลิตและส่งให้กับทาง คิง เพาเวอร์ เพียงเจ้าเดียวในเวลานั้น และดำเนินการขายอยู่นานหลายปี กว่าที่จะเริ่มต้นทำ    แบรนด์พร้อมกับสร้างชื่อขึ้นมาทีละน้อย

ว่าด้วยแต่ละชิ้นงาน ผลิตภัณฑ์เบญจรงค์ ภายใต้แบรนด์เอ็มเอส เบญจรงค์ มีหลายรูปแบบ ไม่ว่าจะเป็นถ้วยกาแฟ ซึ่งเป็นสินค้าที่ขายดีที่สุด จาน ชาม แจกัน ชุดน้ำชา โถรูปทรงต่างๆ ชุดขันโตก ไปจนถึงเครื่องประดับ อย่างกำไลข้อมือและต่างหู ตุ๊กตาสัตว์ตัวเล็กๆ ที่เหมาะจะนำไปเป็นของที่ระลึก มีของตกแต่งบ้าน และผลิตภัณฑ์ต่างๆ อีกมากมาย ภายใต้เครื่องหมายการค้าที่บอกว่าทุกอย่างเป็นงานทำมือ โดยพลิกที่ใต้ผลิตภัณฑ์ทุกชิ้นจะมีข้อความว่า “Thai Handicraft Made in Thailand” เพราะทุกชิ้นคืองานฝีมือ ที่ต้องใช้ความละเอียดและประณีตอย่างที่สุด

 

เติบโตและพัฒนา…จากความหมายของเครื่องเบญจรงค์

เบญจรงค์ คือเครื่องถ้วยชามและผลิตภัณฑ์ที่วาดลวดลายขึ้นจากแม่สีทั้ง 5 ได้แก่ ดำ ขาว เขียว เหลือง และแดง มีลวดลายที่เป็นเอกลักษณ์มาแต่โบราณ ไม่ว่าจะเป็นลายเทพพนม ลายกนก ลายข้าวบิณฑ์ ช่วงแรกในการผลิตลายหลักๆ ก็จะเป็นลายข้าวบิณฑ์

ทุกวันนี้ทางเอ็มเอส เบญจรงค์ ยังได้พัฒนาลวดลายเพิ่มมากขึ้น ณ ตอนนี้ลวดลายของงานเบญจรงค์ได้ปรับเปลี่ยนและพัฒนาไปเยอะ แต่ก็ยังคงเอกลักษณ์และความสวยงามละเอียดลอออยู่ รวมถึงสีที่ใช้เทคนิคการผสมสีและการผสมสารเคมีที่ดีขึ้น ทำให้ตอนนี้เบญจรงค์ของทางแบรนด์อาจจะมีสีสันสวยงามมากกว่า 5 สีตามต้นตำรับ และลักษณะของเบญจรงค์แบบนี้จะเรียกว่า ‘ลายน้ำทอง’ เพราะมีการใช้ทองคำที่นำมาหลอมจนเป็นน้ำ ลักษณะคล้ายน้ำหมึกนำมาเขียนลวดลาย “เมื่อช่างฝีมือทำงานเขียนลวดลายไปนานๆ ก็จะเริ่มรู้ว่าลวดลายควรจะปรับเปลี่ยนไปอย่างไร มีการทดลองไปเรื่อยๆ จนได้ลายที่พอใจ ลายที่ทำอยู่ทุกวันนี้จะเรียกว่า ลายไทยเล็ก”

เอกลักษณ์ของเอ็มเอส เบญจรงค์

แรกเลยเอ็มเอส เบญจรงค์ไม่ได้เป็นผู้ผลิตเองตั้งแต่ต้นทาง แต่เป็นการซื้อภาชนะเซรามิกมา แล้วทำการเขียนลายด้วยน้ำทองและลงสีให้สวยงาม จุดเด่นอย่างหนึ่งของเอ็มเอส เบญจรงค์ คือเทคนิคการเขียนลายที่เรียกว่า ทองนูน โดยปกติเราจะเห็นเครื่องเบญจรงค์ที่มีเส้นขอบทองขนาดเล็กที่ด้านบนกับด้านล่าง ประมาณ 2-3 มิลลิเมตร แต่ลายของเอ็มเอส เบญจรงค์จะแตกต่างตรงที่ขอบทองนั้นจะมีขนาดใหญ่ถึง 2-3 เซนติเมตร และแถบทองตรงนั้นจะเป็นทองนูนที่มีลวดลาย ไม่ใช่แค่แถบทองขนาดใหญ่เพียงอย่างเดียว ลายตรงบริเวณพื้นทองยังเป็นทองด้าน และตัวลวดลายจะนูนและเป็นทองเงา โดยทั้งทองเงาและทองด้านจะตัดกัน ขับความโดดเด่นขึ้นมา ซึ่งเป็นเทคนิคที่เป็นเอกลักษณ์ของเอ็มเอส เบญจรงค์มาโดยตลอด

อีกสิ่งหนึ่งที่ทางแบรนด์เน้นเสมอก็คือ ลวดลายที่มีความละเอียด เหมือนตาข่ายที่เราจะรู้ว่าอันไหนตาใหญ่ อันไหนตาเล็ก ตาเล็กจะละเอียดมาก ซึ่งเขียนลายได้ยากกว่า “ถ้าเราทำลายหยาบๆ มันก็จะเหมือนกับสินค้าทั่วไปในตลาด ถ้าทำหยาบๆ วันหนึ่งก็ทำได้มากชิ้นถึง 5-6 ชิ้น แต่ชิ้นงานของเราทำได้แค่ 2-3 ชิ้นในแต่ละวัน”

 

กว่าจะมาเป็น…เบญจรงค์

กว่าจะสำเร็จออกมาเป็นงานเบญจรงค์สักชิ้น มีขั้นตอนการทำที่ละเอียดและซับซ้อนหลายขั้นตอน อย่างที่คุณอนันต์ชัยเล่าให้ฟังว่า  “เมื่อเราได้วัตถุดิบมาชิ้นหนึ่ง เราก็ล้างทำความสะอาด หลังจากนั้นก็ใช้พู่กันจุ่มทอง ทองนั้นคือทองที่เอาไปสกัดเป็นน้ำ เหมือนเอาทองคำไปทำเป็นน้ำหมึก แล้วเอาทองมาวนเส้นรอบตัววัตถุดิบ เพื่อคั่นให้เป็นลวดลายที่ต่างกัน  สมมติว่าลายหลักคือลายข้าวบิณฑ์ ก็คือลายส่วนใหญ่ที่เป็นตรงกลางของวัตถุในส่วนเนื้อที่เยอะๆ ส่วนขอบล่างกับขอบบนเราก็จะวนเส้นเพื่อให้เป็นลูกคั่น อันนี้จะเขียนเป็นลายที่ต่างออกไป

หลังจากวนเส้นแล้ว ก็จะเอาทองใส่ในเข็มฉีดยาเหมือนเป็นปากกาแล้วเขียนลาย พอแห้งก็นำไปลงสี  สีก็ทำมาจากแร่ที่นำมาบดละเอียดและผสมน้ำ นำมาหยอดตามช่องว่าง คนทำจะรู้ว่าช่องตรงนี้จะเป็นสีอะไร ช่องตรงนั้นจะเป็นสีอะไร และดูว่าใช้สีอะไรตรงไหนถึงจะสวย พอลงสีเสร็จก็มาถึงขอบบนกับขอบล่าง จะเป็นช่องว่างสีขาว ก็เอาทองมาทาตรงนี้ แล้วก็นำไปเผา พอเผาเสร็จก็จะมีความเงางาม น้ำทองที่เป็นสีดำก็จะเป็นสีทองขึ้นมา” แค่ฟังก็รู้แล้วว่าแต่ละขั้นตอนนั้นต้องใช้เวลาและยากขนาดไหน

 

ความยากกลายเป็นความพิเศษในชิ้นงาน

ด้วยความที่ขั้นตอนการผลิตเบญจรงค์นั้นเยอะและยาก ทำให้เอ็มเอส เบญจรงค์ประสบปัญหาว่าช่างฝีมือในการทำงานเบญจรงค์นั้นลดน้อยลงทุกวัน ขาดคนที่จะมาสืบทอดงานฝีมือแขนงนี้ รวมถึงการสืบทอดกิจการเบญจรงค์ด้วย แต่ทางเอ็มเอส เบญจรงค์ไม่ท้อถอย ยังคงมุ่งมั่นผลิตงานเบญรงค์ที่มีคุณภาพ พร้อมกับพยายามหาผู้ที่จะมาสานต่องานนี้ “ตอนนี้เราก็พยายามจะหาคนให้มาสืบทอดต่อไป อย่างน้อยๆ จะต้องมีคนที่ทำได้และสอนได้”

อีกปัญหาสำคัญในช่วงที่ผ่านมา คือสถานการณ์โควิด ทำให้ประสบปัญหาด้านยอดขาย แต่ทางแบรนด์ก็พยายามที่จะพัฒนาช่องทางการตลาดและขยายช่องทางการขายเพิ่มขึ้น พัฒนาตัวเองเข้าสู่โลกออนไลน์ แต่งานทุกชิ้นยังคงเป็นงานทำมือที่ไม่สามารถผลิตได้เป็นจำนวนมากๆ ไม่สามารถเติบโตไปเป็นงานอุตสาหกรรมและผลิตตามการสั่งซื้อจำนวนมากได้ เพราะทางเอ็มเอส เบญจรงค์ยืนยันกับเราว่า “เราต้องทำแต่ของดีๆ ออกมาเท่านั้น”

สืบทอดความเป็นไทย คงไว้ไม่เปลี่ยนแปลง

งานเบญจรงค์เป็นงานหัตถศิลป์ของไทยที่สืบทอดกันมาตั้งแต่สมัยกรุงศรีอยุธยา สืบทอดกันมาจากรุ่นสู่รุ่นจวบจนปัจจุบัน ถือเป็นงานศิลป์ที่ล้ำค่า ควรค่าแก่การสืบสานและอนุรักษ์ไว้ให้ลูกหลาน และนี่ก็เป็นอีกหนึ่งความปรารถนาอันแรงกล้าของทางเอ็มเอส เบญจรงค์ “อยากให้แบรนด์และงานเบญจรงค์ไปต่อได้ อยากให้มีคนมาสืบทอดที่จะมาทำงานฝีมือนี้ต่อไป จะมีคนมาช่วยสนับสนุนและสืบทอดต่อไปหรือเปล่า เป็นอนาคตที่ยังไม่แน่นอน แต่เราก็จะต้องพยายามต่อไป”

 

เอ็มเอส เบญจรงค์ (MS BENJARONG)  

ที่ตั้ง : 8/8 หมู่ 6 ถนนหลวงพ่อวิหารบ้านใหม่ อำเภอบางใหญ่ จังหวัดนนทบุรี 11140

 

Facebook : MS BENJARONG

 

ข้อมูลสินค้าเพิ่มเติมที่ตลาดพลังคนไทย

คลิก: MS BENJARONG

 

สนใจสินค้าพลังคนไทย สามารถสนับสนุนได้ที่คิง เพาเวอร์ทุกสาขา

 

Author

ภัทรามน ผุดเพชรแก้ว

Author

นักเล่าเรื่อง ผู้มีหนังสือและการเดินทางเป็นดั่งลมหายใจ นิยมชมชอบท้องฟ้า กาแฟ และแมว